พบผลลัพธ์ทั้งหมด 36 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 574/2549
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อตกลงเลื่อนนัดฟังคำพิพากษาในคดีอาญา มิใช่สัญญาประนีประนอมยอมความ สิทธิบังคับคดียังคงมี
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินให้โจทก์ แต่จำเลยทั้งสองไม่ชำระ โจทก์ขอให้บังคับคดี จำเลยที่ 2 ยื่นคำร้องว่านอกจากคดีนี้แล้วโจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสองเป็นคดีอาญาและได้มีการตกลงประนีประนอมยอมความกัน ขอให้งดการบังคับคดีแก่จำเลยที่ 2 ไว้จนกว่าจะได้มีการปฏิบัติตามข้อตกลงประนีประนอมยอมความ ตามคำแถลงของโจทก์และจำเลยที่ 2 ที่แถลงต่อศาลชั้นต้นในคดีอาญามีเงื่อนไขว่า ถ้าจำเลยที่ 1 ได้ชำระหนี้ให้แก่โจทก์ครบถ้วนแล้ว โจทก์จึงจะไม่ติดใจเรียกร้องเอากับจำเลยที่ 2 อีกต่อไป แต่โจทก์และจำเลยที่ 2 ไม่ได้ตกลงกันว่าในกรณีที่จำเลยที่ 1 ไม่ชำระหนี้ให้แก่โจทก์หรือชำระหนี้ไม่ครบถ้วนแล้วโจทก์จะยินยอมให้จำเลยที่ 2 หลุดพ้นจากความรับผิดไปหรือไม่ คำแถลงดังกล่าวเป็นเพียงเหตุผลในการขอเลื่อนการนัดฟังคำพิพากษาออกไปอีกนัดหนึ่งเท่านั้น ไม่มีลักษณะที่โจทก์จำเลยที่ 2 ได้ตกลงระงับข้อพิพาทที่มีอยู่ระหว่างกันให้เสร็จไปด้วยต่างยอมผ่อนผันให้แก่กัน จึงไม่ใช่สัญญาประนีประนอมยอมความ สิทธิในการบังคับของโจทก์จึงไม่ระงับสิ้นไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6153/2548
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลื่อนนัดฟังคำพิพากษาคดีล้มละลายเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมเมื่อมีการประนอมหนี้
คดีล้มละลายเรื่องนี้เสร็จการพิจารณาแล้ว อยู่ระหว่างนัดฟังคำพิพากษาหรือคำสั่งในวันที่ 27 ตุลาคม 2547 ในวันนัด ทนายจำเลยยื่นคำร้องขอเลื่อนนัดฟังคำพิพากษาหรือคำสั่งเป็นครั้งแรกโดยแนบหนังสือแจ้งผลการอนุมัติของโจทก์ลงวันที่ 15 ตุลาคม 2547 ที่อนุมัติให้นายชนัฏ เรืองกฤติยากรรมการบริษัทจำเลยชำระหนี้จำนวน 5,000,000 บาท ภายในวันที่ 20 ธันวาคม 2547 โดยผ่อนชำระรวม 3 งวด เมื่อชำระหนี้ดังกล่าวแล้วให้ตัดภาระหนี้ที่เหลือพร้อมกับถอนฟ้องคดีนี้ รวมทั้งได้แนบหลักฐานการชำระหนี้แล้วจำนวน 500,000 บาท มาด้วย การที่จำเลยจะสามารถปรับปรุงโครงสร้างหนี้และชำระหนี้ให้เสร็จสิ้นมิได้ขึ้นอยู่กับจำเลยเพียงฝ่ายเดียวแต่ขึ้นอยู่กับโจทก์ด้วย เมื่อโจทก์เพิ่งประชุมและมีมติก่อนวันนัดฟังคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลล้มละลายกลางเพียง 12 วัน และฝ่ายจำเลยได้ชำระหนี้ตามที่โจทก์อนุมัติบางส่วนแล้ว ทั้งกำหนดเวลาชำระหนี้ตามที่โจทก์อนุมัติก็ไม่นานเกินสมควรและโจทก์มิได้คัดค้านการขอเลื่อนนัดฟังคำพิพากษาหรือคำสั่ง ถือได้ว่ากรณีมีเหตุสมควรที่จะเลื่อนการพิพากษาหรือการทำคำสั่งออกไปได้เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมตาม ป.วิ.พ. มาตรา 133 ประกอบ พ.ร.บ.จัดตั้งศาลล้มละลายและวิธีพิจารณาคดีล้มละลาย พ.ศ.2542 มาตรา 14
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9015/2547
