พบผลลัพธ์ทั้งหมด 27 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 244/2545
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ที่ดินสาธารณประโยชน์: การแจ้งการครอบครองไม่ทำให้เกิดสิทธิ, อายุความใช้ไม่ได้กับที่ดินสาธารณะ
ทรัพย์สินของแผ่นดินจะเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินหรือไม่ขึ้นอยู่กับสภาพของตัวทรัพย์นั้นว่าราษฎรได้ใช้เพื่อสาธารณประโยชน์หรือสงวนไว้เพื่อประโยชน์ร่วมกัน เมื่อที่ดินพิพาทเป็นส่วนหนึ่งของที่ดินสาธารณประโยชน์ที่ราษฎรใช้ประโยชน์ร่วมกัน ที่ดินพิพาทจึงเป็นทรัพย์สินของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน แม้ทางราชการจะไม่ได้ทำหลักฐานหรือขึ้นทะเบียนไว้ ที่ดินพิพาทก็ยังคงเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินตามกฎหมายที่ไม่อาจยกอายุความขึ้นต่อสู้กับแผ่นดินและไม่อาจโอนให้แก่กันได้ เว้นแต่จะอาศัยอำนาจแห่งบทกฎหมายเฉพาะหรือพระราชกฤษฎีกา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2127/2542 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในที่ดินของผู้แจ้งการครอบครองค้าง, การออกโฉนด, และความสัมพันธ์กับ พ.ร.บ.ปฏิรูปที่ดิน
โจทก์ซื้อที่ดินพิพาทจาก พ. ซึ่ง พ. ยังไม่ได้แจ้งการครอบครองที่ดินพิพาทตามมาตรา 5 แห่ง พ.ร.บ. ให้ใช้ ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. 2497 โจทก์เข้าครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินพิพาทต่อเนื่องตลอดมา เมื่อมีการประกาศกำหนดท้องที่และวันเริ่มต้นของการเดินสำรวจเพื่อออกโฉนดที่ดิน โจทก์ไม่ได้แจ้งการครอบครองที่ดินพิพาทต่อเจ้าหน้าที่ตาม ป.ที่ดิน มาตรา 27 ตรี เนื่องจากโจทก์เดินทางไปประกอบอาชีพที่อื่น แต่โจทก์ได้ไปพบพนักงานเจ้าหน้าที่เพื่อนำสำรวจรังวัดออกโฉนดที่ดินเมื่อมีการเดินสำรวจแล้ว แต่เจ้าหน้าที่ให้รออยู่ก่อน ครั้นเมื่อไปพบตามกำหนดก็ได้รับแจ้งว่าหมดโครงการเดินสำรวจแล้ว แสดงว่าเหตุขัดข้องซึ่งทำให้ไม่มีการสำรวจรังวัดที่ดินพิพาทตามวันเวลาที่พนักงานเจ้าหน้าที่ปิดประกาศมิใช่เป็นความผิดของโจทก์ ทั้งโจทก์ได้นำเจ้าพนักงานที่ดินไปทำการรังวัดที่ดินเพื่อออกโฉนดแล้ว ถือได้ว่า โจทก์ยังประสงค์จะได้สิทธิในที่ดินพิพาทและเป็นผู้ปฏิบัติตามมาตรา 27 ตรี แห่ง ป.ที่ดิน ซึ่งยังไม่พ้นระยะเวลาตามที่กฎหมายกำหนด ดังนั้น การขอออกโฉนดที่ดินของโจทก์จึงเป็นกรณีผู้ตกค้างการแจ้งการครอบครองสามารถขอออกโฉนดเป็นการเฉพาะรายได้ตาม ป.ที่ดิน มาตรา 59 ทวิ วรรคหนึ่ง
พ.ร.บ.การปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2518 ไม่ได้ยกเลิกสิทธิในที่ดินตามประมวลกฎหมายที่ดิน แต่อย่างใด เมื่อปรากฏว่าโจทก์ดำเนินการขอออกโฉนดที่ดินตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กฎหมายกำหนดโดยจำเลยที่ 2 ได้มีหนังสือแจ้งต่อผู้ว่าราชการจังหวัดว่าที่ดินพิพาทอยู่ในหลักเกณฑ์ที่จะออกโฉนดที่ดินได้ เห็นควรออกโฉนดที่ดินให้แก่โจทก์ได้ โดยพนักงานเจ้าหน้าที่ได้ทำการรังวัดตรวจสอบรายละเอียดและดำเนินการตามระเบียบของคณะกรรมการจัดที่ดินแห่งชาติแล้ว จึงไม่มีเหตุที่จำเลยทั้งสองจะปฏิเสธไม่ยอมออกโฉนดในที่ดินพิพาทเพียงเพื่อให้โจทก์ไปดำเนินการขอเอกสารสิทธิในที่ดินพิพาทตาม พ.ร.บ. การปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2518 อีก เพราะโจทก์มีสิทธิดำเนินการตามประมวลกฎหมายที่ดินได้อยู่แล้ว
