พบผลลัพธ์ทั้งหมด 8 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 158/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิ่มเติมคำให้การของผู้ค้ำประกันหลังเกิดเหตุใหม่ และการหลุดพ้นจากความรับผิดเมื่อลูกหนี้ชำระหนี้ครบถ้วน
จำเลยที่ 2 ที่ 3 ซึ่งเป็นผู้ค้ำประกันจำเลยที่ 1 ขอเพิ่มเติมคำให้การครั้งแรก ยกข้อต่อสู้ขึ้นใหม่ว่า ที่โจทก์ถอนการอายัดทรัพย์จำเลยที่ 1 เท่ากับยอมให้เปลี่ยนแปลงสภาพหนี้ตามฟ้อง การค้ำประกันจึงเป็นโมฆะ ผู้ค้ำประกันหลุดพ้นจากความรับผิด และจำเลยที่ 2 ที่ 3 ขอเพิ่มเติมคำให้การครั้งหลังยกข้อต่อสู้เพิ่มขึ้นใหม่อีกว่า โจทก์ผ่อนเวลา และหลังจากฟ้องแล้วโจทก์ได้รับชำระหนี้จากเงินประกันภัยของจำเลยที่ 1 กับหักหนี้จากเงินขายฝากที่ดินที่โจทก์หรือผู้แทนรับซื้อฝากไว้จากจำเลยที่ 1 หนี้ของจำเลยที่ 1 เป็นอันระงับ จำเลยที่ 2 ที่ 3 ในฐานะผู้ค้ำประกันหลุดพ้นจากความรับผิด ข้อที่ขอเพิ่มเติมคำให้การนี้เพราะเมื่อจำเลยที่ 2 ที่ 3 ยื่นคำให้การแก้ฟ้องแล้ว โรงงานทอผ้าของจำเลยที่ 1 ถูกเพลิงไหม้ และในวันชี้สองสถานศาลมีคำสั่งอายัดเงินค่าประกันภัยจากบริษัทประกันภัย ส่วนการซื้อฝากที่ดินได้กระทำกันภายหลังวันชี้สองสถานแล้ว จึงเป็นที่เห็นได้ว่าเป็นเหตุที่เกิดขึ้นภายหลังทั้งสิ้น ซึ่งจำเลยไม่อาจยื่นคำร้องได้ก่อนวันชี้สองสถาน จำเลยที่ 2 ที่ 3 จึงมีสิทธิขอเพิ่มเติมคำให้การได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 180 แม้ศาลชั้นต้นจะอนุญาตให้แก้ไขเพิ่มเติมคำให้การได้เฉพาะเรื่องจำเลยได้ชำระหนี้แล้วก็เป็นการชอบ
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 33 - 34/2512 และ 1/2513)
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 33 - 34/2512 และ 1/2513)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 158/2513
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิ่มเติมคำให้การของผู้ค้ำประกันหลังเกิดเหตุการณ์ใหม่ และการหลุดพ้นจากความรับผิดเมื่อหนี้ถูกชำระ
จำเลยที่ 2 ที่ 3 ซึ่งเป็นผู้ค้ำประกันจำเลยที่ 1 ขอเพิ่มเติมคำให้การครั้งแรกยกข้อต่อสู้ขึ้นใหม่ว่า ที่โจทก์ถอนการอายัดทรัพย์จำเลยที่ 1 เท่ากับยอมให้เปลี่ยนแปลงสภาพหนี้ตามฟ้อง การค้ำประกันจึงเป็นโมฆะผู้ค้ำประกันหลุดพ้นจากความรับผิด และจำเลยที่ 2 ที่ 3 ขอเพิ่มเติมคำให้การครั้งหลังยกข้อต่อสู้เพิ่มขึ้นใหม่อีกว่า โจทก์ผ่อนเวลา และหลังจากฟ้องแล้วโจทก์ได้รับชำระหนี้จากเงินประกันภัยของจำเลยที่ 1 กับหักหนี้จากเงินขายฝากที่ดินที่โจทก์หรือผู้แทนรับซื้อฝากไว้จากจำเลยที่ 1 หนี้ของจำเลยที่ 1 เป็นอันระงับ จำเลยที่ 2ที่ 3 ในฐานะผู้ค้ำประกันหลุดพ้นจากความรับผิด ข้อที่ขอเพิ่มเติมคำให้การนี้เพราะเมื่อจำเลยที่ 2 ที่ 3 ยื่นคำให้การแก้ฟ้องแล้ว โรงงานทอผ้าของจำเลยที่ 1 ถูกเพลิงไหม้ และในวันชี้สองสถานศาลมีคำสั่งอายัดเงินค่าประกันภัยจากบริษัทรับประกันภัย ส่วนการซื้อฝากที่ดินได้กระทำกันภายหลังวันชี้สองสถานแล้ว จึงเป็นที่เห็นได้ว่าเป็นเหตุที่เกิดขึ้นภายหลังทั้งสิ้นซึ่งจำเลยไม่อาจยื่นคำร้องได้ก่อนวันชี้สองสถาน จำเลยที่ 2 ที่ 3 จึงมีสิทธิขอเพิ่มเติมคำให้การได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 180แม้ศาลชั้นต้นจะอนุญาตให้แก้ไขเพิ่มเติมคำให้การได้เฉพาะเรื่องจำเลยได้ชำระหนี้แล้วก็เป็นการชอบ
