คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
เปลี่ยนแปลงคำพิพากษา

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 8 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7536/2544 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เปลี่ยนแปลงคำพิพากษาเด็ก delinquency หลังอายุเกิน 18 ปี: จากสถานพินิจเป็นอบรมสั่งสอนโดยมารดา
ศาลล่างทั้งสองพิพากษาให้ส่งจำเลยไปรับการฝึกและอบรมที่สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน มีกำหนดตั้งแต่ 2 ปี ถึง 3 ปี ขณะเกิดเหตุเมื่อปี 2539 จำเลยอายุ 14 ปี แต่ในระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา จำเลยอายุ 19 ปี ซึ่งตาม ป.อ. มาตรา 74 (5) บัญญัติว่าเด็กอายุกว่าเจ็ดปีแต่ยังไม่เกินสิบสี่ปีกระทำการอันกฎหมายบัญญัติเป็นความผิด เด็กนั้นไม่ต้องรับโทษ แต่ให้ศาลมีอำนาจที่จะส่งตัวเด็กนั้นไปยังโรงเรียน หรือสถานฝึกและอบรม หรือสถานที่ซึ่งจัดตั้งขึ้นเพื่อฝึกและอบรมเด็กตลอดระยะเวลาที่ศาลกำหนด แต่อย่าให้เกินกว่าที่เด็กนั้นจะมีอายุครบสิบแปดปี เมื่อความปรากฏแก่ศาลฎีกาว่า จำเลยอายุเกิน 18 ปี แล้ว จึงไม่อาจส่งจำเลยไปรับการฝึกและอบรมตามคำพิพากษาของศาลล่างทั้งสองได้ ถือว่าเป็นกรณีที่พฤติการณ์เกี่ยวกับคำสั่งเดิมเปลี่ยนแปลงไป ศาลฎีกามีอำนาจเปลี่ยนแปลงแก้ไขคำสั่งเดิมได้ ตามป.อ. มาตรา 74 วรรคท้าย เป็นให้มารดาจำเลยรับตัวจำเลยไปอบรมสั่งสอนและดูแลระมัดระวังมิให้จำเลยก่อเหตุร้ายหรือกระทำผิดอาญาใด ๆ ขึ้นอีกภายในกำหนด 1 ปี นับแต่วันอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาให้จำเลยฟังได้ มิฉะนั้นศาลจะปรับครั้งละ 500 บาทตาม ป.อ. มาตรา 74 (2)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7604/2543 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำขอพิจารณาใหม่ต้องแสดงเหตุขาดนัดชัดเจนและเหตุผลที่ศาลอาจเปลี่ยนแปลงคำพิพากษา
คำขอให้พิจารณาใหม่นั้น คู่ความจะต้องกล่าวโดยละเอียดชัดแจ้งถึงเหตุที่ขาดนัดข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาล และเหตุแห่งการยื่นคำขอล่าช้าตามป.วิ.พ.มาตรา 208 วรรคท้าย (เดิม)
คำขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยกล่าวแต่เพียงว่า จำเลยเพิ่งพบคำบังคับ โดยไม่ทราบมาก่อนว่าถูกฟ้อง สอบถามคนในบ้านได้ความว่าเก็บคำบังคับแล้วลืมนำมาให้จำเลย ส่วนหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องไม่มีผู้ใดทราบ หากทราบจำเลยจะต้องยื่นคำให้การต่อสู้คดี จำเลยมีทางชนะคดีโจทก์ได้ เนื่องจากจำเลยมิได้ผิดนัดชำระหนี้ต่อโจทก์ ข้อความในคำขอดังกล่าวไม่ได้กล่าวแสดงเหตุละเอียดและชัดแจ้งซึ่งข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลชั้นต้นว่า คำพิพากษาของศาลชั้นต้นไม่ชอบหรือไม่ถูกต้องในส่วนใดอย่างไร ทั้งไม่มีเหตุผลหรือหลักฐานอ้างอิงที่จะแสดงให้เห็นได้ชัดแจ้งว่า หากพิจารณาใหม่แล้ว ศาลอาจพิพากษาให้ผิดแผกแตกต่างจากที่ได้พิพากษาไปแล้ว จึงไม่ชอบด้วย ป.วิ.พ.มาตรา 208 วรรคท้าย (เดิม)
คำขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยไม่ชอบด้วย ป.วิ.พ.มาตรา208 วรรคท้าย (เดิม) กรณีต้องยกคำร้องอยู่แล้ว แม้ศาลฎีกาจะวินิจฉัยฎีกาของจำเลยให้ก็ไม่เป็นประโยชน์แก่คดี ฎีกาของจำเลยจึงไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัยตาม ป.วิ.พ.มาตรา 249

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1581/2540 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเปลี่ยนแปลงคำพิพากษาจากรอการลงโทษเป็นไม่รอการลงโทษเมื่อจำเลยถูกจำคุกในคดีอื่น และมิได้จงใจฝ่าฝืนเงื่อนไขคุมความประพฤติ
จำเลยถูกจับกุมในวันเวลาเกิดเหตุเดียวกันในข้อหาร่วมกันบุกรุกและมีวัตถุออกฤทธิ์ไว้ในครอบครอง พนักงานอัยการได้แยกฟ้องคดีร่วมกันบุกรุกเป็นอีกคดีหนึ่ง ซึ่งศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นลงโทษจำคุกจำเลย6 เดือน ส่วนคดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาก่อนคดีดังกล่าวให้จำคุก 6 เดือน รอการลงโทษ 2 ปี และคุมความประพฤติไว้การที่จำเลยมิได้ไปรายงานตัวในครั้งที่ 3 ถึงครั้งที่ 5ในคดีนี้ก็เพราะเหตุถูกจำคุกอยู่ในเรือนจำ จึงไม่เป็นการจงใจฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขคุมความประพฤติตามที่ศาลชั้นต้นกำหนด และกรณีมิใช่จำเลยกระทำความผิดขึ้นอีกหลังจากที่มีคำพิพากษาในคดีนี้แล้ว ศาลชั้นต้นจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลงคำพิพากษาคดีนี้จากรอการลงโทษเป็นให้ลงโทษที่รอไว้แก่จำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 57 หาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3692/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผลคำพิพากษาถึงที่สุดผูกพันคู่ความ แม้พยานหลักฐานในคดีก่อนจะคลาดเคลื่อน โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องขอเปลี่ยนแปลง
คดีก่อน ศาลพิพากษาถึงที่สุดว่าที่ดินพิพาทเป็นภารจำยอมของที่ดิน 4 โฉนดและให้จำเลย (โจทก์คดีนี้) จดทะเบียนที่ดินพิพาทให้เป็นภารจำยอมแก่ที่ดิน 4 โฉนดนั้น กับห้ามจำเลยเกี่ยวข้องเช่นนี้ ผลของคำพิพากษาอันถึงที่สุดย่อมผูกพันคู่ความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 145 โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องขอให้เพิกถอนหรือเปลี่ยนแปลงผลของคำพิพากษาในคดีก่อนนั้นโดยอ้างว่าพยานเอกสารและพยานบุคคลในคดีก่อนนั้นเป็นเท็จทำให้ศาลพิพากษาคลาดเคลื่อน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 924/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเปลี่ยนแปลงคำพิพากษาเรื่องค่าเสียหายในคำแก้ฎีกา: ศาลฎีกาไม่รับคำขอใหม่หากไม่ได้ฎีกาคัดค้าน
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าที่พิพาทตกเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้องห้ามผู้คัดค้านเกี่ยวข้อง และเนื่องจากระหว่างพิจารณาคู่ความตกลงในเรื่องค่าเสียหายเพราะขาดผลประโยชน์จากการทำนาของอีกฝ่ายหนึ่งเป็นเงินปีละ 5,400 บาท จึงให้ผู้คัดค้านใช้ค่าเสียหายให้แก่ผู้ร้องปีละ 5,400 บาทดังที่ตกลงกันศาลอุทธรณ์แก้เป็นว่า ให้ที่พิพาทตกเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้องเท่านั้น ส่วนนอกนั้นผู้ร้องมิได้มีคำขอไว้ศาลชั้นต้นไปพิพากษาให้จึงไม่ชอบ