พ.ร.บ.การปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2518 ไม่ได้ยกเลิกสิทธิในที่ดินตามประมวลกฎหมายที่ดิน แต่อย่างใด เมื่อปรากฏว่าโจทก์ดำเนินการขอออกโฉนดที่ดินตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กฎหมายกำหนดโดยจำเลยที่ 2 ได้มีหนังสือแจ้งต่อผู้ว่าราชการจังหวัดว่าที่ดินพิพาทอยู่ในหลักเกณฑ์ที่จะออกโฉนดที่ดินได้ เห็นควรออกโฉนดที่ดินให้แก่โจทก์ได้ โดยพนักงานเจ้าหน้าที่ได้ทำการรังวัดตรวจสอบรายละเอียดและดำเนินการตามระเบียบของคณะกรรมการจัดที่ดินแห่งชาติแล้ว จึงไม่มีเหตุที่จำเลยทั้งสองจะปฏิเสธไม่ยอมออกโฉนดในที่ดินพิพาทเพียงเพื่อให้โจทก์ไปดำเนินการขอเอกสารสิทธิในที่ดินพิพาทตาม พ.ร.บ. การปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2518 อีก เพราะโจทก์มีสิทธิดำเนินการตามประมวลกฎหมายที่ดินได้อยู่แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3047/2540 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิครอบครองที่ดินทำประโยชน์เดิมที่ไม่ได้แจ้งการครอบครอง แม้ต่อมาที่ดินนั้นถูกอ้างว่าเป็นเขตอุทยานฯ หากพิสูจน์ได้ว่าที่ดินนั้นอยู่นอกเขตอุทยานฯ โจทก์มีสิทธิขอหนังสือรับรองการทำประโยชน์ได้
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยเป็นนายอำเภอผู้มีอำนาจออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ จึงเป็นการฟ้องจำเลยในฐานะนายอำเภอผู้มีอำนาจออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์มิใช่ฟ้องจำเลยในฐานะส่วนตัว และการที่โจทก์อ้างว่าจำเลยไม่ยอมออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ให้โจทก์ย่อมเป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55 แล้ว โจทก์จึงฟ้องจำเลยซึ่งโต้แย้งสิทธิของโจทก์ได้ โจทก์มีอำนาจฟ้องคดีนี้ ที่พิพาทมิได้อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติ ในที่พิพาทมีผู้ครอบครองมาตั้งแต่ก่อนใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน แต่มีได้แจ้งการครอบครอง รวมทั้งผู้ครอบครองต่อเนื่องจากบุคคลดังกล่าวจนถึงโจทก์โดยที่รัฐยังมิได้เข้าไปจัดที่ดิน ย่อมยังมีสิทธิครอบครองอยู่ โจทก์มีสิทธิขอให้ทางราชการออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ได้ จำเลยเป็นนายอำเภอผู้มีอำนาจออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์โต้แย้งว่าที่พิพาทอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติให้งดการออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ให้โจทก์ เป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ เมื่อปรากฎว่าที่พิพาทมิได้อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติจำเลยจึงชอบที่จะดำเนินการออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ให้แก่โจทก์ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 280/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิครอบครองที่ดิน กรณีไม่แจ้งการครอบครองตามกฎหมาย และการโต้แย้งสิทธิในที่ดินสาธารณสมบัติ
