พบผลลัพธ์ทั้งหมด 5 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1703/2539 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิจากสัญญาจะซื้อขายก่อนยึดทรัพย์: การบังคับตามสัญญาไม่ทำให้สิทธิในทรัพย์สินที่ถูกยึดเปลี่ยนแปลง
จำเลยทำ สัญญาจะซื้อขายที่ดินพิพาททั้งสามโฉนดให้แก่ผู้ร้องไว้ก่อนวันที่19มีนาคม2533ซึ่งเป็นวันที่จำเลยถึงแก่กรรมต่อมาวันที่14กันยายน2533ผู้ร้องฟ้อง ล. ในฐานะทายาทและผู้จัดการมรดกของจำเลยขอให้ศาลบังคับให้ ล.จดทะเบียนโอนขายที่ดินพิพาททั้งสามโฉนดแก่ผู้ร้อง ล. ตกลง ประนีประนอมยอมความยอมจดทะเบียนโอนขายที่ดินพิพาทให้แก่ผู้ร้องศาลได้ พิพากษาตามยอมเมื่อวันที่1กุมภาพันธ์2534ภายหลังที่โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินไว้ก่อนแล้วเมื่อวันที่18เมษายน2533ดังนี้การที่ ล. ตกลงประนีประนอมยอมความกับผู้ร้องเป็นการยอมรับตามสิทธิของผู้ร้องที่มีอยู่ตามสัญญาจะซื้อขายที่จำเลยทำไว้แก่ผู้ร้องก่อนถึงแก่กรรมหาใช่ ล. เพิ่งก่อให้เกิดเปลี่ยนแปลงซึ่งสิทธิในที่ดินที่ถูกยึดภายหลังที่เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ทำการยึดไว้แล้วไม่และผู้ร้องย่อมมีสิทธิฟ้องขอให้ศาลบังคับ ล. ในฐานะทายาทและผู้จัดการมรดกของจำเลยซึ่งได้รับมาทั้งสิทธิและหน้าที่ที่จำเลยมีอยู่ต่อผู้ร้องจดทะเบียนโอนขายที่ดินทั้งสามโฉนดตามสัญญาจะซื้อขายแก่ผู้ร้องและการที่ศาลพิพากษาตามยอมก็เป็นการบังคับให้ ล. ในฐานะทายาทและผู้จัดการมรดกของจำเลยปฏิบัติตามที่จำเลยมีอยู่ต่อผู้ร้องเท่านั้นถือไม่ได้ว่าจำเลยซึ่งเป็นลูกหนี้โจทก์ตามคำพิพากษาได้ก่อให้เกิดเปลี่ยนแปลงซึ่งสิทธิในทรัพย์สินที่ถูกยึดภายหลังที่ได้ทำการยึดไว้แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6104/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประนีประนอมยอมความเพื่อบุคคลภายนอก การเปลี่ยนแปลงสิทธิ และผลผูกพันตามสัญญา
จำเลยที่ 2 ที่ 3 และนายอรุณทำสัญญาประนีประนอมยอมความตกลงเลิกห้าง จำเลยที่ 1 ให้จำเลยที่ 2 และที่ 3 ได้สิทธิในทรัพย์สินของจำเลยที่ 1 กับต้องชำระหนี้ภาษีอากรของจำเลยที่ 1ทั้งหมดรวมทั้งหนี้ภาษีอากรในคดีนี้ สัญญาฉบับแรกนี้จึงเป็นสัญญาเพื่อบุคคลภายนอกตาม ป.พ.พ. มาตรา 374 โจทก์มีสิทธิเรียกชำระหนี้ภาษีอากรจากจำเลยที่ 3 โดยตรงได้ เมื่อโจทก์ได้มีหนังสือเรียกชำระหนี้จากจำเลยที่ 3 จึงเป็นการแสดงเจตนาว่าจะถือเอาประโยชน์จากสัญญานั้นแล้ว สิทธิของบุคคลภายนอกจะถูกเปลี่ยนแปลงหรือระงับได้ตามป.พ.พ. มาตรา 375 นั้น จะต้องกระทำโดยคู่สัญญาทุกฝ่าย แต่สัญญาฉบับหลังที่จำเลยที่ 1 โดยจำเลยที่ 2 ในฐานะหุ้นส่วนผู้จัดการและนายอาภรณ์ผู้ชำระบัญชีฝ่ายหนึ่ง กับจำเลยที่ 3 อีกฝ่ายหนึ่งได้ทำขึ้นเพื่อยกเลิกสัญญาฉบับแรกนั้น จำเลยที่ 2 ในฐานะส่วนตัวและนายอรุณมิได้เป็นคู่สัญญาในสัญญาฉบับหลัง สัญญาฉบับหลังจึงไม่กระทบถึงสิทธิของโจทก์ซึ่งได้เกิดมีขึ้นตาม ป.พ.พ. มาตรา374 แล้ว.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1132/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอายัดเงินค่าเช่าหลังตกลงเลิกสัญญา การเปลี่ยนแปลงสิทธิหลังอายัดใช้ยันเจ้าหนี้ไม่ได้