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การมอบอำนาจให้รับฟังคำพิพากษาแทนโจทก์: อำนาจยังคงอยู่จนกว่าจะมีการอ่านคำพิพากษาเสร็จสิ้น แม้มีการเลื่อนนัด
ใบมอบฉันทะของโจทก์ลงวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2546 ระบุว่าโจทก์มอบอำนาจให้ ว. ไปฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 7 และลงลายมือชื่อรับทราบคำสั่งศาลในคดีนี้โดยมิได้ระบุว่าให้ฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 7 ในวันเวลาใด การมอบฉันทะดังกล่าวก็เพื่อให้ ว. มาฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 7 แทนโจทก์จนเสร็จการนั้นเอง ตราบใดที่ยังไม่มีการอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 7 ว. ก็ยังมีอำนาจฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 7 อยู่จนกว่าโจทก์จะถอนหรือยกเลิกใบมอบฉันทะดังกล่าว การที่ ว. มาฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 7 อีกครั้งหนึ่งในวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2546 เวลา 16.15 นาฬิกา หลังจากที่ศาลมีคำสั่งในรายงานกระบวนพิจารณา ลงวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2546 เวลา 10 นาฬิกา ให้เลื่อนการฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 7 ไปเป็นวันที่ 11 มีนาคม 2546 เวลา 9 นาฬิกา และออกหมายจับจำเลยรวมทั้งปรับนายประกันแล้วเช่นนี้ ก็ต้องถือว่า ว. ได้ปฏิบัติหน้าที่ตามที่ได้รับมอบฉันทะจากโจทก์ มิใช่กระทำโดยพลการตามที่โจทก์ฎีกาแต่อย่างใด ดังนั้น เมื่อศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 7 ให้ ว. ฟังก็ต้องถือว่าได้อ่าน คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 7 ให้โจทก์ฟังโดยชอบแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 822/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลื่อนนัดโอนที่ดินหลายครั้งไม่ถือเป็นผิดสัญญา หากมีเหตุสุดวิสัยและคู่สัญญามีเจตนาผ่อนปรนซึ่งกันและกัน
โจทก์และจำเลยทั้งสองซึ่งเป็นคู่สัญญาได้ตกลงเลื่อนวันนัดจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินตามสัญญากันหลายครั้งสาเหตุของการเลื่อนวันนัดมีทั้งจากฝ่ายโจทก์บ้างและฝ่ายจำเลยทั้งสองบ้างแสดงว่าคู่สัญญาต่างฝ่ายต่างผ่อนปรนให้แก่กันโดยมิได้ถือปฏิบัติเคร่งครัดตามสัญญาเรื่องกำหนดเวลาโอนที่ดินพิพาทถือว่าโจทก์และจำเลยทั้งสองมิได้ถือเอาการชำระหนี้ภายในระยะเวลาที่กำหนดไว้ในสัญญาเป็นข้อสาระสำคัญดังนั้นการที่นาย ว. ผู้รับมอบอำนาจโจทก์ได้ไปพบกับจำเลยทั้งสองที่สำนักงานที่ดินจังหวัดนครนายกตามกำหนดวันนัดในสัญญาและได้จัดเตรียมแคชเชียร์เช็คและเงินสดสำหรับชำระค่าที่ดินส่วนที่เหลือให้แก่จำเลยทั้งสองแล้วแต่เกิดเหตุขัดข้องไม่สามารถโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทได้เนื่องจากแคชเชียร์เช็คที่นาย