ที่ดินของโจทก์ทั้งห้าเป็นที่ดินมือเปล่า ซึ่งได้ครอบครองทำประโยชน์ต่อเนื่องจากผู้ครอบครองเดิมตลอดมาก่อน ประมวลกฎหมายที่ดินฯใช้บังคับ แต่โจทก์ทั้งห้ามิได้แจ้งการครอบครองไว้ แม้ภายหลังจะมีประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 96 ออกมายกเลิกความใน มาตรา 5 วรรคสองแห่ง พระราชบัญญัติ ให้ใช้ ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. 2497 แต่ก็ไม่มีผลบังคับย้อนหลัง โจทก์ทั้งห้าจึงไม่มีสิทธิครอบครองขึ้นมาใหม่เว้นแต่จะเข้าหลักเกณฑ์ตาม มาตรา 58 ทวิ,59 ทวิ แห่งประมวลกฎหมายที่ดินฯ และระเบียบของคณะกรรมการจัดสรรที่ดินแห่งชาติฉบับที่ 2(พ.ศ. 2515) หมวด 2 ข้อ 4 ซึ่งเป็นกรณีมีเหตุสมควรและไม่มีเจตนาฝ่าฝืน เมื่อโจทก์ทั้งห้าอ้างว่าที่ดินพิพาทเป็นของตนซึ่งได้ครอบครองต่อเนื่องจากผู้ครอบครองเดิมตลอดมา แม้มิได้แจ้งการครอบครองไว้แต่ก็ยังมีสิทธิครอบครองอยู่ตาม ประมวลกฎหมายที่ดินฯ มาตรา 58 ทวิและ 59 ทวิ และได้ยื่นคำร้องต่อจำเลยเพื่อขอให้ออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์และออกโฉนดที่ดินให้แก่โจทก์ทั้งห้า จำเลยทั้งสามโต้แย้งว่าที่ดินโจทก์ทั้งห้าครอบครองเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินและไม่ยอมออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์และโฉนดที่ดินให้แก่โจทก์ทั้งห้าย่อมเป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ทั้งห้าแล้วโจทก์ทั้งห้าจึงมีอำนาจฟ้องจำเลยทั้งสาม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4524/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ที่ดินพิพาทเป็นที่หลวง ครอบครอง ส.ค.1 ไม่อาจอ้างสิทธิได้
ประกาศพระบรมราชโองการตามเอกสารหมาย ล.1 ที่มีข้อความว่า"ประกาศขนานนามเปลี่ยนนามตำบลบางกรา แขวงจังหวัดเพชรบุรี มีพระบรมราชโองการดำรัสเหนือเกล้าฯ สั่งว่าในที่หลวงซึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดสร้างขึ้นใหม่ ตำบลบางกรา แขวงจังหวัดเพชรบุรีนั้น ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ขนานนามพระราชทานว่ามฤคทายวัน"มีความหมายสองนัย คือ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ขนานนามบางกราเปลี่ยนเป็นมฤคทายวัน และโปรดเกล้าฯ ให้จัดสร้างที่หลวงขึ้นใหม่ ส่วนประกาศพระบรมราชโองการตามเอกสารหมาย ล.2 ที่มีข้อความว่า "ประกาศ เขตราชนิเวศน์มฤคทายวัน และห้ามไม่ให้ทำอันตรายแก่สัตว์ มีพระบรมราชโองการ ดำรัสเหนือเกล้าฯ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้ประกาศให้ทราบทั่วกันว่า ที่ตำบลมฤคทายวันซึ่งโปรดเกล้าฯให้สร้างราชนิเวศน์เป็นที่ประทับขึ้นแล้วนั้น