ศาลชั้นต้นสั่งอายัดเงินค่าโอนสิทธิการเช่าซึ่งผู้ร้องจะต้องชำระแก่จำเลยไว้ชั่วคราวก่อนพิพากษาผู้ร้องยื่นคำร้องคัดค้านต่อมาผู้ร้องแถลงต่อศาลว่าเงินค่าโอนสิทธิการเช่าตามที่โจทก์ขออายัดนั้นผู้ร้องและจำเลยตกลงเลิกการเช่าต่อกันจำเลยไม่ติดใจเรียกร้องเงินดังกล่าวจากผู้ร้อง ผู้ร้องจึงไม่อยู่ในฐานะลูกหนี้จำเลยที่จะต้องปฏิบัติตามหมายอายัดต่อไปดังนี้ ตามคำแถลงของผู้ร้องเป็นเรื่องที่จำเลยกับผู้ร้องได้กระทำกันภายหลังจากที่ศาลได้สั่งอายัดเงินโอนสิทธิการเช่าแล้ว หาอาจใช้ยันโจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาหรือเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ไม่ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 259 ประกอบด้วยมาตรา 314(1) เมื่อผู้ร้องรับว่าจะนำเงินมาวางศาลภายใน 1 เดือน แต่ไม่นำมาวางภายในกำหนด โจทก์ก็ย่อมขอให้ผู้ร้องนำเงินดังกล่าวมาชำระตามคำสั่งอายัดของศาลได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 709/2516
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้เอกสารสิทธิปลอมเพื่อเปลี่ยนแปลงสิทธิในที่ดิน และการอ้างพยานเบิกความเท็จ โดยไม่มีส่วนร่วม
จำเลยที่ 1 นำสืบเอกสารปลอมที่มีสารสำคัญว่า โจทก์ทำเป็นหลักฐานว่าจำเลยที่ 1 ซื้อที่ดินสร้างตึกพิพาทแล้วลงชื่อโจทก์เป็นผู้ซื้อแทน จำเลยที่ 1 ต้องการที่ดินเมื่อใด โจทก์จะโอนโฉนดให้ ข้อความดังกล่าวเป็นหลักฐานแห่งการเปลี่ยนแปลงสิทธิของโจทก์ เอกสารดังกล่าวจึงเป็นเอกสารสิทธิ และเป็นเอกสารที่มีความสำคัญเกี่ยวไปถึงการสร้างตึกแถวพิพาทและการทำสัญญาเช่าตึกแถว ทำให้โจทก์เสียหาย เป็นความผิดฐานใช้เอกสารสิทธิปลอมตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268
เพียงแต่การอ้างบุคคลอื่นเป็นพยาน พยานจะเบิกความอย่างไรย่อมขึ้นอยู่กับการกระทำของพยาน. ถ้าหากพยานเบิกความเท็จจะฟังว่าผู้อ้างพยานกระทำการนั้นร่วมกับพยานด้วยหาได้ไม่ ผู้อ้างพยานจึงไม่มีความผิดฐานเบิกความเท็จด้วย
ศาลชั้นต้นสั่งไม่ประทับฟ้องในข้อหาฐานปลอมเอกสารสิทธิตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 265 แล้ว แต่ทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยมีความผิดฐานใช้เอกสารปลอมตามมาตรา 268 และพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามมาตรา 268 ประกอบด้วยมาตรา 265นั้น หมายความว่าจำเลยมีความผิดตามมาตรา 268 ให้ลงโทษตามมาตรา 265. มิได้หมายความว่าจำเลยมีความผิดตามมาตรา 265 ด้วย ในกรณีเช่นนี้ศาลจะพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามมาตรา 268 แล้ว วางกำหนดโทษไปโดยไม่อ้างถึงมาตรา 265 ก็ได้
เพียงแต่การอ้างบุคคลอื่นเป็นพยาน พยานจะเบิกความอย่างไรย่อมขึ้นอยู่กับการกระทำของพยาน. ถ้าหากพยานเบิกความเท็จจะฟังว่าผู้อ้างพยานกระทำการนั้นร่วมกับพยานด้วยหาได้ไม่ ผู้อ้างพยานจึงไม่มีความผิดฐานเบิกความเท็จด้วย
ศาลชั้นต้นสั่งไม่ประทับฟ้องในข้อหาฐานปลอมเอกสารสิทธิตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 265 แล้ว แต่ทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยมีความผิดฐานใช้เอกสารปลอมตามมาตรา 268 และพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามมาตรา 268 ประกอบด้วยมาตรา 265นั้น หมายความว่าจำเลยมีความผิดตามมาตรา 268 ให้ลงโทษตามมาตรา 265. มิได้หมายความว่าจำเลยมีความผิดตามมาตรา 265 ด้วย ในกรณีเช่นนี้ศาลจะพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามมาตรา 268 แล้ว วางกำหนดโทษไปโดยไม่อ้างถึงมาตรา 265 ก็ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 830/2512
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครองปรปักษ์และการเปลี่ยนแปลงสิทธิในที่ดินหลังการครอบครอง
ในคำแถลงการณ์เป็นหนังสือของโจทก์ในชั้นฎีกา. โจทก์ได้ยกข้อต่อสู้เป็นข้อกฎหมายขึ้นใหม่. ซึ่งโจทก์ไม่ได้ยกขึ้นกล่าวไว้ในฎีกา. ทั้งมิใช่ข้อที่ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์. ศาลฎีกาไม่รับฟัง.