ว. นำไปเกิดหายไปและขณะนั้นก็เป็นเวลาประมาณ16นาฬิกาใกล้เวลาเลิกทำงานของทางราชการย่อมไม่สามารถแก้ไขเหตุการณ์ได้ทันทั้งวันนัดโอนดังกล่าวก็เป็นวันศุกร์การที่โจทก์ขอเลื่อนการจดทะเบียนการโอนไปเป็นวันจันทร์ซึ่งเป็นวันเริ่มเปิดทำการใหม่ของทางราชการพออนุโลมได้ว่าเป็นพฤติการณ์ที่โจทก์ซึ่งเป็นลูกหนี้ไม่ต้องรับผิดชอบจึงถือไม่ได้ว่าโจทก์เป็นฝ่ายผิดนัดชำระหนี้จำเลยทั้งสองจะอ้างเหตุดังกล่าวว่าโจทก์เป็นฝ่ายผิดนัดและไม่ยอมโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทให้แก่โจทก์หาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3720/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประวิงคดีด้วยการขอเลื่อนนัดซ้ำๆ ศาลมีอำนาจยกคำร้องได้
ศาลชั้นต้นนัดไต่สวนคำร้องของผู้คัดค้านทั้งห้าถึง4นัดในนัดที่สี่ผู้คัดค้านทั้งห้าไม่มาศาลคงมีแต่ทนายความผู้คัดค้านทั้งห้ามาแถลงขอเลื่อนคดีอ้างว่าผู้คัดค้านทั้งห้าติดพิธีกรรมทางศาสนาอิสลามทั้งเคยขอเลื่อนคดีมาถึง3นัดติดต่อกันแล้วและในนัดที่แล้วทนายผู้คัดค้านทั้งห้าก็แถลงว่าจะขอเลื่อนคดีเป็นนัดสุดท้ายพฤติการณ์เช่นนี้เป็นการไม่นำพาต่อกำหนดนัดของศาลจึงถือว่าเป็นการประวิงคดี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1470/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไม่อนุญาตเลื่อนนัดสืบพยานเนื่องจากทนายจำเลยป่วยและยื่นคำร้องหลังศาลสั่งงดสืบพยาน ศาลใช้ดุลพินิจชอบแล้ว
ตามคำร้อง ของ ทนายจำเลยขอเลื่อนวันนัดสืบพยานจำเลย ซึ่งนัดเวลา 13.30 นาฬิกา ปรากฏว่าทนายจำเลยป่วยเป็นโรคท้องร่วงอย่างแรงก่อนวันนัด 1 วัน นั้น ทนายจำเลยมีโอกาสยื่นคำร้องขอเลื่อนได้ก่อนเวลา 13.30 น. ของวันนัด แต่เสมียนทนายจำเลยยื่นคำร้องดังกล่าวในวันนัดเวลา 14.00 น.หลังจากศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานจำเลยแล้ว ดังนี้การที่ศาลชั้นต้นไม่อนุญาตให้จำเลยเลื่อนการสืบพยานจึง ชอบ แล้ว.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 90/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปฏิบัติตามคำท้าสาบาน: การพิสูจน์ความครบถ้วนและการอนุญาตเลื่อนนัด
ตามรายงานกระบวนการพิจารณาของศาลชั้นต้นได้จดวันนัดสาบานไว้สองวันแต่มิได้กำหนดว่าจะต้องทำให้เสร็จตามวันเวลานัดทั้งสองวันนั้นอันจะถือว่าเป็นข้อแพ้ชนะกัน ข้อที่จะถือให้เป็นข้อแพ้ชนะนั้นเป็นเรื่องข้อความที่จะต้องสาบานและวัดที่กำหนดไว้ ดังนั้นการที่ศาลชั้นต้นอนุญาตให้เลื่อนสาบานไปหลังจากวันที่กำหนดโดยไม่ใช่เกิดจากความผิดของฝ่ายโจทก์ จะถือว่าโจทก์เป็นฝ่ายผิดข้อตกลงหาได้ไม่ ไม่ปรากฏตามรายงานกระบวนพิจารณาของศาลว่ามีข้อตกลงจะต้องสาบานตามประเพณีท้องถิ่นคือโจทก์นำสาบานและให้เจ้าอาวาสเป็นผู้ทำพิธี และดื่ม น้ำสาบาน ข้อตกลงท้ากันมีเพียงว่าให้สาบานต่อหน้าวัดทั้งเจ็ดวัดเท่านั้น เมื่อโจทก์ได้ไปสาบานต่อหน้าวัดจนครบทุกวัดตามที่กำหนดไว้แล้วถือได้ว่าฝ่ายโจทก์ปฏิบัติตามคำท้าครบถ้วนแล้ว จำเลยจึงต้องเป็นฝ่ายแพ้คดีตามคำท้า.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3684/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประวิงคดีโดยการขอเลื่อนนัดและไม่นำสืบพยาน ศาลมีอำนาจงดสืบพยานได้
