พบผลลัพธ์ทั้งหมด 22 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7062/2547
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิพากษาล้มละลาย: การรับฟังเอกสารสำเนาและภาระการนำสืบของลูกหนี้
แม้หนังสือมอบอำนาจ หนังสือมอบอำนาจช่วง และสัญญาโอนสินทรัพย์ เป็นสำเนาเอกสาร แต่ตามรายงานกระบวนพิจารณาซึ่งบันทึกเป็นหลักฐานในการพิจารณาคดีในช่วงเวลาที่โจทก์นำสืบอ้างสำเนาเอกสารดังกล่าวเป็นพยาน จำเลยที่ 2 ไม่ได้โต้แย้งคัดค้านการนำสืบสำเนาเอกสารว่าไม่ถูกต้อง ศาลไม่ควรรับเป็นพยานหลักฐานตาม ป.วิ.พ. มาตรา 125 คงมีแต่เพียงคำถามค้านของทนายจำเลยที่ 2 ว่าเอกสารดังกล่าวเป็นสำเนาเอกสารใช่หรือไม่เท่านั้น ถือว่าจำเลยที่ 2 ยอมรับว่าสำเนาเอกสารนั้นถูกต้องแล้ว จึงรับฟังเอกสารดังกล่าวเป็นพยานได้ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 93 (1) ส่วนหนังสือโอนสิทธิเรียกร้องเป็นต้นฉบับเอกสาร การโอนสิทธิเรียกร้องดังกล่าวเป็นการโอนหนี้ด้อยคุณภาพตาม พ.ร.ก.บริษัทบริหารสินทรัพย์ฯ มาตรา 9 ไม่ต้องได้รับความยินยอมจากลูกหนี้ หรือบอกกล่าวการโอนตาม ป.พ.พ. มาตรา 306 โจทก์จึงเข้าสวมสิทธิของธนาคาร ท เป็นเจ้าหนี้จำเลยทั้งสองได้ หนี้ดังกล่าวเป็นหนี้ตามคำพิพากษามีจำนวนแน่นอนไม่น้อยกว่า 1,000,000 บาท จำเลยทั้งสองมีหน้าที่ต้องชำระหนี้ตามคำพิพากษานั้น การฟ้องคดีของโจทก์ฟ้องโดยอาศัยข้อสันนิษฐานอื่นไม่ใช่ข้อสันนิษฐานตาม พ.ร.บ. ล้มละลายฯ มาตรา 8 (9) เรื่องการทวงถาม จึงไม่ต้องทวงถามก่อนฟ้อง โจทก์มีอำนาจฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2709/2543
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเจ้าหนี้ในการฟ้องคดีล้มละลาย และการรับรองความถูกต้องของเอกสารสำเนา
ในกรณีเจ้าหนี้มีลูกหนี้หลายคน เจ้าหนี้จะฟ้องลูกหนี้คนใดและจะฟ้องอย่างไร ย่อมเป็นสิทธิของเจ้าหนี้ที่จะเลือกกระทำได้ โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้จึงมีสิทธิฟ้องลูกหนี้คนอื่น ๆ เป็นคดีล้มละลายโดยไม่จำต้องฟ้องจำเลยด้วย ทั้งการที่โจทก์ไม่ได้ฟ้องจำเลยในคดีล้มละลายดังกล่าว ย่อมเป็นคุณแก่จำเลยในอันที่จะไม่ต้องตกเป็นบุคคลล้มละลาย และแม้ต่อมาลูกหนี้คนอื่น ๆ จะตกเป็นบุคคลล้มละลายก็ตาม จำเลยก็หาได้หลุดพ้นจากความรับผิดต่อโจทก์ไม่ โจทก์จึงมีสิทธิฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้ โดยไม่จำต้องคำนึงว่าจำเลยจะขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลายได้หรือไม่ และจะเสียสิทธิในการไล่เบี้ยหรือไม่ เพราะการไล่เบี้ยเป็นเรื่องระหว่างลูกหนี้ด้วยกันเอง กรณีถือไม่ได้ว่าโจทก์ใช้สิทธิฟ้องจำเลยโดยไม่สุจริต
