คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
เล็งเห็นผล

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 71 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4924/2547

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าจากยิงปืนในกลุ่มผู้ก่อเหตุ การกระทำเล็งเห็นผลถึงแก่ความตาย
การที่จำเลยใช้ปืนอันเป็นอาวุธที่มีอานุภาพร้ายแรงยิงเข้าไปในกลุ่มของผู้ตายจำเลยย่อมเล็งเห็นได้ว่ากระสุนปืนอาจจะถูกผู้หนึ่งผู้ใดในกลุ่มนั้นถึงแก่ความตายได้ เมื่อกระสุนปืนที่ยิงถูกผู้ตายถึงแก่ความตายเป็นผลโดยตรงจากการกระทำของจำเลย จำเลยจึงมีความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1948/2547

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจำกัดขอบเขตการพิจารณาคดีอาญาตามฟ้อง และการเล็งเห็นผลการกระทำที่เป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตราย
โจทก์บรรยายฟ้องระบุการกระทำของจำเลยว่าจำเลยขับรถบรรทุกสิบล้อพร้อมรถพ่วงด้วยความเร็วสูงพุ่งเข้าชนผู้เสียหายโดยเจตนาฆ่า เหตุเกิดที่แขวงบางซื่อ เขตบางซื่อ กรุงเทพมหานคร แต่โจทก์นำสืบถึงการกระทำของจำเลยเป็น 3 ตอน ตอนที่ 1 คือ จำเลยขับรถบรรทุกสิบล้อพร้อมรถพ่วงพุ่งเข้าชนผู้เสียหาย เหตุเกิดที่เชิงสะพานพระราม 7 ถนนวงศ์สว่าง ตอนที่ 2 คือ จำเลยขับรถคันดังกล่าวแล่นไปตามถนนจรัญสนิทวงศ์ขณะที่ผู้เสียหายยืนเกาะอยู่ที่ประตูรถในลักษณะที่อาจทำให้ผู้เสียหายตกจากรถได้ และตอนที่ 3 คือ จำเลยขับรถคันดังกล่าวพุ่งเข้าชนผู้เสียหายที่ถนนจรัญสนิทวงศ์หน้าร้าน ฮ. เฟอร์นิเจอร์ ดังนี้ การกระทำของจำเลยตามที่โจทก์นำสืบในตอนที่ 2 และตอนที่ 3 ย่อมเป็นข้อเท็จจริงที่โจทก์มิได้กล่าวในฟ้องและไม่ใช่เป็นเรื่องที่โจทก์ประสงค์ให้ลงโทษตาม ป.วิ.อ. มาตรา 192 วรรคหนึ่ง และวรรคสี่
พยานโจทก์ไม่สมเหตุผลไม่น่าเชื่อว่าจำเลยขับรถบรรทุกสิบล้อในลักษณะที่จะพุ่งเข้าชนผู้เสียหาย อย่างไรก็ตามการที่จำเลยขับรถบรรทุกสิบล้อตรงไปในขณะที่ผู้เสียหายซึ่งเป็นเจ้าพนักงานยืนโบกมืออยู่บนถนนเพื่อเรียกให้จำเลยจอดรถนั้น จำเลยย่อมเล็งเห็นได้ว่ารถอาจเฉี่ยวชนผู้เสียให้ได้รับอันตรายแก่กายได้ การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานพยายามทำร้ายร่างกายเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่ ความผิดฐานนี้รวมอยู่ในความผิดฐานพยายามฆ่าเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่ จึงลงโทษจำเลยฐานพยายามทำร้ายร่างกายเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่ ตามที่พิจารณาได้ความได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 192 วรรคท้าย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1354/2547

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ตัวการร่วมฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา: การวิ่งไล่ตามผู้ตายพร้อมคนร้ายถืออาวุธถือเป็นเล็งเห็นผล
จำเลยเป็นพวกเดียวกับคนร้ายอีกสองคนซึ่งเป็นผู้วิ่งไล่ถืออาวุธคล้ายมีดเป็นของมีคมยาวประมาณ 1 ศอก แทงผู้ตายจนถึงแก่ความตาย การที่จำเลยชกต่อยผู้ตายก่อนเมื่อผู้ตายวิ่งหนีจำเลยก็วิ่งไล่ตามผู้ตายไปพร้อมๆ กับคนร้ายทั้งสองที่ถืออาวุธไปด้วย สภาพอาวุธเห็นได้ชัดเจนว่าอาจทำให้ถึงแก่ความตายได้ หากจำเลยไม่มีเจตนาร่วมกับคนร้ายทั้งสอง เมื่อจำเลยชกต่อยผู้ตายครั้งแรกแล้ว จำเลยอาจหยุดกระทำโดยไม่วิ่งไล่ตามผู้ตายไปก็ได้ แต่จำเลยหากระทำไม่ การที่จำเลยวิ่งไล่ตามไปทำร้ายผู้ตายกับพวกของจำเลยซึ่งวิ่งถืออาวุธดังกล่าวไปด้วย จึงย่อมเล็งเห็นผลได้ว่าอาจมีการทำร้ายผู้ตายให้ถึงแก่ความตายได้ ทั้งเป็นการที่อยู่ในภาวะที่ช่วยเหลือซึ่งกันและกันได้ พฤติการณ์การกระทำของจำเลยจึงเป็นตัวการร่วมกันกระทำความผิดกับคนร้ายทั้งสอง การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2548/2545