ผู้ร้องมิได้ฎีกา จะขอมาในคำแก้ฎีกาให้ศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้ตนได้ค่าเสียหายปีละ 5,400บาทหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 821/2517

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเปลี่ยนแปลงคำพิพากษาจากฝึกอบรมเป็นจำคุกหลังคดีถึงที่สุด ศาลต้องฟังข้อเท็จจริงก่อน
ศาลคดีเด็กและเยาวชนกลางพิพากษาให้จำคุกจำเลยซึ่งมีอายุ17 ปีเศษ แต่ให้เปลี่ยนโทษจำคุกเป็นส่งตัวจำเลยไปฝึกอบรมแทนคดีถึงที่สุด ต่อมาจำเลยยื่นคำร้องว่าจำเลยถูกส่งตัวไปฝากขังที่เรือนจำอยู่แล้ว เพื่อให้จำเลยได้รับสิทธิเช่นเดียวกับผู้ต้องโทษทั่วไป ขอให้ลงโทษจำคุกจำเลยแทนการฝึกอบรม ดังนี้ เป็นการที่จำเลยกล่าวอ้างว่าพฤติการณ์เปลี่ยนแปลงไป ควรที่จะได้มีการเปลี่ยนแปลงคำพิพากษาหรือคำสั่งเกี่ยวกับการลงโทษ หรือใช้วิธีการสำหรับเด็กและเยาวชนตามพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีเด็กและเยาวชน พ.ศ. 2494 มาตรา 63 จึงควรที่ศาลจะได้ฟังข้อเท็จจริงเสียก่อนที่จะพิจารณาสั่งว่าสมควรแก้ไขเปลี่ยนแปลงคำพิพากษาหรือไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1846/2499

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การนับโทษต่อระหว่างคดีอาญา ศาลฎีกาพิพากษาให้นับโทษต่อได้หากคำร้องถึงศาลตั้งแต่ชั้นต้น แม้มีการเปลี่ยนแปลงคำพิพากษา
โจทก์ยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นในระหว่างที่พิจารณาคดี ขอให้นับโทษจำเลยต่อจากคดีหนึ่ง ภายหลังยื่นคำร้องเพิ่มเติมอีกว่า คดีที่ขอให้นับโทษต่อนั้น ศาลยกฟ้องเสียแล้ว จึงขอให้นับโทษต่อคดีใหม่อีกคดีหนึ่งต่อมาอีกปรากฏว่า คดีที่ศาลชั้นต้นยกฟ้องนั้นศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ลงโทษ โจทก์จึงกลับมาร้องขอใหม่ขอให้ศาลอุทธรณ์นับโทษจำเลยต่อจากคดีแรกอีก แต่คำร้องดังกล่าวติดอยู่ในสำนวนอีกสำนวนหนึ่งมิได้ส่งไปยังศาลอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์จึงมิได้กล่าวถึงคำร้องขอให้นับโทษต่อ ดังนี้ เมื่อโจทก์ฎีกาขอให้นับโทษต่อ ศาลฎีกาย่อมพิพากษาให้นับโทษต่อได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1049/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิจารณาคดีอาญา: การเปลี่ยนแปลงคำพิพากษาเกี่ยวกับความผิดฐานฆ่าคนตายและชิงทรัพย์
โจทย์ฟ้องหาว่าจำเลยชิงทรัพย์และฆ่าคนตาย โดยเจตนา ขอให้ลงโทษ ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยเฉพาะฐานชิงทรัพย์ ส่วนฐานฆ่าคนตายเห็นว่าจำเลยไม่เจตนาฆ่า จึงไม่ลงโทษจำเลยในฐานนี้ โจทก์อุทธรณ์ขอให้ปล่อย แต่ศาลอุทธรณ์กลับเชื่อพยานฐานที่ของจำเลย จึงพิพากษายกฟ้องโจทก์ทั้งหมดดังนี้ โจทก์จะฎีกาขอให้ศาลฎีกาลงโทษจำเลยฐานฆ่าคนตายโดยเจตนาอีกไม่ได้แล้ว