พบผลลัพธ์ทั้งหมด 6 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6669/2541
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ทรัพย์สินติดจำนองไม่ตัดสิทธิการเป็นบุคคลล้มละลาย หากยังมีทรัพย์สินอื่นและรายได้เพียงพอ
แม้ทรัพย์สินของจำเลยจะติดจำนองธนาคารก็ถือว่าทรัพย์สินดังกล่าวยังเป็นทรัพย์สินของจำเลย ทั้งไม่ปรากฏว่าธนาคารอื่น ๆ ที่รับจำนองทรัพย์สินของจำเลยไว้มีการบังคับจำนองบ้างแล้วหรือไม่ หรือมีจำนวนหนี้จำนองท่วมราคาทรัพย์หรือไม่ก็ไม่มีหลักฐานปรากฏ ประกอบกับจำเลยได้พยายามติดต่อโจทก์เพื่อขอชำระหนี้มิได้หลบหนี ดังนั้น เมื่อโจทก์ยังมิได้ดำเนินการขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์ของจำเลยเพื่อจัดการบังคับคดีแก่ทรัพย์สินของจำเลยนำเงินมาชำระหนี้ ทั้งการฟ้องคดีล้มละลายที่จะขอให้จำเลยเป็นบุคคลล้มละลายมิใช่เป็นการฟ้องคดีเพื่อบังคับให้ลูกหนี้ชำระหนี้แก่เจ้าหนี้โดยตรง แต่เป็นเพียงวิธีการจัดการทรัพย์ของลูกหนี้เพื่อชำระหนี้แก่บรรดาเจ้าหนี้ของลูกหนี้ด้วยแล้ว เมื่อจำเลยยังมีทรัพย์สินที่เป็นอสังหาริมทรัพย์และจำเลยยังมีอาชีพประกอบกิจการค้าขายยังพอมีรายได้จึงมีเหตุอื่นที่ไม่ควรให้จำเลยล้มละลายตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 14
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4232/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความค่าเสียหายเครื่องวิทยุ: ไม่ใช่คดีเช่า แต่เป็นค่าเสียหายจากเหตุอื่น
โจทก์จำเลยทำสัญญาการเช่าใช้บริการวิทยุคมนาคมความถี่สูงมากโดยจำเลยผู้เช่าเป็นผู้จัดซื้อเครื่องวิทยุคมนาคมมาใช้เองแต่เครื่องวิทยุคมนาคมตกเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ผู้ให้เช่าทันทีจำเลยนำเครื่องไปติดตั้งผิดสถานที่จึงถูกเจ้าพนักงานตำรวจดำเนินคดีในที่สุดศาลยึดเครื่องวิทยุคมนาคมของโจทก์และโจทก์ได้รับคืนจากศาลและฟ้องเรียกค่าเครื่องวิทยุคมนาคมเสียหายและค่าอุปกรณ์สูญหายจากจำเลย ดังนี้ นิติสัมพันธ์ระหว่างโจทก์จำเลยเป็นไปตามสัญญา เมื่อตามข้อสัญญาและตามระเบียบการสื่อสารแห่งประเทศไทยซึ่งนำมาระบุไว้ในสัญญาด้วยนั้น ค่าเช่า หมายความว่า ค่าเช่าเครื่องและค่าใช้บริการรวมกัน การคิดค่าเช่าใช้แยกได้เป็น 2 ส่วนคือค่าเช่าเครื่องส่วนหนึ่งและค่าใช้บริการอีกส่วนหนึ่ง การที่ในสัญญาคิดค่าเช่าใช้บริการจากจำเลยเพียงเดือนละ 1,000 บาทเนื่องจากจำเลยเป็นผู้นำเครื่องวิทยุและอุปกรณ์มาใช้เองจึงเป็นการคิดเฉพาะค่าใช้บริการมิได้คิดค่าเช่าเครื่องด้วย การที่โจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายของเครื่องวิทยุคมนาคมจึงมิใช่คดีอันผู้ให้เช่าฟ้องผู้เช่าเกี่ยวแก่สัญญาเช่าซึ่งจะต้องใช้อายุความ 6 เดือนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 563
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 910/2501 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ศาลไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยประเด็นที่ศาลล่างงดสืบพยาน หากศาลอุทธรณ์ยกฟ้องด้วยเหตุอื่น
ในกรณีที่ศาลชั้นต้นงดสืบพยานจำเลยและฟังว่าห้องพิพาทไม่เป็นเคหะ แต่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์โดยอาศัยเหตุอื่นนั้น จำเลยจะฎีกาขอให้ศาลชั้นต้นสืบพยานจำเลยเพื่อจะได้วินิจฉัยว่าการเช่าเป็นเคหะหรือไม่ ศาลฎีกาไม่จำต้องพิจารณาฎีกาคัดค้านคดีของจำเลยต่อไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 910/2501
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยกฟ้องโดยเหตุอื่น ทำให้ศาลไม่ต้องวินิจฉัยประเด็นที่ยังไม่ได้ตัดสินในชั้นต้น
ในกรณีที่ศาลชั้นต้นงดสืบพยานจำเลยและฟังว่าห้องพิพาทไม่เป็นเคหะ แต่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์โดยอาศัยเหตุอื่นนั้น จำเลยจะฎีกาขอให้ศาลชั้นต้นสืบพยานจำเลยเพื่อจะได้วินิจฉัยว่าการเช่าเป็นเคหะหรือไม่ ศาลฎีกาไม่จำต้องพิจารณาฎีกาคัดค้านคดีของจำเลยต่อไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1347/2482