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 33-34/2512 และ 1/2513)
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 33-34/2512 และ 1/2513)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1326/2512 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิ่มเติมคำให้การเรื่องอำนาจฟ้องที่เป็นกรณีความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้หลังชี้สองสถานก็ทำได้
การขอแก้ไขเพิ่มเติมคำให้การว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องนั้นเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้จำเลยจะยื่นคำร้องภายหลังจากวันชี้สองสถาน ก็ไม่ต้องห้าม
โจทก์ฟ้องว่า สรรพากรจังหวัดประเมินให้โจทก์เสียภาษีการค้าโดยไม่ชอบ โจทก์อุทธรณ์ต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์คณะกรรมการวินิจฉัยว่าการประเมินถูกต้องแล้ว โจทก์จึงฟ้องขอให้พิพากษาว่าโจทก์ไม่มีหน้าที่เสียภาษีตามที่ประเมิน จำเลยต่อสู้ว่าโจทก์ยื่นอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์เกินกำหนด 30 วัน นับแต่วันได้รับแจ้งการประเมินขัดต่อประมวลรัษฎากร มาตรา 30 โจทก์ไม่มีสิทธิอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์เมื่อไม่มีสิทธิอุทธรณ์ ก็ไม่มีอำนาจฟ้อง แม้จะได้ความว่าคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์สั่งในอุทธรณ์ของโจทก์ว่าการประเมินของเจ้าหน้าที่ถูกต้องแล้ว แต่ถ้าข้อเท็จจริงปรากฏว่าอุทธรณ์ของโจทก์ขาดอายุที่จะอุทธรณ์ได้แล้ว การสั่งดังนี้ก็หามีผลทำให้อุทธรณ์นั้นถูกต้องขึ้นไม่ เท่ากับยังไม่มีอุทธรณ์โดยชอบตามกฎหมาย สิทธิของโจทก์ที่จะนำคดีมาสู่ศาลย่อมไม่มี
โจทก์ฟ้องว่า สรรพากรจังหวัดประเมินให้โจทก์เสียภาษีการค้าโดยไม่ชอบ โจทก์อุทธรณ์ต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์คณะกรรมการวินิจฉัยว่าการประเมินถูกต้องแล้ว โจทก์จึงฟ้องขอให้พิพากษาว่าโจทก์ไม่มีหน้าที่เสียภาษีตามที่ประเมิน จำเลยต่อสู้ว่าโจทก์ยื่นอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์เกินกำหนด 30 วัน นับแต่วันได้รับแจ้งการประเมินขัดต่อประมวลรัษฎากร มาตรา 30 โจทก์ไม่มีสิทธิอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์เมื่อไม่มีสิทธิอุทธรณ์ ก็ไม่มีอำนาจฟ้อง แม้จะได้ความว่าคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์สั่งในอุทธรณ์ของโจทก์ว่าการประเมินของเจ้าหน้าที่ถูกต้องแล้ว แต่ถ้าข้อเท็จจริงปรากฏว่าอุทธรณ์ของโจทก์ขาดอายุที่จะอุทธรณ์ได้แล้ว การสั่งดังนี้ก็หามีผลทำให้อุทธรณ์นั้นถูกต้องขึ้นไม่ เท่ากับยังไม่มีอุทธรณ์โดยชอบตามกฎหมาย สิทธิของโจทก์ที่จะนำคดีมาสู่ศาลย่อมไม่มี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 313/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิ่มเติมคำให้การหลังวันชี้สองสถาน: ข้อจำกัดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 180(2)