มีเขตด้านตะวันออกชายฝั่งทะเลตั้งแต่วัดบางควายจดบ้านบ่อเคี่ยะยาว 125 เส้นด้านเหนือจากฝั่งทะเลยื่นขึ้นไปถึงเขาเสวยกะปิยาว 190 เส้นด้านใต้ยื่นจากชายทะเลขึ้นไปถึงเขาสามพระยายาว 175 เส้น ด้านตะวันตกตั้งแต่เขาเสวยกะปิถึงเขาสามพระยายาว 125 เส้น ภายในเขตที่เป็นราชนิเวศน์นี้พระราชทานอภัยทานแก่สัตว์ที่ชนมักใช้เป็นภักษาหารทั้งจัตตุบททวิบาทที่เข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภารอยู่ จึงประกาศห้ามมิให้ผู้หนึ่งผู้ใดที่มีน้ำจิตร์เป็นสัมมาทิษฐิกระทำร้ายแก่สัตว์นั้น ๆ ด้วยประการใด ๆ ในเขตที่กำหนดมาแล้ว"นั้น เป็นประกาศพระบรมราชโองการที่มีพระราชประสงค์สืบเนื่องจากประกาศพระบรมราชโองการตามเอกสารหมาย ล.1 ซึ่งโปรดเกล้าฯ เพียงให้สร้างที่หลวงขึ้นใหม่โดยยังมิได้กำหนดอาณาเขต จึงได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ตามเอกสารหมาย ล.2 กำหนดเขตที่หลวงที่ได้จัดสร้างขึ้นใหม่ให้แน่ชัด และได้โปรดเกล้าฯ ให้เป็นเขตอภัยทานแก่สัตว์ด้วย สถานที่ที่ได้กำหนดตามประกาศพระราชโองการตามเอกสารหมาย ล.1และ ล.2 จึงเป็นสถานที่เดียวกัน ดังนั้น ที่ดินพิพาทจึงเป็นที่หลวง หาใช่เป็นที่ดินที่ทรงโปรดเกล้าฯ ให้เป็นเขตอภัยทานแก่สัตว์แต่อย่างเดียวไม่ แม้โจทก์จะได้แจ้งการครอบครองที่ดินพิพาทแล้วก็ตาม แต่เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าที่ดินพิพาทเป็นที่หลวงซึ่งเป็นทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ เช่นนี้ โจทก์จึงไม่อาจอ้างสิทธิครอบครองดังกล่าวขึ้นเป็นข้อต่อสู้จำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5957/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องแย่งการครอบครองที่ดิน: การแจ้งการครอบครองเป็นจุดเริ่มต้นนับอายุความ
มารดาโจทก์จำเลยถึงแก่ความตายเมื่อปี พ.ศ. 2520 หลังจากมารดาถึงแก่ความตายไปได้ประมาณ 5 เดือน โจทก์ได้บอกจำเลยว่ามารดาทำพินัยกรรมยกที่พิพาทตาม ส.ค.1 เลขที่ 27 ให้โจทก์ ให้จำเลยรื้อถอนบ้านออกไป จำเลยโต้แย้งว่ามารดายกที่ดินให้จำเลยแล้วจำเลยไม่ยอมมอบที่ดินให้โจทก์ ถือว่าจำเลยแย่งการครอบครองที่พิพาทจากโจทก์นับแต่วันนั้น โจทก์เพิ่งฟ้องคดีเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน2527 เป็นเวลาเกิน 1 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1375 วรรคสอง โจทก์จึงหมดสิทธิที่จะเรียกเอาคืนการครอบครอง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 977/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนการครอบครองที่ดินแจ้งการครอบครองที่ยังไม่ได้รับคำรับรองจากนายอำเภอ ศาลสั่งให้ส่งมอบการครอบครองแทนการโอน
ที่ดินที่เพียงแต่แจ้งการครอบครองไว้ ยังไม่ได้รับคำรับรองจากนายอำเภอว่าได้ทำประโยชน์แล้ว ศาลจะพิพากษาให้จำเลยโอนให้โจทก์ไม่ได้ เพราะไม่ชอบด้วยพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ.2497 มาตรา 9