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ศาลไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยอุทธรณ์หากมีเหตุอื่นยกฟ้อง และข้อโต้แย้งเรื่องการโอนโคเป็นสาระสำคัญ
ในคดีอาญาที่โจทก์อุทธรณ์เมื่อศาลอุทธรณ์หยิบยกเหตุอื่นขึ้นยกฟ้องโจทก์แล้วก็ไม่จำเป็นต้องยกข้ออุทธรณ์ของโจทก์ขึ้นวินิจฉัย
ศาลเดิมและศาลอุทธรณ์ยกฟ้องโจทก์โดยฟังข้อเท็จจริงคนละอย่างโจทก์ฎีกาในข้อเท็จจริงได้
ศาลเดิมและศาลอุทธรณ์ยกฟ้องโจทก์โดยฟังข้อเท็จจริงคนละอย่างโจทก์ฎีกาในข้อเท็จจริงได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4742/2553
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้ำคดีล้มละลาย: เหตุอื่นที่ไม่ควรล้มละลายเปลี่ยนไปถือเป็นประเด็นใหม่
ผู้รับโอนสิทธิเรียกร้องจากธนาคาร ท. เจ้าหนี้เดิมหากมาฟ้องร้องลูกหนี้ในประเด็นที่เจ้าหนี้เดิมได้ฟ้องร้องและศาลได้วินิจฉัยถึงที่สุดไปแล้วโดยเหตุอย่างเดียวกัน ย่อมเป็นฟ้องซ้ำตาม ป.วิ.พ. มาตรา 148 ประกอบกับ พ.ร.บ.จัดตั้งศาลล้มละลายและวิธีพิจารณาคดีล้มละลาย พ.ศ.2542 มาตรา 14 ได้
คดีก่อนธนาคาร ท. เป็นโจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสองขอให้พิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยทั้งสองเด็ดขาดและพิพากษาให้เป็นบุคคลล้มละลายศาลล้มละลายกลางเห็นว่าแม้จำเลยทั้งสองจะมีหนี้สินล้นพ้นตัว แต่จำเลยทั้งสองมีรายได้ประจำรวมกันเกินเดือนละ 100,000 บาท ย่อมสามารถชำระหนี้ได้ อีกทั้งหากเจ้าหนี้เดิมยินยอมลดหนี้จำนวนหนึ่งน่าเชื่อว่าจำเลยทั้งสองจะสามารถผ่อนชำระหนี้ได้ในระยะเวลาอันสั้น สมควรให้จำเลยทั้งสองไปเจรจาชำระหนี้แก่เจ้าหนี้เดิม กรณีจึงมีเหตุอื่นที่ไม่ควรให้จำเลยทั้งสองล้มละลาย คดีถึงที่สุด แต่คดีนี้โจทก์ซึ่งเป็นผู้รับโอนสิทธิเรียกร้องจากธนาคาร ท. ฟ้องจำเลยเป็นคดีล้มละลายโดยกล่าวอ้างในอุทธรณ์ว่า ระยะเวลาผ่านพ้นไป 4 ปีเศษแล้ว จำเลยทั้งสองไม่ได้เข้าทำสัญญาปรับปรุงโครงสร้างหนี้แก่โจทก์ ทั้งไม่ชำระหนี้ใดๆ ให้แก่โจทก์เลย เช่นนี้ หากเป็นจริงดังที่โจทก์อ้างในอุทธรณ์ก็ถือว่าเหตุอื่นที่ไม่ควรให้จำเลยทั้งสองล้มละลายนั้นอาจจะเปลี่ยนไปในสาระสำคัญ ประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยในคดีนี้จึงเป็นประเด็นที่เกิดขึ้นใหม่ ไม่ใช่ประเด็นที่ได้วินิจฉัยโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกันกับคดีก่อนอันจะเป็นฟ้องซ้ำ
คดีก่อนธนาคาร ท. เป็นโจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสองขอให้พิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยทั้งสองเด็ดขาดและพิพากษาให้เป็นบุคคลล้มละลายศาลล้มละลายกลางเห็นว่าแม้จำเลยทั้งสองจะมีหนี้สินล้นพ้นตัว แต่จำเลยทั้งสองมีรายได้ประจำรวมกันเกินเดือนละ 100,000 บาท ย่อมสามารถชำระหนี้ได้ อีกทั้งหากเจ้าหนี้เดิมยินยอมลดหนี้จำนวนหนึ่งน่าเชื่อว่าจำเลยทั้งสองจะสามารถผ่อนชำระหนี้ได้ในระยะเวลาอันสั้น สมควรให้จำเลยทั้งสองไปเจรจาชำระหนี้แก่เจ้าหนี้เดิม กรณีจึงมีเหตุอื่นที่ไม่ควรให้จำเลยทั้งสองล้มละลาย คดีถึงที่สุด แต่คดีนี้โจทก์ซึ่งเป็นผู้รับโอนสิทธิเรียกร้องจากธนาคาร ท. ฟ้องจำเลยเป็นคดีล้มละลายโดยกล่าวอ้างในอุทธรณ์ว่า ระยะเวลาผ่านพ้นไป 4 ปีเศษแล้ว จำเลยทั้งสองไม่ได้เข้าทำสัญญาปรับปรุงโครงสร้างหนี้แก่โจทก์ ทั้งไม่ชำระหนี้ใดๆ ให้แก่โจทก์เลย เช่นนี้ หากเป็นจริงดังที่โจทก์อ้างในอุทธรณ์ก็ถือว่าเหตุอื่นที่ไม่ควรให้จำเลยทั้งสองล้มละลายนั้นอาจจะเปลี่ยนไปในสาระสำคัญ ประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยในคดีนี้จึงเป็นประเด็นที่เกิดขึ้นใหม่ ไม่ใช่ประเด็นที่ได้วินิจฉัยโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกันกับคดีก่อนอันจะเป็นฟ้องซ้ำ