โจทก์นำสำเนาภาพถ่ายของต้นฉบับเอกสารที่สูญหายไปมาสืบว่าถูกต้องกับต้นฉบับ แม้จะไม่ปรากฏว่าศาลชั้นต้นได้อนุญาตให้โจทก์นำสำเนาเอกสารหรือพยานบุคคลมาสืบก็ตาม แต่การที่ศาลชั้นต้นยอมให้โจทก์นำสำเนาหนังสือสัญญาเอกสารและพยานบุคคลมาสืบ ถือได้ว่าศาลชั้นต้นได้อนุญาตให้โจทก์นำสำเนาเอกสารและพยานบุคคลมาสืบแล้ว สำเนาหนังสือสัญญาดังกล่าวจึงรับฟังเป็นพยานหลักฐานแห่งเอกสารดังกล่าวได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 93(2)
ค่าฤชาธรรมเนียมในศาลชั้นต้นควรให้จำเลยใช้แทนโจทก์ตามทุนทรัพย์ที่โจทก์ชนะคดี แทนที่จะให้ใช้ตามทุนทรัพย์ที่โจทก์ฟ้องคดีนั้นเป็นดุลพินิจของศาล เมื่อไม่นอกเหนือไปจากบทบัญญัติกฎหมายก็ไม่มีเหตุที่จะต้องแก้ไข
โจทก์นำสำเนาภาพถ่ายของต้นฉบับเอกสารที่สูญหายไปมาสืบว่าถูกต้องกับต้นฉบับ แม้จะไม่ปรากฏว่าศาลชั้นต้นได้อนุญาตให้โจทก์นำสำเนาเอกสารหรือพยานบุคคลมาสืบก็ตาม แต่การที่ศาลชั้นต้นยอมให้โจทก์นำสำเนาหนังสือสัญญาเอกสารและพยานบุคคลมาสืบ ถือได้ว่าศาลชั้นต้นได้อนุญาตให้โจทก์นำสำเนาเอกสารและพยานบุคคลมาสืบแล้ว สำเนาหนังสือสัญญาดังกล่าวจึงรับฟังเป็นพยานหลักฐานแห่งเอกสารดังกล่าวได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 93(2)
ค่าฤชาธรรมเนียมในศาลชั้นต้นควรให้จำเลยใช้แทนโจทก์ตามทุนทรัพย์ที่โจทก์ชนะคดี แทนที่จะให้ใช้ตามทุนทรัพย์ที่โจทก์ฟ้องคดีนั้นเป็นดุลพินิจของศาล เมื่อไม่นอกเหนือไปจากบทบัญญัติกฎหมายก็ไม่มีเหตุที่จะต้องแก้ไข
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4681/2541 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับฟังเอกสารสำเนาบัตรข้าราชการและลายมือชื่อเพื่อเปรียบเทียบ
เมื่อเอกสารสำเนาบัตรประจำตัวข้าราชการที่โจทก์อ้างส่งต่อศาล จำเลยไม่คัดค้าน อีกทั้งจำเลยยังได้เบิกความยอมรับถึงความถูกต้องแท้จริงของเอกสารดังกล่าว ดังนี้ ศาลย่อมรับฟังลายมือชื่อของจำเลยในเอกสารดังกล่าวเพื่อนำมาเปรียบเทียบกับลายมือชื่อของผู้ค้ำประกันที่พิพาทได้ ตามนัยแห่ง ป.วิ.พ.มาตรา 93 (1)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9312/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับฟังพยานหลักฐานจากเอกสารสำเนา และการชำระหนี้ที่ยังไม่ครบถ้วน
แม้เอกสารหมาย จ.19 เป็นเพียงสำเนาเอกสาร แต่เมื่อโจทก์ทั้งห้าซึ่งถูกจำเลยอ้างเอกสารดังกล่าวมาเป็นพยานหลักฐานยัน มิได้คัดค้านว่าไม่มีต้นฉบับหรือต้นฉบับนั้นปลอมทั้งฉบับหรือบางส่วนหรือสำเนานั้นไม่ถูกต้องกับต้นฉบับก่อนวันสืบพยาน และไม่ได้ขออนุญาตคัดค้านในภายหลังก่อนศาลชั้นต้นพิพากษา โจทก์ทั้งห้าจึงต้องห้ามไม่ให้คัดค้านการมีอยู่หรือความแท้จริงของเอกสารนั้นหรือความถูกต้องแห่งสำเนาเอกสารนั้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 125 เอกสารหมาย จ.19 จึงรับฟังเป็นพยานหลักฐานได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2459/2539 เวอร์ชัน 5 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การคัดค้านเอกสารในศาล: การไม่โต้แย้งความถูกต้องของต้นฉบับ ทำให้ศาลรับฟังเอกสารสำเนาได้
