พบผลลัพธ์ทั้งหมด 9 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7428/2543 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกู้ยืมเงินที่มีหลักฐานเป็นหนังสือ แม้จะมีการแก้ไขข้อความ แต่หากจำนวนเงินและดอกเบี้ยถูกต้อง ผู้กู้ยังต้องรับผิด
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกู้ยืมเงินโจทก์ไปจำนวน 25,000 บาททำสัญญากู้เงินมอบให้โจทก์ไว้เป็นหลักฐานตามสำเนาสัญญากู้เงินท้ายฟ้อง จำเลยให้การว่า จำเลยกู้ยืมเงินจำนวน 25,000 บาทไปจากโจทก์จริง โดยการกู้ยืมโจทก์ให้จำเลยลงลายมือชื่อในกระดาษที่ไม่มีการกรอกข้อความไว้ สัญญากู้เงินตามเอกสารท้ายฟ้อง โจทก์เป็นผู้กรอกข้อความขึ้นเองโดยไม่ได้รับความยินยอมจากจำเลยจึงเป็นสัญญาปลอมทั้งฉบับ ตามคำให้การของจำเลย จำเลยรับแล้วว่าได้กู้ยืมเงินโจทก์ไปจริงตามที่โจทก์ฟ้อง โดยจำเลยลงลายมือชื่อไว้ในกระดาษที่ไม่มีการกรอกข้อความไว้ แม้หากข้อเท็จจริงจะฟังได้ตามคำให้การของจำเลยว่า สัญญากู้เงินที่โจทก์นำมาฟ้องเป็นเอกสารที่โจทก์กรอกข้อความขึ้นเองโดยไม่ได้รับความยินยอมจากจำเลยก็ตามแต่โจทก์ได้กรอกจำนวนเงินที่กู้ยืมตามความเป็นจริง อัตราดอกเบี้ยก็ไม่เกินกว่าที่กฎหมายกำหนดหรือที่ได้ตกลงกันไว้ การกู้ยืมเงินครั้งนี้จึงเป็นการกู้ยืมเงินที่มีหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อจำเลยผู้ยืมเป็นสำคัญตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 653 วรรคหนึ่งจำเลยต้องรับผิดชดใช้เงินให้แก่โจทก์ตามฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2525/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อความในเอกสารสัญญาประนีประนอมยอมความโดยพยานบุคคลขัดต่อกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
ข้อความในสัญญาประนีประนอมยอมความปรากฏแต่เพียงว่า จำเลยลงชื่อในฐานะพยาน การที่โจทก์นำสืบพยานบุคคลว่า จำเลยลงชื่อในฐานะเป็นคู่สัญญาซึ่งต้องรับผิดตามสัญญาเท่ากับเป็นการนำสืบพยานบุคคลเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อความในเอกสารต้องห้ามตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94(ข)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1752/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำเลยอุทธรณ์ลอยๆ ไม่ให้เหตุผลการไม่ได้รับเงินตามสัญญาจำนอง และนำสืบแก้ไขข้อความในเอกสาร สัญญาจำนองสมบูรณ์ ศาลยืนตามศาลอุทธรณ์
คำให้การของจำเลยกล่าวแต่เพียงว่า โจทก์ไม่ได้ส่งเงินให้แก่จำเลยตามสัญญาจำนอง สัญญาจำนองจึงเป็นโมฆะโดยมิได้เหตุผลว่าเป็นเพราะเหตุใดโจทก์จึงไม่ได้ส่งมอบเงินให้จำเลย นั้น เป็นคำให้การที่ขัดกับประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177 วรรคสอง มีผลทำให้จำเลยนำสืบต่อสู้คดีไม่ได้
สัญญาจำนองระบุว่า จำเลยได้รับเงินจากโจทก์ไปครบถ้วนแล้ว จำเลยจะนำสืบว่าไม่ได้รับเงินไปตามสัญญาจำนองก็นำสืบไม่ได้ เพราะเป็นการนำสืบเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อความในเอกสารจำนองซึ่งระบุไว้ว่า จำเลยได้รับเงินตามสัญญาจำนองจากโจทก์ไปครบถ้วนแล้ว ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94
