คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
เดินเผชิญสืบ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 9 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3996/2541 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเดินเผชิญสืบที่ดินตามข้อตกลงคู่ความ ศาลมีอำนาจวินิจฉัยตามรูปคดี
คู่ความตกลงกันให้ศาลชั้นต้นเดินเผชิญสืบที่ดินพิพาทแล้ววินิจฉัยไปตามรูปคดีโดยไม่ติดใจสืบพยานอื่นใดอีกต่อไป และตามข้อตกลงของคู่ความมีลักษณะให้อยู่ในดุลพินิจของศาลชั้นต้นว่าศาลชั้นต้นประสงค์จะหาข้อเท็จจริงเพียงใดจากการเดินเผชิญสืบก็ได้ และข้อตกลงดังกล่าวไม่มีลักษณะบังคับให้ศาลชั้นต้นต้องไปสอบถามข้อเท็จจริงต่าง ๆ จากบุคคลที่อยู่ใกล้เคียงที่ดินพิพาท และไม่มีบทกฎหมายใดบัญญัติว่าการเดินเผชิญสืบจะต้องไปสอบถามข้อเท็จจริงต่าง ๆ จากบุคคลที่อยู่ใกล้เคียงที่ดินพิพาทดังนี้ การที่ศาลชั้นต้นได้ไปเดินเผชิญสืบที่ดินพิพาทพร้อมกับทำบันทึกรายละเอียดเกี่ยวกับอาณาเขตของที่ดินพิพาท ลักษณะของลำรางพิพาทว่าเป็นอย่างไร และมีอยู่อย่างไรแล้ววินิจฉัยคดีไปโดยไม่สอบถามพยานบุคคลหรือตรวจสอบพยานเอกสารอื่นอีกถือได้ว่าศาลชั้นต้นเดินเผชิญสืบอันเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาไปตามข้อตกลงของคู่ความแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3996/2541

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อตกลงเดินเผชิญสืบ: ดุลพินิจศาลในการแสวงหาข้อเท็จจริง
คู่ความตอกลงกันให้ศาลชั้นต้นเดินเผชิญสืบที่ดินพิพาทแล้ววินิจฉัยไปตามรูปคดีโดยไม่ติดใจสืบพยานอื่นใดอีกต่อไปและตามข้อตกลงของคู่ความมีลักษณะให้อยู่ในดุลพินิจของศาลชั้นต้นว่าศาลชั้นต้นประสงค์จะหาข้อเท็จจริงเพียงใดจากการเดินเผชิญสืบก็ได้ และข้อตกลงดังกล่าวไม่มีลักษณะบังคับให้ศาลชั้นต้นต้องไปสอบถามข้อเท็จจริงต่าง ๆจากบุคคลที่อยู่ใกล้เคียงที่ดินพิพาท และไม่มีบทกฎหมายใดบัญญัติว่าการเดินเผชิญสืบจะต้องไปสอบถามข้อเท็จจริงต่าง ๆจากบุคคลที่อยู่ใกล้เคียงที่ดินพิพาทดังนี้ การที่ศาลชั้นต้นได้ไปเดินเผชิญสืบที่ดินพิพาทพร้อมกับทำบันทึกรายละเอียดเกี่ยวกับอาณาเขตของที่ดินพิพาท ลักษณะของลำรางพิพาทว่าเป็นอย่างไร และมีอยู่อย่างไรแล้ววินิจฉัยคดีไปโดยไม่สอบถามพยานบุคคลหรือตรวจสอบพยานเอกสารอื่นอีกถือได้ว่าศาลชั้นต้นเดินเผชิญสืบอันเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาไปตามข้อตกลงของคู่ความแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3091/2533 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เบิกความเท็จในชั้นศาลไม่จำเป็นต้องรอคำพิพากษาคดีหลัก การเดินเผชิญสืบเป็นดุลพินิจศาล
การฟ้องกล่าวหาว่า จำเลยทั้งสองเบิกความเท็จหาจำต้องรอให้ศาลพิพากษาคดีที่จำเลยเบิกความเท็จเสียก่อนไม่ เพราะความผิดเกิดตั้งแต่จำเลยเบิกความอันเป็นเท็จในการพิจารณาคดีต่อศาลในคดีนั้นแล้ว
เมื่อจำเลยทั้งสองแถลงหมดพยานบุคคล และขอให้ศาลชั้นต้นเดินเผชิญสืบบ้านพิพาท โจทก์แถลงคัดค้าน ศาลชั้นต้นเห็นว่าไม่มีความจำเป็น แต่เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมจึงให้ทนายของคู่ความถ่ายภาพบ้านพิพาททั้งสองหลังส่งศาลแสดงว่าจำเลยทั้งสองพอใจคำสั่งศาลชั้นต้นและไม่ติดใจขอให้ศาลชั้นต้นเดินเผชิญสืบบ้านพิพาท การที่ศาลจะไปเดินเผชิญสืบหรือไม่เป็นดุลพินิจของศาล