การโอนไปซึ่งการครอบครองย่อมทำได้โดยส่งมอบการครอบครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1378 ซึ่งศาลอาจพิพากษาให้จำเลยส่งมอบการครอบครองที่ดินให้โจทก์ได้ หากผู้รับโอนยึดถือทรัพย์สินอยู่แล้ว การโอนไปซึ่งการครอบครองจะทำเพียงการแสดงเจตนาก็ได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1379
การโอนไปซึ่งการครอบครองย่อมทำได้โดยส่งมอบการครอบครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1378 ซึ่งศาลอาจพิพากษาให้จำเลยส่งมอบการครอบครองที่ดินให้โจทก์ได้ หากผู้รับโอนยึดถือทรัพย์สินอยู่แล้ว การโอนไปซึ่งการครอบครองจะทำเพียงการแสดงเจตนาก็ได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1379
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1301/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิครอบครองที่ดินก่อนมีประมวลกฎหมายที่ดิน แม้ไม่แจ้ง ก็ยังมีสิทธิ ยันรัฐได้
ผู้ที่ครอบครองที่ดินมาก่อนใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน แม้จะมิได้แจ้งการครอบครองไว้ ก็หาทำให้เสียสิทธิครอบครองไปไม่ เป็นแต่เพียงจะยกขึ้นยันรัฐในการที่รัฐจะจัดที่ดินตามประมวลกฎหมายที่ดิน หรือยันบุคคลผู้ได้สิทธิมาจากรัฐในการจัดที่ดินไม่ได้เท่านั้น ตราบใดที่รัฐยังมิได้เข้าจัดที่ดินนั้น ผู้นั้นยังมีสิทธิครอบครองอยู่
ตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 58ทวิ และมาตรา 59ทวิ ที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 96 ผู้ครอบครองที่ดินมาก่อนใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน แต่มิได้แจ้งการครอบครองไว้ รวมทั้งผู้ครอบครองต่อเนื่องจากบุคคลดังกล่าว มีสิทธิขอให้ทางราชการออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ได้ เมื่อมีการเดินสำรวจรังวัดในท้องที่นั้นหรือเมื่อมีความจำเป็นอาจขอออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์เป็นการเฉพาะรายก็ได้
โจทก์ฟ้องว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ได้ครอบครองตลอดมา แต่มิได้แจ้งการครอบครองไว้ โจทก์ได้ยื่นคำร้องขอผ่อนผันการแจ้งการครอบครองต่อจำเลยที่ 1 เพื่อให้จำเลยที่ 2 อนุญาต และให้จำเลยที่ 2 ออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ให้แก่โจทก์ จำเลยทั้งสองโต้แย้งว่าที่ดินที่โจทก์ครอบครองเป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดิน ไม่ยอมออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ให้ เป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องจำเลยทั้งสองได้
ตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 58ทวิ และมาตรา 59ทวิ ที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 96 ผู้ครอบครองที่ดินมาก่อนใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน แต่มิได้แจ้งการครอบครองไว้ รวมทั้งผู้ครอบครองต่อเนื่องจากบุคคลดังกล่าว มีสิทธิขอให้ทางราชการออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ได้ เมื่อมีการเดินสำรวจรังวัดในท้องที่นั้นหรือเมื่อมีความจำเป็นอาจขอออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์เป็นการเฉพาะรายก็ได้