สัญญาจำนองระบุว่า จำเลยได้รับเงินจากโจทก์ไปครบถ้วนแล้ว จำเลยจะนำสืบว่าไม่ได้รับเงินไปตามสัญญาจำนองก็นำสืบไม่ได้ เพราะเป็นการนำสืบเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อความในเอกสารจำนองซึ่งระบุไว้ว่า จำเลยได้รับเงินตามสัญญาจำนองจากโจทก์ไปครบถ้วนแล้ว ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 203/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปลอมเอกสารสัญญาเช่า: การแก้ไขข้อความโดยไม่ได้รับความยินยอมของผู้ให้เช่า
ภรรยาโจทก์มอบแบบสัญญาเช่าที่โจทก์ลงชื่อแล้วในช่องผู้ให้เช่าให้จำเลยขอยืมไปเพื่อให้คนอื่นดู ต่อมาจำเลยกลับไปกรอกข้อความว่า โจทก์มิได้รู้เห็นยินยอมด้วย เช่นนี้ จำเลยย่อมมีความผิดฐานปลอมเอกสาร
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 264/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขข้อความในใบมอบอำนาจเพื่อทำสัญญาโอนสิทธิในที่ดินถือเป็นการปลอมแปลงเอกสาร
เจ้าของที่ดินมีโฉนดทำใบมอบฉันทะให้จำเลย เป็นผู้มีอำนาจจัดการสอบเขตต์ที่ดินแทนตน จำเลยกลับขีดฆ่าข้อ
ความว่า ทำการรังวัดสอบเขตต์ที่ดินออกแล้ว เดิมข้อความว่า ทำสัญญาขายกรรมสิทธิที่ดินแทน แล้วนำใบมอบฉัน
ทะนั้นไปทำสัญญาโอนขายกรรมสิทธที่ดินนั้นแก่ผู้อื่นไปย่อมเป็นความผิดฐานปลอมหนังสือ.
ความว่า ทำการรังวัดสอบเขตต์ที่ดินออกแล้ว เดิมข้อความว่า ทำสัญญาขายกรรมสิทธิที่ดินแทน แล้วนำใบมอบฉัน
ทะนั้นไปทำสัญญาโอนขายกรรมสิทธที่ดินนั้นแก่ผู้อื่นไปย่อมเป็นความผิดฐานปลอมหนังสือ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 264/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขข้อความในหนังสือมอบอำนาจเพื่อใช้ในการซื้อขายที่ดิน ถือเป็นความผิดฐานปลอมหนังสือ
เจ้าของที่ดินมีโฉนดทำใบมอบฉันทะให้จำเลย เป็นผู้มีอำนาจจัดการสอบเขตที่ดินแทนตน จำเลยกลับขีดฆ่าข้อความว่า ทำการรังวัดสอบเขตที่ดินออกแล้วเติมข้อความว่า ทำสัญญาขายกรรมสิทธิ์ที่ดินแทนแล้วนำใบมอบฉันทะนั้นไปทำสัญญาโอนขายกรรมสิทธิ์ที่ดินนั้นแก่ผู้อื่นไปย่อมเป็นความผิดฐานปลอมหนังสือ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1014/2485 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสืบพยานเพื่อแก้ไขข้อความในสัญญาเช่าและโอนกรรมสิทธิ์เรือ เป็นการไม่ชอบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
โจทฟ้องว่าจำเลยผิดสัญญาเช่าเรียกเรือกลไฟคืน การที่จำเลยนำพยานบุคคลมาสืบว่าเรือลำนี้จำเลยเปนผู้ซื้อแต่เงินไม่พอจึงกู้เงินโจทแล้วไส่ชื่อโจทเปนเจ้าของเรือ เช่นนี้เปนการสืบเพื่อแก้ไขข้อความไนสัญญาเช่าสัญญาโอนกัมสิทธิเรือซึ่งเปนการไม่ชอบด้วยมาตรา 94 (ข) ประมวนวิธีพิจารนาแพ่ง สาลไม่ควนรับฟังข้อความเหล่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1014/2485
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสืบพยานเพื่อแก้ไขข้อความในสัญญาเช่าและโอนกรรมสิทธิ์เรือ เป็นการไม่ชอบตามกฎหมาย