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าจากการใช้สิ่งของอันตรายทุ่มจากที่สูง
จำเลยใช้ก้อนหินซึ่งถึงแม้จะไม่ใช่อาวุธโดยสภาพ แต่เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่าเป็นก้อนหินที่มีน้ำหนักถึง 1 กิโลกรัมเศษ และครึ่งกิโลกรัมจำนวนหลายก้อนทุ่มมาจากที่สูงลงมาในหมู่คนจำนวนมากที่อยู่ในพื้นที่จำกัดเช่นเรือที่เกิดเหตุเช่นนี้ จำเลยหรือบุคคลผู้อยู่ในฐานะเช่นเดียวกับจำเลยย่อมเล็งเห็นผลของการกระทำนั้นได้ว่าก้อนหินอาจจะไปถูกที่ศีรษะซึ่งเป็นอวัยวะที่สำคัญเป็นผลทำให้ถึงตายได้ แต่จำเลยก็หาได้ใยดีต่อผลที่จะเกิดขึ้นไม่ จึงถือว่าจำเลย มีเจตนาฆ่า

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 154/2545

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนายิงปืนในที่สาธารณะ เล็งเห็นผลถึงแก่ชีวิต ถือเป็นความผิดฐานพยายามฆ่า
จำเลยใช้อาวุธปืนซึ่งเป็นอาวุธร้ายแรงยิงไปทางกลุ่มลูกค้าที่อยู่ในร้านขายอาหารซึ่งมีประมาณ 20 คน โดยไม่ใยดีว่ากระสุนปืนจะถูกใครหรือไม่ แม้จะเป็นการยิงเพียงนัดเดียวก็อาจถูกผู้อื่นถึงแก่ความตายได้ ทั้งกระสุนปืนดังกล่าวถูกต้นขาขวาของเด็กคนหนึ่งจึงเป็นการกระทำที่ย่อมเล็งเห็นผลของการกระทำนั้น เป็นการกระทำโดยเจตนาฆ่าตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 59 วรรคสอง จำเลยจึงมีความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5840/2544

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนายิงอาวุธปืนเข้าใส่กุฏิโดยรู้มีคนอยู่ ย่อมเล็งเห็นผลถึงความตายได้ ถือเป็นความพยายามฆ่า
ตอนเช้าก่อนเกิดเหตุพระภิกษุ ว. กับพวกถูกจำเลยตำหนิว่าอยู่วัดแล้วจับกลุ่มคุยกันไม่ทำงานเดี๋ยวจะสาดกระสุนปืนใส่ไม่ให้เห็นหน้าญาติ แสดงว่าจำเลยไม่พอใจและมีความคิดจะทำอันตรายพระภิกษุ ว. กับพวกอยู่แล้ว เมื่อจำเลยเจตนาใช้อาวุธปืนยิงพระภิกษุ ว. จริง แม้จำเลยจะไม่มีเจตนาประสงค์ต่อผลให้พระภิกษุ ว. กับพวกถูกกระสุนปืนถึงแก่ความตาย แต่ปืนเป็นอาวุธร้ายแรง จำเลยใช้อาวุธปืนยิงไปที่กุฏิของพระภิกษุ ว. ซึ่งอยู่ห่างเพียง 20 เมตร โดยจำเลยรู้ว่าขณะนั้นมีคนอยู่ในกุฏิดังกล่าว จำเลยย่อมเล็งเห็นผลได้ว่ากระสุนปืนอาจถูกคนในกุฏิถึงแก่ความตายได้ เมื่อกระสุนปืนที่จำเลยยิงถูกผู้เสียหาย จำเลยจึงมีความผิดฐานพยายามฆ่าผู้เสียหาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2548/2544 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าจากพฤติการณ์ทุ่มก้อนหินลงในที่ชุมชน ศาลฎีกาวินิจฉัยถึงการเล็งเห็นผลและการขาดความใยดี
จำเลยใช้ก้อนหินซึ่งถึงแม้จะไม่ใช่อาวุธโดยสภาพ แต่เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่าเป็นก้อนหินที่มีน้ำหนักถึง 1 กิโลกรัมเศษ และครึ่งกิโลกรัมจำนวนหลายก้อนทุ่มมาจากที่สูงลงมาในหมู่คนจำนวนมากที่อยู่ในพื้นที่จำกัดเช่นเรือที่เกิดเหตุเช่นนี้ จำเลยหรือบุคคลผู้อยู่ในฐานะเช่นเดียวกับจำเลยย่อมเล็งเห็นผลของการกระทำนั้นได้ว่าก้อนหินอาจจะไปถูกที่ศีรษะซึ่งเป็นอวัยวะที่สำคัญเป็นผลทำให้ถึงตายได้ แต่จำเลยก็หาได้ใยดีต่อผลที่จะเกิดขึ้นไม่ จึงถือว่าจำเลย มีเจตนาฆ่า

