พบผลลัพธ์ทั้งหมด 4 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 495/2545
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่า-ภารจำยอม: ศาลเลื่อนพิจารณาจนกว่าคดีภารจำยอมถึงที่สุด จึงจะวินิจฉัยผิดสัญญาเช่าได้
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยผิดสัญญาเช่า เนื่องจากที่ดินที่เช่าถูกบุคคลภายนอกฟ้องร้องว่าตกอยู่ในภารจำยอม เป็นเหตุให้โจทก์ไม่สามารถใช้ประโยชน์ในที่ดินได้เต็มที่ ขอให้บังคับจำเลยชำระค่าปรับและค่าเสียหายแก่โจทก์ ปัญหาว่าที่ดินที่เช่าตกอยู่ในภารจำยอม จึงเป็นประเด็นโดยตรงซึ่งจะนำไปสู่การวินิจฉัยปัญหาว่าจำเลยผิดสัญญาเช่าหรือไม่ และศาลชั้นต้นในคดีซึ่งบุคคลภายนอกฟ้องโจทก์และจำเลยได้มีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวให้รื้อรั้วคอนกรีตกั้นทางเดินที่อ้างว่าเป็นภารจำยอมออก แต่คดีดังกล่าวอยู่ระหว่างการพิจารณายังไม่ถึงที่สุดว่าที่ดินที่เช่ามีภาระผูกพันจริง กรณียังถือไม่ได้ว่าจำเลยผิดสัญญาเช่ามีความหมายอยู่ในตัวว่า หากคดีดังกล่าวถึงที่สุดว่าที่ดินที่เช่ามีภาระผูกพันก็ถือได้ว่าจำเลยผิดสัญญาเช่า จึงเป็นกรณีที่ต้องอาศัยทั้งหมดหรือแต่บางส่วนซึ่งคำชี้ขาดตัดสินบางข้อที่ศาลนั้นเอง จึงมีเหตุสมควรที่ต้องเลื่อนการพิจารณาต่อไปจนกว่าจะได้มีการพิพากษาหรือชี้ขาดในข้อนั้น ๆ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 39 วรรคหนึ่ง
คำฟ้องสมบูรณ์หรือไม่ ต้องพิจารณาในสาระสำคัญว่าคำฟ้องได้แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาและคำขอบังคับ ทั้งข้ออ้างอาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาเช่นว่านั้น ส่วนข้อเท็จจริงจะรับฟังได้หรือรับฟังเป็นยุติตามคำฟ้องหรือไม่ เป็นเรื่องที่จะต้องรับฟังกันต่อไปในชั้นพิจารณา ฉะนั้นเมื่อคำฟ้องของโจทก์ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 172 วรรคสอง จึงไม่มีเหตุที่ศาลชั้นต้นจะมีคำสั่งให้ยกเสีย
คำฟ้องสมบูรณ์หรือไม่ ต้องพิจารณาในสาระสำคัญว่าคำฟ้องได้แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาและคำขอบังคับ ทั้งข้ออ้างอาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาเช่นว่านั้น ส่วนข้อเท็จจริงจะรับฟังได้หรือรับฟังเป็นยุติตามคำฟ้องหรือไม่ เป็นเรื่องที่จะต้องรับฟังกันต่อไปในชั้นพิจารณา ฉะนั้นเมื่อคำฟ้องของโจทก์ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 172 วรรคสอง จึงไม่มีเหตุที่ศาลชั้นต้นจะมีคำสั่งให้ยกเสีย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 931/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การดำเนินการเมื่อคู่ความถึงแก่กรรมระหว่างพิจารณาคดี ศาลต้องเลื่อนการพิจารณาเพื่อหาผู้แทน
เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่าโจทก์ถึงแก่กรรมในระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์ภาค 1 ศาลชั้นต้นต้องเลื่อนการอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1 ออกไปเพื่อดำเนินการให้มีผู้เข้าเป็นคู่ความแทนโจทก์ การที่ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1ไปโดยยังไม่มีผู้เข้าเป็นคู่ความแทนโจทก์ ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 42
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3580/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขอทุเลาการบังคับและการเลื่อนพิจารณาหลักประกันเป็นอำนาจของศาลอุทธรณ์ การฎีกาคัดค้านคำสั่งศาลอุทธรณ์จึงไม่ชอบ
คดีที่จำเลยขอทุเลาการบังคับอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ การขอเลื่อนคดีเพื่อให้โจทก์ตรวจดูหลักทรัพย์ จึงเป็นเรื่องต่อเนื่องกับคำสั่งศาลอุทธรณ์เกี่ยวกับการทุเลาการบังคับของจำเลยและเป็นอำนาจของศาลอุทธรณ์โดยเฉพาะ ดังนั้น เมื่อศาลอุทธรณ์ไม่อนุญาตให้เลื่อนการพิจารณาหลักประกันไป จำเลยจึงไม่มีสิทธิฎีกาคัดค้านคำสั่งศาลอุทธรณ์ดังกล่าวได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7065/2558
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผลของความตายคู่ความต่อคดีแพ่ง: ศาลไม่ต้องเลื่อนพิจารณาหากไม่ทราบการตาย และไม่กระทบกระบวนพิจารณา
แม้ความตายของโจทก์ซึ่งเป็นคนไร้ความสามารถและอยู่ในความอนุบาลของ ศ. จะมีผลให้การเป็นผู้อนุบาลของ ศ. สิ้นสุดลงนับแต่วันที่โจทก์ถึงแก่ความตายในขณะที่คดีนี้อยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ภาค 8 ก็ตาม แต่บทบัญญัติ ป.วิ.พ. มาตรา 42 มิได้ให้เป็นหน้าที่ของบุคคลใดที่จะต้องแถลงให้ศาลทราบถึงความมรณะของคู่ความในคดีที่ค้างพิจารณาอยู่ในศาล เพียงแต่บัญญัติให้เป็นอำนาจหน้าที่ของศาลที่จะต้องเลื่อนการนั่งพิจารณาไปถ้าคู่ความฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งในคดีที่ค้างพิจารณาอยู่ในศาลได้มรณะเสียก่อนศาลพิพากษาคดี แสดงว่าความมรณะของคู่ความจะต้องปรากฏแก่ศาลที่คดีนั้นอยู่ในระหว่างพิจารณา หากความไม่ปรากฏแก่ศาลก็ไม่มีเหตุที่ศาลจะต้องเลื่อนการนั่งพิจารณาหรือมีกรณีที่ศาลหรือคู่ความอีกฝ่ายหนึ่งจะต้องดำเนินการตามมาตรา 42 คดีนั้นก็สามารถดำเนินการต่อไปได้ตามบทกฎหมายว่าด้วยวิธีพิจารณาความ ไม่มีบทกฎหมายใดบัญญัติให้กระบวนพิจารณาที่ได้ดำเนินการภายหลังจากนั้นเป็นการพิจารณาที่ไม่ชอบ หรือมีผลให้การบังคับคดีตามคำพิพากษาของศาลที่ได้ดำเนินการมาแล้วโดยชอบสิ้นผลไป