ในวันนัดสืบพยานผู้ร้องครั้งแรกทนายผู้ร้องมาศาลขอเลื่อนคดีโดยอ้างเหตุป่วยเจ็บ ในนัดที่ 2 ทนายผู้ร้องขอส่งประเด็นไปสืบพยานทุกคนที่ศาลอื่นโดยทนายผู้ร้องจะเป็นผู้จัดส่งหมายเรียกพยานเองหากส่งหมายให้พยานไม่ได้หรือพยานไม่มาศาลให้ถือว่าไม่ติดใจสืบพยานที่ไม่มาศาล ครั้นถึงวันนัดสืบพยานประเด็นทนายผู้ร้องก็ขอเลื่อนอีก โดยอ้างเหตุป่วยเจ็บและไม่ปรากฏว่านอกจากตัวผู้ร้องแล้วพยานอื่นที่ได้ขอหมายเรียกได้มาศาล ทั้งเมื่อผู้ร้องรับหมายเรียกพยานไปส่งแล้วก็ไม่ได้แจ้งผลการส่งหมายทนายโจทก์แถลงคัดค้านการขอเลื่อนคดีและขอให้ผู้ร้องซึ่งอ้างตนเองเป็นพยานเข้าเบิกความแต่ผู้ร้องก็ปฏิเสธไม่ยอมเข้าเบิกความ ศาลรับประเด็นจึงส่งประเด็นคืนเช่นนี้ เป็นพฤติการณ์ที่แสดงว่าผู้ร้องจงใจประวิงคดีให้ชักช้าศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้งดสืบพยานผู้ร้องชอบแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2510/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบอกกล่าวการประชุมผู้ถือหุ้น: การเลื่อนนัดประชุมไม่กระทบการบอกกล่าวครั้งแรกที่ครบถ้วนตามกำหนด
กรรมการบริษัทผู้คัดค้านมีหนังสือถึงผู้ถือหุ้น ขอเชิญประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ในวันที่ 7 มิถุนายน 2529 เวลา 10 นาฬิกาที่ห้องประชุมโรงงานฯ ต่อมาวันที่ 3 มิถุนายน 2529 เลขานุการของบริษัทผู้คัดค้านมีหนังสือถึงผู้ถือหุ้นแจ้งขอเลื่อนการประชุมดังกล่าวไปเป็นวันที่ 9 มิถุนายน 2529 เวลา 14.30 นาฬิกา โดยส่งหนังสือดังกล่าวให้ผู้ร้องที่ 1 และที่ 2 ในวันที่ 7 มิถุนายน 2529ก่อนวันนัดประชุมเพียง 2 วัน ดังนี้ เมื่อได้มีการบอกกล่าวเรียกประชุมครั้งแรกในวันที่ 29 พฤษภาคม 2529 แล้ว การบอกกล่าวเลื่อนการประชุมเป็นแต่เพียงการแจ้งเปลี่ยนแปลงวันเวลาประชุมใหญ่ตามหนังสือที่แจ้งเดิมเท่านั้น จึงไม่เป็นการฝ่าฝืนข้อบังคับของบริษัทข้อ 9 ที่กำหนดว่า "คำบอกกล่าวเรียกประชุมทุกคราวต้องแจ้งให้ผู้ถือหุ้นทราบก่อนวันนัดประชุมไม่น้อยกว่า 7 วัน หรือส่งทางไปรษณีย์ลงทะเบียนไปยังผู้ถือหุ้นทุกคนก่อนวันนัดประชุมไม่น้อยกว่า7 วัน" ทั้งไม่ปรากฏว่ามติที่ประชุมใหญ่นั้นเสียไปด้วยเหตุใดดังนี้ ศาลไม่เพิกถอนมติที่ประชุมใหญ่ในวันดังกล่าว.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 553/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขาดนัดพิจารณาและคำสั่งอนุญาตให้ถอนตัวจากทนายความ
เมื่อศาลนัดสืบพยานโจทก์แล้ว ถึง วันนัดได้ มีการเลื่อนวันนัดออกไป และมีการเลื่อนวันนัดสืบพยานโจทก์ออกไปอีกหลายครั้งโดย ไม่มีการสืบพยานโจทก์เลย จนกระทั่งได้ มีการสืบพยานโจทก์ครั้งแรกในวันที่ 18 มีนาคม 2529 ถือได้ ว่าวันดังกล่าวเป็นวันสืบพยานจำเลยไม่มาศาล ศาลมีคำสั่งว่าจำเลยขาดนัดพิจารณา จึงชอบด้วยบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 202 แล้ว ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้ทนายความถอนตัว ได้ โดย ไม่ต้องคำนึงถึง ว่าตัวความได้ แต่งตั้ง ทนายคนใหม่เข้ามาแล้วหรือไม่.