การที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า บ้านพิพาทเป็นของจำเลยที่ 2 แสดงว่าบ้านพิพาทไม่ได้เป็นส่วนควบกับบ้านเลขที่ 75 อยู่ในตัว ถือได้ว่าศาลอุทธรณ์วินิจฉัยในประเด็นเรื่องส่วนควบแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3091/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เบิกความเท็จในคดีแพ่ง: การฟ้องเอาผิดไม่ต้องรอคำพิพากษาคดีหลัก การเดินเผชิญสืบเป็นดุลพินิจศาล
การฟ้องกล่าวหาว่า จำเลยทั้งสองเบิกความเท็จหาจำต้องรอให้ศาลพิพากษาคดีที่จำเลยเบิกความเท็จเสียก่อนไม่ เพราะความผิดเกิดตั้งแต่ จำเลยเบิกความอันเป็นเท็จในการพิจารณาคดีต่อ ศาลในคดีนั้นแล้ว เมื่อจำเลยทั้งสองแถลงหมดพยานบุคคล และขอให้ศาลชั้นต้นเดิน เผชิญสืบบ้านพิพาท โจทก์แถลงคัดค้าน ศาลชั้นต้นเห็นว่าไม่มีความจำเป็น แต่ เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมจึงให้ทนายของคู่ความถ่าย ภาพบ้านพิพาททั้งสองหลังส่งศาลแสดงว่าจำเลยทั้งสองพอใจคำสั่ง ศาลชั้นต้น และไม่ติดใจขอให้ศาลชั้นต้นเดิน เผชิญสืบบ้านพิพาท การที่ศาลจะไปเดินเผชิญสืบหรือไม่เป็นดุลพินิจ ของศาล การที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า บ้านพิพาทเป็นของจำเลยที่ 2แสดงว่าบ้านพิพาทไม่ได้เป็นส่วนควบกับบ้านเลขที่ 75 อยู่ในตัวถือได้ ว่าศาลอุทธรณ์วินิจฉัยในประเด็นเรื่องส่วนควบแล้ว.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3495/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การงดเดินเผชิญสืบและการอุทธรณ์คำสั่งศาลที่ไม่ทำแผนที่พิพาท: ศาลฎีกาตัดสินแนวทางปฏิบัติ
คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ไม่เรียกกรมที่ดินเข้ามาเป็นจำเลยร่วม ไม่มีความจำเป็นจะต้องทำแผนที่พิพาท และไม่จำเป็นที่จะต้องไปเผชิญสืบที่พิพาทให้ยกคำร้องโจทก์ เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา โจทก์แถลงคัดค้านเรื่องขอให้ศาลเดินเผชิญสืบและเรียกกรมที่ดินเข้ามาเป็นจำเลยร่วมเท่านั้น ไม่ได้โต้แย้งคัดค้านเรื่องการทำแผนที่พิพาทด้วย จึงต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ในเรื่องการทำแผนที่พิพาทตาม ป.วิ.พ. มาตรา 226
เมื่อศาลชั้นต้นเห็นว่าพยานหลักฐานที่คู่ความนำสืบมาเกี่ยวกับประเด็นข้อพิพาทเพียงพอแก่การวินิจฉัยชี้ขาดคดีแล้ว ไม่จำเป็นต้องเดินเผชิญสืบที่พิพาทต่อไป ย่อมมีอำนาจงดเดินเผชิญสืบแล้ววินิจฉัยคดีไปได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3495/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การงดเดินเผชิญสืบและข้อจำกัดการอุทธรณ์เรื่องการทำแผนที่พิพาทเมื่อศาลเห็นว่าพยานหลักฐานเพียงพอ
คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ไม่เรียกกรมที่ดินเข้ามาเป็นจำเลยร่วมไม่มีความจำเป็นจะต้องทำแผนที่พิพาท และไม่จำเป็นที่จะต้องไปเผชิญสืบที่พิพาทให้ยกคำร้องโจทก์ เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาโจทก์แถลงคัดค้านเรื่องขอให้ศาลเดินเผชิญสืบและเรียกกรมที่ดินเข้ามาเป็นจำเลยร่วมเท่านั้น ไม่ได้โต้แย้งคัดค้านเรื่องการทำแผนที่พิพาทด้วย จึงต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ในเรื่องการทำแผนที่พิพาทตาม ป.วิ.พ. มาตรา 226 เมื่อศาลชั้นต้นเห็นว่าพยานหลักฐานที่คู่ความนำสืบมาเกี่ยวกับประเด็นข้อพิพาทเพียงพอแก่การวินิจฉัยชี้ขาดคดีแล้ว ไม่จำเป็นต้องเดินเผชิญสืบที่พิพาทต่อไป ย่อมมีอำนาจงดเดินเผชิญสืบแล้ววินิจฉัยคดีไปได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2666/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเดินเผชิญสืบและการวินิจฉัยความผิดฐานเบิกความเท็จ/แสดงหลักฐานเท็จ ศาลไม่จำเป็นต้องสั่งงดการเผชิญสืบหากโจทก์ไม่ติดใจ