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2431/2544 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าจากการถีบผู้โดยสารตกจากรถ ความรับผิดทางอาญาต่อการกระทำที่เล็งเห็นผลถึงชีวิต
จำเลยเข้าร่วมทำร้ายผู้ตายกับผู้เสียหายที่ 1 การที่จำเลยกับพวกช่วยกันถีบผู้ตายกับผู้เสียหายที่ 1 ตกจากรถยนต์โดยสารขณะที่รถยนต์นั้นกำลังแล่นด้วยความเร็วประมาณ 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ย่อมเล็งเห็นผลได้ว่าผู้ตายอาจไปกระแทกผู้เสียหายที่ 2 ที่ยืนอยู่ตรงบันไดตกจากรถไปด้วยกันได้และศีรษะกับลำตัวของผู้ตายหรือของผู้เสียหายทั้งสองอาจกระแทกกับพื้นถนนเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ ดังปรากฏว่าผู้ตายมีเลือดออกในผนังหัวใจ ในปอดและกระบังลม เนื้อสมองบวมทั้งสมองอันเกิดจากแรงภายนอกกระทำต่อศีรษะและหน้าอกของผู้ตายอย่างรุนแรงอันถือได้ว่าเป็นผลธรรมดาจากการกระทำของจำเลยกับพวก การกระทำของจำเลยกับพวกจึงเป็นการกระทำโดยเจตนาฆ่า จำเลยจึงต้องมีความผิดฐานฆ่าผู้ตายและพยายามฆ่าผู้เสียหายทั้งสอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8733/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำทำให้เสียทรัพย์: เล็งเห็นผลน้ำท่วมห้อง
โจทก์ร่วมกับจำเลยพักอาศัยอยู่ในตึกแถวซึ่งอยู่ติดต่อกัน โจทก์ร่วมอยู่ชั้นล่าง จำเลยอยู่ชั้นที่สาม เดิมใช้น้ำประปาร่วมกัน ภายหลังโกรธเคืองกัน โจทก์ร่วมจึงไปขอใช้น้ำประปาเอง วันเกิดเหตุโจทก์ร่วมให้ช่างประปามาตัดท่อน้ำประปาที่ส่งน้ำจากตึกแถวจำเลยไปยังห้องของโจทก์ร่วมตรงบริเวณใกล้กับวาล์วเปิดปิดน้ำที่จะส่งไปยังห้องของโจทก์ร่วมออกไป เมื่อฟังได้ว่าจำเลยเป็นผู้เปิดวาล์วเปิดปิดน้ำดังกล่าว และระหว่างตึกแถวของโจทก์ร่วมและจำเลยมีเพียงไม้อัดกั้น ประกอบกับคำพูดของจำเลยที่ว่าจะเปิดวาล์วเปิดปิดน้ำให้แม่มันอยู่กันไม่ได้ เป็นเครื่องชี้ให้เห็นว่าจำเลยย่อมเล็งเห็นผลว่าจะทำให้น้ำไหลเข้าไปท่วมห้องของโจทก์ร่วมและทรัพย์สินของโจทก์ร่วมเสียหายได้จำเลยจึงมีความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ตามฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8733/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์จากการเปิดวาล์วน้ำทำให้ทรัพย์สินเสียหาย
โจทก์ร่วมกับจำเลยพักอาศัยอยู่ในตึกแถวซึ่งอยู่ติดต่อกันโจทก์ร่วมอยู่ชั้นล่าง จำเลยอยู่ชั้นที่สาม เติมใช้น้ำประปาร่วมกัน ภายหลังโกรธเคืองกัน โจทก์ร่วมจึงไปขอใช้น้ำประปาเองวันเกิดเหตุโจทก์ร่วมให้ช่างประปามาตัดท่อน้ำประปาที่ส่งน้ำจากตึกแถวจำเลยไปยังห้องของโจทก์ร่วมตรงบริเวณใกล้กับวาล์วเปิดปิดน้ำที่จะส่งไปยังห้องของโจทก์ร่วมออกไปเมื่อฟังได้ว่าจำเลยเป็นผู้เปิดวาล์วเปิดปิดน้ำดังกล่าวและระหว่างตึกแถวของโจทก์ร่วมและจำเลยมีเพียงไม้อัดกั้นประกอบกับคำพูดของจำเลยที่ว่าจะเปิดวาล์วเปิดปิดน้ำให้แม่นันอยู่กันไม่ได้ เป็นเครื่องชี้ให้เห็นว่าจำเลยย่อมเล็งเห็นผลว่าจะทำให้น้ำไหลเข้าไปท่วมห้องของโจทก์ร่วมและทรัพย์สินของโจทก์ร่วมเสียหายได้ จำเลยจึงมีความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ตามฟ้อง
of 8