จำเลยให้การว่า สัญญากู้ที่โจทก์ฟ้องนั้นเป็นสัญญาปลอม หลังวันชี้สองสถาน จำเลยขอเพิ่มเติมคำให้การเดิม แสดงความเป็นมาของสัญญาปลอมนั้น ความเป็นมาของสัญญาปลอมนั้นเป็นอย่างไร จำเลยย่อมทราบได้ดีก่อนวันชี้สองสถาน เมื่อจำเลยยื่นภายหลังวันชี้สองสถานและคดีไม่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน คำร้องของจำเลยจึงต้องยกเสียตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 180 (2)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 313/2510
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิ่มเติมคำให้การหลังวันชี้สองสถาน จำเลยต้องแสดงเหตุผลที่มิอาจยื่นก่อนได้ หากทราบข้อเท็จจริงแล้วตั้งแต่แรก
จำเลยให้การว่า สัญญากู้ที่โจทก์ฟ้องนั้นเป็นสัญญาปลอมหลังวันชี้สองสถานจำเลยขอเพิ่มเติมคำให้การเดิม แสดงความเป็นมาของสัญญาปลอมนั้น ความเป็นมาของสัญญาปลอมนั้นเป็นอย่างไร จำเลยย่อมทราบได้ดีก่อนวันชี้สองสถาน เมื่อจำเลยยื่นภายหลังวันชี้สองสถานและคดีไม่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน คำร้อง ของจำเลยจึงต้องยกเสียตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 180(2)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1361/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในการนำสืบของโจทก์เมื่อจำเลยขาดนัด และสิทธิในการเพิ่มเติมคำให้การของจำเลย
ในกรณีที่จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การโจทก์ก็ยังมีหน้าที่ต้องนำสืบให้สมฟ้อง เมื่อศาลพิพากษาให้จำเลยแพ้คดี จำเลยย่อมมีสิทธิอุทธรณ์ในประเด็นเกี่ยวกับข้อนำสืบของโจทก์นั้นได้
ในวันนัดชี้สองสถาน โจทก์มาศาลจำเลยมิได้มา โจทก์แถลงรับหน้าที่นำสืบก่อน ศาลชั้นต้นจึงกำหนดวันนัดพิจารณาสืบพยานโจทก์ ดังนี้ หาใช่เป็นการชี้สองสถานตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 183 ไม่ เพราะมิได้มีการแถลงในข้อพิพาทกันประการใด จำเลยมีสิทธิขอเพิ่มเติมคำให้การก่อนวันสืบพยาน
ในวันนัดชี้สองสถาน โจทก์มาศาลจำเลยมิได้มา โจทก์แถลงรับหน้าที่นำสืบก่อน ศาลชั้นต้นจึงกำหนดวันนัดพิจารณาสืบพยานโจทก์ ดังนี้ หาใช่เป็นการชี้สองสถานตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 183 ไม่ เพราะมิได้มีการแถลงในข้อพิพาทกันประการใด จำเลยมีสิทธิขอเพิ่มเติมคำให้การก่อนวันสืบพยาน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 787/2482
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิ่มเติมคำให้การเกี่ยวกับอำนาจฟ้องต้องทำก่อนวันชี้สองสถานหรือไม่ และไม่เข้า ม.24 ว.พ.พ.
คำร้องขอเพิ่มเติมคำให้การว่าโจทก์เป็นหุ้นส่วนกับคนอื่นไม่มีอำนาจฟ้องตามลำพังนั้น ต้องร้องขอก่อนวันชี้สองสถานหรือก่อนวันสืบพะยาน เพราะไม่ใช่ปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน และคำตัดฟ้องเช่นนี้ไม่เข้าอยู่ในม.24 แห่งวิธีพิจารณา.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1196/2482
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิ่มเติมคำให้การหลังชี้สองสถานและข้อจำกัดในการฎีกาข้อกฎหมาย
คดีที่ได้มีการชี้สองสถานกะประเด็นข้อนำสืบกันไว้แล้วจำเลยจะมาร้องขอเพิ่มเติมคำให้การมีประเด็นข้อทุ่มเถียงที่จะต้องสืบต้องวินิจฉัยอันไม่เกี่ยวแก่ความสงบเรียบร้อยของประชาชนนั้นไม่ได้ การคัดค้านคำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่รับฎีกาจะต้องทำเป็นคำร้องอุทธรณ์คำสั่ง และต้องยื่นภายในกำหนดอายุความ จะยื่นเป็นคำแถลงไม่ได้