จำเลยเพียงแต่โต้แย้งไว้ในคำให้การว่า เอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 5 (เอกสารหมาย จ.6) เป็นเอกสารที่โจทก์ทำขึ้นฝ่ายเดียว จำเลยไม่ขอรับรอง จำเลยหาได้โต้แย้งคัดค้านว่า เอกสารดังกล่าวไม่มีต้นฉบับหรือต้นฉบับนั้นปลอมทั้งฉบับหรือบางส่วน หรือสำเนานั้นไม่ถูกต้องกับต้นฉบับอย่างหนึ่งอย่างใด ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 125 เดิม จึงถือไม่ได้ว่าจำเลยได้คัดค้านเอกสารหมาย จ.6 ไว้แล้ว ศาลย่อมมีอำนาจรับฟังเอกสารหมาย จ.6 แทนต้นฉบับได้ ไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 93
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2459/2539 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับฟังเอกสารสำเนาแทนต้นฉบับ: จำเลยต้องโต้แย้งการไม่มีอยู่จริง หรือความไม่ถูกต้องของเอกสาร เพื่อให้ศาลไม่รับฟัง
จำเลยเพียงแต่โต้แย้งไว้ในคำให้การว่าเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข5(ซึ่งต่อมาในชั้นพิจารณาศาลหมายจ.6)เป็นเอกสารที่โจทก์ทำขึ้นฝ่ายเดียวจำเลยไม่ขอรับรองโดยจำเลยมิได้โต้แย้งคัดค้านว่าเอกสารดังกล่าวไม่มีต้นฉบับหรือว่าต้นฉบับนั้นปลอมทั้งฉบับหรือบางส่วนหรือสำเนานั้นไม่ถูกต้องกับต้นฉบับอย่างหนึ่งอย่างใดตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา125(เดิม)จึงถือไม่ได้ว่าจำเลยได้คัดค้านเอกสารหมายจ.6ไว้แล้วศาลย่อมมีอำนาจรับฟังเอกสารดังกล่าวซึ่งเป็นสำเนาแทนต้นฉบับได้ไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งตามมาตรา93
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2257/2539 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เอกสารสำเนาจากไมโครฟิล์มที่ไม่สามารถแสดงต้นฉบับได้ ไม่อาจนำสืบได้ตามกฎหมาย
บันทึกรายการขายและใบแจ้งยอดหนี้อันเกิดจากการใช้บัตรเครดิตของธนาคารโจทก์เป็นภาพถ่ายสำเนาเอกสารจากไมโครฟิล์ม ซึ่งต้นฉบับอยู่ที่โจทก์และไม่ปรากฏว่าต้นฉบับเอกสารได้สูญหาย ถูกทำลายโดยเหตุสุดวิสัยหรือไม่สามารถนำต้นฉบับมาได้โดยประการอื่น จึงต้องห้ามมิให้รับฟังเอกสารดังกล่าวตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 93
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2257/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไม่อาจนำต้นฉบับเอกสารจากไมโครฟิล์มมาแสดงได้ ทำให้ศาลไม่รับฟังหลักฐานสำเนา
บันทึกรายการขายและใบแจ้งยอดหนี้อันเกิดจากการใช้บัตรเครดิตของธนาคารโจทก์เป็นภาพถ่ายสำเนาเอกสารจากไมโครฟิล์มซึ่งต้นฉบับอยู่ที่โจทก์และไม่ปรากฏว่าต้นฉบับเอกสารได้สูญหายถูกทำลายโดยเหตุสุดวิสัยหรือไม่สามารถนำต้นฉบับมาได้โดยประการอื่นจึงต้องห้ามมิให้รับฟังเอกสารดังกล่าวตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา93
