คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
เวรยาม

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 5 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 946/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตความรับผิดของเวรยาม: การปฏิบัติหน้าที่ตรวจตราพื้นที่และความประมาทเลินเล่อ
จำเลยได้ร่วมปฏิบัติหน้าที่เวรยามกับ ส.โดยมีหน้าที่ร่วมกันดูแลความเรียบร้อยในบริเวณวิทยาลัยทั้งหมด แม้ว่าจะมีการตกลงแบ่งหน้าที่กันเองโดยให้จำเลยประจำอยู่ที่ป้อมยามหน้าประตู แต่ขณะเกิดเหตุจำเลยไปยืนคุยอยู่กับส.บริเวณรูปปั้นพระวิษณุซึ่งอยู่ในวิทยาลัย ก็ถือได้ว่าจำเลยได้ตรวจความเรียบร้อยในบริเวณวิทยาลัยอยู่ มิใช่เป็นการละเลยในการปฏิบัติหน้าที่อันจะถือว่าเป็นความประมาทเลินเล่อ และคนร้ายได้ขว้างก้อนหินจากภายนอกรั้วเข้าไปถูกกระจกของศูนย์ปฏิบัติการวิชาชีพภายในวิทยาลัยเสียหาย แม้จำเลยจะประจำอยู่ในป้อมยามโดยไม่เคลื่อนไปที่ใด ก็ไม่สามารถจะป้องกันความเสียหายจากการกระทำของคนร้ายได้ จำเลยไม่ต้องรับผิดในความเสียหายที่เกิดขึ้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 400/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้อง, อายุความ, และการละเมิดหน้าที่เวรยาม: การพิพากษาคดีอาญาแพ่ง
ขณะที่โจทก์ฟ้องคดี ฉ. อธิบดีกรมการปกครองโจทก์ ไปราชการต่างจังหวัด ช. รองอธิบดีเป็นผู้รักษาการแทนเช่นนี้ ในช่วงนั้นช. ผู้รักษาการแทนย่อมมีฐานะเป็นผู้แทนโจทก์ และมีอำนาจกระทำการต่าง ๆ แทนโจทก์ได้เช่นเดียวกับอธิบดี ตามที่กำหนดไว้ในประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 218 ข้อ 42 วรรคสอง และข้อ 44วรรคแรก ดังนี้ ช. จึงมีอำนาจลงนามในใบแต่งทนายความให้ฟ้องคดีได้โดยมิต้องมีการมอบหมายจากอธิบดี จังหวัดนครพนมเป็นนิติบุคคลต่างหากจากโจทก์ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนมมิใช่ผู้แทนโจทก์ ผู้แทนโจทก์คืออธิบดี การที่ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนมรู้ถึงตัวผู้ทำละเมิดจะถือว่าโจทก์รู้ยังไม่ได้ เมื่ออธิบดีโจทก์รู้ถึงตัวผู้ทำละเมิดเมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2526 โจทก์ฟ้องคดีเมื่อวันที่ 3กุมภาพันธ์ 2527 คดีโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ การที่จำเลยที่ 1 ละเลยต่อหน้าที่โดยไม่บอกกล่าวให้จำเลยที่ 2 จัดเวรยามแทนในเมื่อตนเองจะต้องไปราชการตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชา และไม่อาจอยู่เวรยามตามกำหนด ทำให้ไม่มีเวรยามอยู่ดูแล เป็นโอกาสให้คนร้ายเอาทรัพย์สินที่เก็บไว้ในคลังพัสดุไป ดังนี้ การละเลยต่อหน้าที่ของจำเลยที่ 1 จึงเป็นเหตุโดยตรงต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่โจทก์ ต้องถือว่าจำเลยที่ 1ได้กระทำละเมิดต่อโจทก์ด้วย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 400/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องของตัวแทน, อายุความละเมิด, และความรับผิดของผู้ละเวรยาม
ขณะโจทก์ฟ้องอธิบดีกรมโจทก์ไปราชการต่างจังหวัด รองอธิบดีกรมโจทก์เป็นผู้รักษาการแทนอธิบดีย่อมมีฐานะเป็นผู้แทนของโจทก์และมีอำนาจกระทำการต่าง ๆ แทนโจทก์ได้เช่นเดียวกับอธิบดีตามที่กำหนดไว้ในประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 218 ลงวันที่ 29 กันยายนพุทธศักราช 2515 ข้อ 42 วรรคสอง และข้อ 44 วรรคแรก รองอธิบดีจึงมีอำนาจลงนามในใบแต่งทนายความให้ฟ้องได้โดยมิต้องมีการมอบหมายจากอธิบดี ผู้แทนของกรมโจทก์คืออธิบดี จังหวัดเป็นนิติบุคคลต่างหากจากกรมโจทก์ ผู้ว่าราชการจังหวัดจึงมิใช่ผู้แทนของโจทก์ การที่ผู้ว่าราชการจังหวัดรู้ถึงตัวผู้ทำละเมิดนั้นจะถือว่าโจทก์รู้ยังไม่ได้ อธิบดีกรมโจทก์ได้รู้ถึงตัวผู้ทำละเมิดเมื่อวันที่ 8กุมภาพันธ์ 2526 โจทก์มาฟ้องคดีนี้เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2527คดีของโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ วันเกิดเหตุจำเลยที่ 1 มีหน้าที่อยู่เวรยาม แต่ผู้กำกับการตำรวจภูธรจังหวัดนครพนมสั่งให้จำเลยที่ 1 ไปราชการที่กรุงเทพมหานครจำเลยที่ 1 จึงไปราชการโดยไม่แจ้งให้จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นหัวหน้าเวรทราบตามระเบียบซึ่งกำหนดว่า ผู้ใดไม่สามารถอยู่เวรวันใดได้ให้แจ้งหัวหน้าทราบ จึงไม่มีการจัดเวรยามอยู่รักษาการณ์ เป็นเหตุให้ทรัพย์สินของโจทก์ถูกคนร้ายลักไป การที่จำเลยที่ 1 ละเลยต่อหน้าที่ที่ต้องมีตามที่กำหนดไว้โดยไม่บอกกล่าวให้จำเลยที่ 2 จัดเวรยามแทนในเมื่อตนจะต้องไปราชการตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชาไม่อาจมาอยู่เวรยามตามกำหนด จึงเป็นเหตุโดยตรงต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นของโจทก์ ต้องถือว่าจำเลยที่ 1 ได้ทำละเมิดต่อโจทก์ด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1798/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของเวรยามต่อเหตุลักทรัพย์: การปฏิบัติหน้าที่ตามปกติโดยไม่มีละเว้นประมาท
การอยู่เวรเวลากลางคืนของจำเลยทั้งสองซึ่งเป็นลูกจ้างประจำที่ศาลากลางจังหวัดเน้นหนักเรื่องป้องกันอัคคีภัยและการก่อวินาศกรรม เช่นนี้ หน้าที่ของจำเลยทั้งสองเป็นเรื่องป้องกันเหตุดังกล่าวไม่ให้เกิดแก่สถานที่ราชการเท่านั้น วิธีปฏิบัติจึงได้จัดที่นอนไว้ให้ และที่นอนก็อยู่ชั้นล่าง ในขณะที่คนร้ายปีนขึ้นไปบนชั้นสองงัดประตูหน้าต่างแล้วลักเอาเครื่องพิมพ์ดีดไป แม้จะต้องใช้เวลานานพอสมควรแต่ก็อยู่คนละชั้นกับที่จำเลยนอนอยู่ และเป็นเรื่องธรรมดาที่คนร้ายจะต้องระมัดระวังตัวมิให้ใครรู้เห็น จำเลยทั้งสองได้เข้าเวรยามตามปกติ และปฏิบัติอย่างที่เคยปฏิบัติกันก่อน ๆ มาแล้วโจทก์มิได้นำสืบให้เห็นว่า จำเลยจะต้องปฏิบัติอย่างไรบ้างจำเลยละเว้นหน้าที่ข้อใด และกระทำโดยประมาทหรือผิดระเบียบข้อใด จึงถือไม่ได้ว่าจำเลยทั้งสองกระทำโดยประมาท ไม่เป็นละเมิดต่อโจทก์.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 14427/2555

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ละเมิดจากหน้าที่เวรยาม: หน่วยงานต้องรับผิดชอบการประมาทเลินเล่อของข้าราชการ
การที่ดาบตำรวจ ว. ซึ่งเป็นข้าราชการในสังกัดจำเลยที่ 3 มีหน้าที่เฉพาะเจาะจงเป็นเวรดูแลผู้ต้องหาในห้องควบคุมของสถานีตำรวจให้อยู่ในความสงบเรียบร้อยและเพื่อไม่ให้ผู้ต้องหาหลบหนี แต่ดาบตำรวจ ว. ขาดความระมัดระวังในการปฏิบัติหน้าที่เวรยามจนเป็นเหตุให้จำเลยที่ 1 และที่ 2 ทำร้าย ส. จนถึงแก่ความตาย ซึ่งเป็นการงดเว้นการปฏิบัติหน้าที่ที่จำต้องกระทำเพื่อป้องกันผลจากเหตุร้ายที่จะเกิดขึ้น ถือได้ว่า ดาบตำรวจ ว. ประมาทเลินเล่อ จำเลยที่ 3 ซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐต้นสังกัดของดาบตำรวจ ว. จึงต้องรับผิดต่อโจทก์ตาม พ.ร.บ.ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ.2539 มาตรา 5 วรรคหนึ่ง แต่ดาบตำรวจ ว. ไม่ต้องร่วมกับจำเลยที่ 1 และที่ 2 รับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนทั้งหมดแก่โจทก์ คงรับผิดเป็นการเฉพาะตัวของดาบตำรวจ ว. ที่ประมาทเลินเล่อไม่ตรวจห้องควบคุมผู้ต้องหาเป็นเหตุให้จำเลยที่ 1 และที่ 2 ร่วมกันทำร้าย ส. ถึงแก่ความตาย ซึ่งพิเคราะห์พฤติการณ์และความร้ายแรงแห่งละเมิดแล้ว สมควรให้ดาบตำรวจ ว. รับผิดเพียง 200,000 บาท ซึ่งเป็นส่วนที่จำเลยที่ 3 ต้องชดใช้แก่โจทก์