โจทก์ฟ้องว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ได้ครอบครองตลอดมา แต่มิได้แจ้งการครอบครองไว้ โจทก์ได้ยื่นคำร้องขอผ่อนผันการแจ้งการครอบครองต่อจำเลยที่ 1 เพื่อให้จำเลยที่ 2 อนุญาต และให้จำเลยที่ 2 ออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ให้แก่โจทก์ จำเลยทั้งสองโต้แย้งว่าที่ดินที่โจทก์ครอบครองเป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดิน ไม่ยอมออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ให้ เป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องจำเลยทั้งสองได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1054/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองที่ดินหลังสัญญาเช่าสิ้นสุด การแจ้งการครอบครองและการยื่นคำขอทำประโยชน์ ไม่ถือเป็นการบอกกล่าวเจตนาที่จะยึดถือแทนเจ้าของ
จำเลยทั้งสองทำสัญญาเช่าที่พิพาทบางส่วนของโจทก์ได้ 1 เดือน 4 วัน แล้วจำเลยที่ 1 ไปแจ้งการครอบครองว่าที่พิพาทเป็นของตน ต่อมาอีก 1 เดือน 8 วัน จำเลยที่ 1 ยื่นคำของรับรองการทำประโยชน์ที่พิพาท การยื่นคำขอต่อนายอำเภอเพียงเท่านี้แม้โจทก์ทราบและคัดค้าน ก็ถือไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1 ได้บอกกล่าวไปยังโจทก์แล้วว่าจำเลยที่ 1 ไม่เจตนาจะยึดถือที่พิพาทแทนโจทก์ในฐานะผู้เช่าต่อไป จำเลยหาได้เปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือเพื่อตนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1381 ไม่
เมื่อโจทก์คัดค้านว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์แล้ว จำเลยที่ 1 มิได้โต้แย้งคำคัดค้านของโจทก์หรือได้กระทำอย่างใดในทางที่เป็นปรปักษ์ต่อโจทก์ แม้จำเลยทั้งสองจะยังคงครอบครองที่พิพาทเรื่อยมาก็ถือว่า จำเลยได้ครอบครองแทนโจทก์ตามสัญญาเช่า ซึ่งยังไม่สิ้นอายุการเช่านั้นเอง ไม่ถือว่าโจทก์ถูกแย่งการครอบครองอันจะต้องฟ้องเพื่อเอาคืนภายใน 1 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1375
เมื่อโจทก์คัดค้านว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์แล้ว จำเลยที่ 1 มิได้โต้แย้งคำคัดค้านของโจทก์หรือได้กระทำอย่างใดในทางที่เป็นปรปักษ์ต่อโจทก์ แม้จำเลยทั้งสองจะยังคงครอบครองที่พิพาทเรื่อยมาก็ถือว่า จำเลยได้ครอบครองแทนโจทก์ตามสัญญาเช่า ซึ่งยังไม่สิ้นอายุการเช่านั้นเอง ไม่ถือว่าโจทก์ถูกแย่งการครอบครองอันจะต้องฟ้องเพื่อเอาคืนภายใน 1 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1375
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1831-1838/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิครอบครองที่ดิน: การแจ้งการครอบครองไม่ใช่เงื่อนไขการสูญเสียสิทธิเดิม
พระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. 2497 มาตรา 5 บัญญัติให้ผู้ครอบครองและทำประโยชน์ในที่ดินแจ้งการครอบครองไว้เพื่อที่รัฐจะทราบว่าผู้ใดมีสิทธิครอบครองในที่นั้น ๆ ไม่ใช่ว่าถ้าไม่แจ้งการครอบครองแล้ว ผู้ครอบครองที่ดินจะเสียไปซึ่งสิทธิการครอบครองที่มีอยู่ก่อนนั้นไม่