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2257/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เอกสารสำเนาจากไมโครฟิล์มไม่อาจใช้แทนต้นฉบับได้ตามกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 93
บันทึกรายการขายและใบแจ้งยอดหนี้อันเกิดจากการใช้บัตรเครดิตของธนาคารโจทก์เป็นภาพถ่ายสำเนาเอกสารจากไมโครฟิล์มซึ่งต้นฉบับอยู่ที่โจทก์และไม่ปรากฎว่าต้นฉบับเอกสารได้สูญหายถูกทำลายโดยเหตุสุดวิสัยหรือไม่สามารถนำต้นฉบับมาได้โดยประการอื่นจึงต้องห้ามมิให้รับฟังเอกสารดังกล่าวตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา93
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1033/2539 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับฟังพยานหลักฐานจากเอกสารสำเนา กรณีจำเลยโต้แย้งความแท้จริงของเอกสารต้นฉบับ
จำเลยทั้งสองให้การต่อสู้ว่า สำเนาใบบันทึกการใช้บัตรหรือใบบันทึกค่าสินค้าและบริการเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 8 และ 9 เป็นเอกสารปลอม จึงถือได้ว่าจำเลยทั้งสองได้คัดค้านการนำเอกสารนั้นมาสืบโดยเหตุที่ว่าต้นฉบับปลอมทั้งฉบับก่อนวันสืบพยานตาม ป.วิ.พ. มาตรา 125 วรรคสอง แล้วและมีสิทธิคัดค้านการมีอยู่และความแท้จริงของเอกสารนั้นหรือความถูกต้องแห่งสำเนาเอกสารนั้นได้
เมื่อจำเลยที่ 1 ใช้บัตรอเมริกันเอ็กซ์เพรสของโจทก์แทนเงินสดในการชำระค่าสินค้าและบริการแต่ละครั้งจะมีการทำเอกสารชุดละ3 แผ่น ร้านค้าเก็บไว้ 1 แผ่น มอบให้จำเลยที่ 1 เก็บไว้ 1 แผ่น และส่งมาเรียกเก็บเงินจากโจทก์ 1 แผ่น ซึ่งโจทก์จะนำไปถ่ายเป็นไมโครฟิล์มไว้แล้วส่งหลักฐานที่ร้านค้าส่งมาให้โจทก์ไปเรียกเก็บเงินจากจำเลยที่ 1 พร้อมใบแจ้งหนี้ จึงไม่มีต้นฉบับหรือสำเนาใบบันทึกการใช้บัตรดังกล่าวอยู่ที่โจทก์เมื่อโจทก์อ้างว่าต้นฉบับใบบันทึกการใช้บัตรอยู่ที่จำเลยทั้งสอง แต่จำเลยทั้งสองให้การต่อสู้ว่าสำเนาใบบันทึกการใช้บัตรหรือใบบันทึกค่าสินค้าและบริการเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 9 ซึ่งตรงกับสำเนาใบบันทึกการใช้บัตรเอกสารหมาย จ.8 เป็นเอกสารปลอม จึงเท่ากับว่าจำเลยทั้งสองไม่รับว่าต้นฉบับใบบันทึกการใช้บัตรหรือใบบันทึกค่าสินค้าและบริการดังกล่าวอยู่ที่จำเลยทั้งสอง ถือได้ว่าเป็นกรณีที่โจทก์ไม่สามารถนำต้นฉบับเอกสารใบบันทึกค่าสินค้าและบริการมาได้ เมื่อเอกสารหมาย จ.8 เป็นสำเนาใบบันทึกการใช้บัตรเป็นค่าสินค้าและบริการซึ่งเป็นภาพถ่ายจากไมโครฟิล์มที่โจทก์ถ่ายจากสำเนาใบบันทึกการใช้บัตรเป็นค่าสินค้าและบริการของจำเลยที่ 1 ที่ร้านค้าส่งไปเรียกเก็บเงินจากโจทก์ เอกสารหมาย จ. 8 จึงเป็นสำเนาที่ถูกต้องของต้นฉบับเอกสาร ศาลมีอำนาจรับฟังเอกสารหมาย จ.8 ซึ่งเป็นสำเนาเอกสารเป็นพยานหลักฐานได้ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 93 (2)