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยผิดสัญญาเช่าเรียกเรือกลไฟคืน. การที่จำเลยนำพยานบุคคลมาสืบว่าเรือลำนี้จำเลยเป็นผู้ซื้อแต่เงินไม่พอจึงกู้เงินโจทก์แล้วใส่ชื่อโจทก์เป็นเจ้าของเรือ.เช่นนี้เป็นการสืบเพื่อแก้ไขข้อความในสัญญาเช่าสัญญาโอนกรรมสิทธิ์เรือซึ่งเป็นการไม่ชอบด้วยมาตรา 94(ข)ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง. ศาลไม่ควรรับฟังข้อความเหล่านั้น. ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 27/2485.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 12628/2555
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขข้อความในเอกสาร การนำสืบพยานบุคคลประกอบเอกสาร และผลผูกพันตามข้อความที่แก้ไข
การยกที่ดินให้เป็นทางสาธารณะไม่มีกฎหมายบังคับให้ต้องมีพยานเอกสารมาแสดง โจทก์ทั้งสามจึงสามารถนำพยานบุคคลมาสืบประกอบข้ออ้างอย่างใดอย่างหนึ่งได้ การนำสืบพยานบุคคลเพิ่มเติม ตัดทอน หรือเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อความในเอกสารนั้น หมายถึงการนำสืบพยานบุคคลถึงข้อความอื่นให้แตกต่างไปจากข้อความที่ปรากฏอยู่ในเอกสารนั้น แต่ที่โจทก์ทั้งสามนำสืบพยานบุคคลประกอบเอกสารหมาย จ.11 นั้น เป็นการนำสืบถึงความมีอยู่จริงของข้อความที่ปรากฏอยู่แล้วในเอกสาร มิใช่นำสืบข้อความอื่นที่แตกต่างไปจากข้อความในเอกสารจึงมิใช่การนำสืบเพิ่มเติม ตัดทอน หรือเปลี่ยนแปลงข้อความในเอกสารแต่อย่างใด
ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า ส. บุตรจำเลยเป็นผู้เขียนข้อความทั้งหมดลงในเอกสารหมาย จ.11 แม้ข้อความตามหมายเหตุในเอกสารดังกล่าวจะมิได้มีอยู่ในขณะที่จำเลยลงลายมือชื่อก็ตาม แต่เมื่อโจทก์ทั้งสามโต้แย้งว่าไม่ตรงกับความจริงเพราะเงิน 130,000 บาท มิใช่เงินตอบแทนจดทะเบียนภาระจำยอม แต่เป็นเงินที่จำเลยต้องดำเนินการโอนที่ดินพิพาทให้เป็นทางสาธารณะ จำเลยก็ให้ ส. เขียนข้อความหมายเหตุไว้ว่าจำเลยจะยกทางให้เป็นทางสาธารณะภายใน 1 ปี จึงถือว่าข้อความตามหมายเหตุนั้นมีอยู่ในขณะที่จำเลยจัดทำเอกสารหมาย จ.11 ก่อนที่จำเลยจะส่งมอบให้โจทก์ทั้งสามเก็บรักษาไว้ กรณีจึงมิใช่การเพิ่มเติมข้อความในภายหลังที่จำเลยจะต้องลงลายมือชื่อกำกับไว้ด้วย จำเลยจึงมีความผูกพันต่อโจทก์ทั้งสามที่จะต้องจดทะเบียนที่ดินพิพาทให้เป็นทางสาธารณะตามข้อความในหมายเหตุเอกสารหมาย จ.11
ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า ส. บุตรจำเลยเป็นผู้เขียนข้อความทั้งหมดลงในเอกสารหมาย จ.11 แม้ข้อความตามหมายเหตุในเอกสารดังกล่าวจะมิได้มีอยู่ในขณะที่จำเลยลงลายมือชื่อก็ตาม แต่เมื่อโจทก์ทั้งสามโต้แย้งว่าไม่ตรงกับความจริงเพราะเงิน 130,000 บาท มิใช่เงินตอบแทนจดทะเบียนภาระจำยอม แต่เป็นเงินที่จำเลยต้องดำเนินการโอนที่ดินพิพาทให้เป็นทางสาธารณะ จำเลยก็ให้ ส. เขียนข้อความหมายเหตุไว้ว่าจำเลยจะยกทางให้เป็นทางสาธารณะภายใน 1 ปี จึงถือว่าข้อความตามหมายเหตุนั้นมีอยู่ในขณะที่จำเลยจัดทำเอกสารหมาย จ.11 ก่อนที่จำเลยจะส่งมอบให้โจทก์ทั้งสามเก็บรักษาไว้ กรณีจึงมิใช่การเพิ่มเติมข้อความในภายหลังที่จำเลยจะต้องลงลายมือชื่อกำกับไว้ด้วย จำเลยจึงมีความผูกพันต่อโจทก์ทั้งสามที่จะต้องจดทะเบียนที่ดินพิพาทให้เป็นทางสาธารณะตามข้อความในหมายเหตุเอกสารหมาย จ.11