โจทก์ยื่นคำร้องขอให้ศาลไปเผชิยสืบที่พิพาท ศาลชั้นต้นสั่งว่าจะสั่งเมื่อสืบพยานบุคคลเสร็จแล้ว โจทก์สืบพยานบุคคลเสร็จแล้วแถลงหมดพยาน ดังนี้ ย่อมถือว่าโจทก์ไม่ติดใจสืบพยานอื่นอีกต่อไป รวมทั้งการที่ให้ศาลไปเผชิญสืบด้วย โดยศาลไม่จำเป็นต้องสั่งงดการเดินเผชิญสืบของโจทก์
การขอให้ศาลไปเดินเผชิญสืบนั้น ถ้าศาลเห็นว่าไม่จำเป็นจะสั่งงดเสียก็ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 174
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเบิกความเท็จและแสดงพยานหลักฐานอันเป็นเท็จว่าที่ดินของจำเลยไม่มีทางออกสู่ทางสาธารณะ ซึ่งความจริงที่ดินของจำเลยมีทางออกสู่ทางสาธารณะได้ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 177,180 ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยว่าที่ดินของจำเลยไม่มีทางออกสู่ทางสาธารณะ พิพากษายกฟ้อง ดังนี้ เป็นการวินิจฉัยที่กินความไปถึงความผิดฐานนำสืบหรือแสดงหลักฐานอันเป็นเท็จตามมาตรา 180 ตามที่โจทก์ฟ้องด้วยแล้ว มิใช่วินิจฉัยแต่เฉพาะความผิดฐานเบิกความเท็จ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 177 เท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2666/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขอเดินเผชิญสืบและการวินิจฉัยความผิดฐานเบิกความเท็จ/แสดงหลักฐานเท็จ ศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลล่าง
โจทก์ยื่นคำร้องขอให้ศาลไปเผชิญสืบที่พิพาท ศาลชั้นต้นสั่งว่าจะสั่งเมื่อสืบพยานบุคคลเสร็จแล้ว โจทก์สืบพยานบุคคลเสร็จแล้วแถลงหมดพยาน ดังนี้ ย่อมถือว่าโจทก์ไม่ติดใจสืบพยานอื่นอีกต่อไปรวมทั้งการที่ให้ศาลไปเผชิญสืบด้วย โดยศาลไม่จำเป็นต้องสั่งงดการเดินเผชิญสืบของโจทก์
การขอให้ศาลไปเดินเผชิญสืบนั้น ถ้าศาลเห็นว่าไม่จำเป็นจะสั่งงด เสียก็ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 174
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเบิกความเท็จและแสดงพยานหลักฐานอันเป็นเท็จว่าที่ดินของจำเลยไม่มีทางออกสู่ทางสาธารณะ ซึ่งความจริงที่ดินของจำเลยมีทางออกสู่ทางสาธารณะได้ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 177,180 ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยว่าที่ดินจำเลยไม่มีทางออกสู่ทางสาธารณะ พิพากษายกฟ้อง ดังนี้ เป็นการวินิจฉัยที่กินความไปถึงความผิดฐานนำสืบหรือแสดงหลักฐานอันเป็นเท็จตามมาตรา 180ตามที่โจทก์ฟ้องด้วยแล้ว มิใช่วินิจฉัยแต่เฉพาะความผิดฐานเบิกความเท็จตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 177 เท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 574/2487 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเดินเผชิญสืบพยานนอกศาลและการพิจารณาคดีอาญาที่ชอบด้วยกฎหมาย
ป.วิธี.อาญาม.230มิได้บัญญัติฉเพาะการส่งประเด็นไปสืบแต่หย่างเดียว หากบัญญัติรวมถึงการเดินผเชินสืบด้วย.
ไนการผเชินสืบจำเลยจะไปฟังการพิจารนาหรือไม่ก็ได้หากเลยไม่ไป เมื่อสาลสืบกลับมาแล้วอ่านไห้จำเลยฟัง จำเลยไม่คัดค้านหย่างได ดังนี้ไม่ชัดต่อวิธีพิจารนา.
การพิจารนาและสืบพยานซึ่งกดหมายบังคับไห้ทำต่อหน้าจำเลยฉเพาะการพิจารนาและสืบไนสาลตาม ป. วิธีพิจารนาอาญา ม.172 เท่านั้น