จำเลยทั้งสองได้รับสำเนาใบบันทึกการใช้บัตรเป็นค่าสินค้าและบริการของจำเลยที่ 2 และสำเนาใบบันทึกการเบิกเงินสดของจำเลยที่ 2 พร้อมกับฟ้องแล้ว แต่จำเลยทั้งสองไม่ได้โต้แย้งคัดค้านการนำเอกสารมาสืบก่อนวันสืบพยานโดยเหตุว่าไม่มีต้นฉบับ หรือต้นฉบับนั้นปลอมทั้งฉบับหรือบางส่วน หรือสำเนานั้นไม่ถูกต้องกับต้นฉบับ และไม่ได้ขออนุญาตคัดค้านในภายหลังก่อนศาลชั้นต้นพิพากษา จึงถือได้ว่าจำเลยทั้งสองได้ยอมรับถึงการมีอยู่ของต้นฉบับและความแท้จริงของต้นฉบับเอกสารนั้น รวมทั้งยอมรับว่าสำเนานั้นตรงกับต้นฉบับตาม ป.วิ.พ. มาตรา 125 แล้ว ศาลจึงมีอำนาจรับฟังสำเนาเอกสารดังกล่าวเป็นพยานหลักฐานแทนต้นฉบับได้ ตาม ป.วิ.พ.มาตรา 93 (1)
เมื่อจำเลยที่ 1 ใช้บัตรอเมริกันเอ็กซ์เพรสของโจทก์แทนเงินสดในการชำระค่าสินค้าและบริการแต่ละครั้งจะมีการทำเอกสารชุดละ3 แผ่น ร้านค้าเก็บไว้ 1 แผ่น มอบให้จำเลยที่ 1 เก็บไว้ 1 แผ่น และส่งมาเรียกเก็บเงินจากโจทก์ 1 แผ่น ซึ่งโจทก์จะนำไปถ่ายเป็นไมโครฟิล์มไว้แล้วส่งหลักฐานที่ร้านค้าส่งมาให้โจทก์ไปเรียกเก็บเงินจากจำเลยที่ 1 พร้อมใบแจ้งหนี้ จึงไม่มีต้นฉบับหรือสำเนาใบบันทึกการใช้บัตรดังกล่าวอยู่ที่โจทก์เมื่อโจทก์อ้างว่าต้นฉบับใบบันทึกการใช้บัตรอยู่ที่จำเลยทั้งสอง แต่จำเลยทั้งสองให้การต่อสู้ว่าสำเนาใบบันทึกการใช้บัตรหรือใบบันทึกค่าสินค้าและบริการเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 9 ซึ่งตรงกับสำเนาใบบันทึกการใช้บัตรเอกสารหมาย จ.8 เป็นเอกสารปลอม จึงเท่ากับว่าจำเลยทั้งสองไม่รับว่าต้นฉบับใบบันทึกการใช้บัตรหรือใบบันทึกค่าสินค้าและบริการดังกล่าวอยู่ที่จำเลยทั้งสอง ถือได้ว่าเป็นกรณีที่โจทก์ไม่สามารถนำต้นฉบับเอกสารใบบันทึกค่าสินค้าและบริการมาได้ เมื่อเอกสารหมาย จ.8 เป็นสำเนาใบบันทึกการใช้บัตรเป็นค่าสินค้าและบริการซึ่งเป็นภาพถ่ายจากไมโครฟิล์มที่โจทก์ถ่ายจากสำเนาใบบันทึกการใช้บัตรเป็นค่าสินค้าและบริการของจำเลยที่ 1 ที่ร้านค้าส่งไปเรียกเก็บเงินจากโจทก์ เอกสารหมาย จ. 8 จึงเป็นสำเนาที่ถูกต้องของต้นฉบับเอกสาร ศาลมีอำนาจรับฟังเอกสารหมาย จ.8 ซึ่งเป็นสำเนาเอกสารเป็นพยานหลักฐานได้ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 93 (2)
จำเลยทั้งสองได้รับสำเนาใบบันทึกการใช้บัตรเป็นค่าสินค้าและบริการของจำเลยที่ 2 และสำเนาใบบันทึกการเบิกเงินสดของจำเลยที่ 2 พร้อมกับฟ้องแล้ว แต่จำเลยทั้งสองไม่ได้โต้แย้งคัดค้านการนำเอกสารมาสืบก่อนวันสืบพยานโดยเหตุว่าไม่มีต้นฉบับ หรือต้นฉบับนั้นปลอมทั้งฉบับหรือบางส่วน หรือสำเนานั้นไม่ถูกต้องกับต้นฉบับ และไม่ได้ขออนุญาตคัดค้านในภายหลังก่อนศาลชั้นต้นพิพากษา จึงถือได้ว่าจำเลยทั้งสองได้ยอมรับถึงการมีอยู่ของต้นฉบับและความแท้จริงของต้นฉบับเอกสารนั้น รวมทั้งยอมรับว่าสำเนานั้นตรงกับต้นฉบับตาม ป.วิ.พ. มาตรา 125 แล้ว ศาลจึงมีอำนาจรับฟังสำเนาเอกสารดังกล่าวเป็นพยานหลักฐานแทนต้นฉบับได้ ตาม ป.วิ.พ.มาตรา 93 (1)