พบผลลัพธ์ทั้งหมด 3 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2166/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การนับโทษต่อคดีอื่น: ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษคดีต่างๆ ติดต่อกัน ถือเป็นการแจ้งชัดแล้ว แม้มีการระบุหมายเลขคดีผิดพลาด
โจทก์ฟ้องจำเลยและขอให้นับโทษต่อจากคดีดำคดีอื่น ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยในคดีนี้และในคดีดำคดีอื่นในวันเดียวกัน ถือได้ว่าความปรากฏต่อศาลและคู่ความชัดแจ้งแล้วว่าคดีดำคดีอื่นนั้นศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยแล้วโดยไม่จำต้องให้โจทก์แถลงต่อศาลซ้ำอีก ศาลย่อมพิพากษาให้นับโทษต่อกันได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1266/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำพิพากษาศาลฎีกาแจ้งชัดแล้ว ไม่ต้องอธิบายเพิ่มเติม การบังคับคดีต้องดำเนินการในคดีเดิม
โจทก์ยื่นคำร้องขอให้ศาลฎีกาอธิบายคำพิพากษาศาลฎีกาว่า จะใช้คำพิพากษาศาลใดบังคับ ศาลชั้นต้นควรส่งคำร้องให้ศาลฎีกาสั่งโดยตรง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่พิพากษายืนตามศาลล่างว่าทรัพย์พิพาทตามฟ้องไม่ใช่ของโจทก์ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง พิพากษายกฟ้องนั้น มีข้อความแจ้งชัด ไม่จำต้องมีคำอธิบายเพิ่มเติม ทั้งกรณีมิใช่คำพิพากษามีข้อผิดพลาด หรือข้อผิดหลงเล็กน้อย หรือจะต้องมีการบังคับคดีเกี่ยวกับทรัพย์พิพาทอย่างใดอีก
ตามคำร้องของโจทก์เป็นเรื่องโจทก์ถูกโต้แย้งสิทธิตามคำพิพากษาในคดีแพ่งของศาลชั้นต้น หมายเลขแดงที่ 24/2512โจทก์ชอบที่จะไปดำเนินการบังคับคดีในคดีดังกล่าว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่พิพากษายืนตามศาลล่างว่าทรัพย์พิพาทตามฟ้องไม่ใช่ของโจทก์ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง พิพากษายกฟ้องนั้น มีข้อความแจ้งชัด ไม่จำต้องมีคำอธิบายเพิ่มเติม ทั้งกรณีมิใช่คำพิพากษามีข้อผิดพลาด หรือข้อผิดหลงเล็กน้อย หรือจะต้องมีการบังคับคดีเกี่ยวกับทรัพย์พิพาทอย่างใดอีก
ตามคำร้องของโจทก์เป็นเรื่องโจทก์ถูกโต้แย้งสิทธิตามคำพิพากษาในคดีแพ่งของศาลชั้นต้น หมายเลขแดงที่ 24/2512โจทก์ชอบที่จะไปดำเนินการบังคับคดีในคดีดังกล่าว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4807/2558
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำฟ้องขาดสาระสำคัญประเด็นความรับผิดร่วม ละเมิด ไม่แจ้งชัด ทำให้จำเลยไม่ต้องรับผิด
ตามคำฟ้องเป็นการฟ้องคดีในมูลละเมิด แม้จำเลยที่ 2 ให้การว่าจำเลยที่ 2 ว่าจ้างให้จำเลยที่ 3 รับขนส่งช่วง จำเลยที่ 3 นำเรือไปบรรทุกโดยให้จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 3 เป็นผู้ควบคุมเรือ ส่วนจำเลยที่ 3 ให้การว่าจำเลยที่ 2 เช่าเรือไปจากจำเลยที่ 3 แต่คำให้การของจำเลยที่ 2 และที่ 3 ไม่ใช่ส่วนหนึ่งของคำฟ้อง เมื่อโจทก์มิได้บรรยายฟ้องว่าจำเลยที่ 1 เป็นลูกจ้างหรือตัวแทนของจำเลยที่ 2 และจำเลยที่ 1 กระทำละเมิดในทางการที่จ้างหรือเป็นตัวแทนของจำเลยที่ 2 คำฟ้องโจทก์จึงขาดสาระสำคัญอันเป็นประเด็นแห่งคดีที่จะให้จำเลยที่ 2 ต้องรับผิดร่วมกับจำเลยที่ 1 ต่อโจทก์ตาม ป.พ.พ. มาตรา 425 และมาตรา 427 คำฟ้องโจทก์จึงไม่แจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหา ไม่ชอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 172 วรรคสอง แม้ในทางนำสืบของโจทก์ทั้งสองกับจำเลยที่ 2 และที่ 3 จะรับฟังได้ว่าจำเลยที่ 1 เป็นลูกจ้างหรือตัวแทนของจำเลยที่ 2 ก็ไม่ทำให้คำฟ้องของโจทก์ทั้งสองที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายมาแต่แรกกลับเป็นคำฟ้องที่ชอบด้วยกฎหมายขึ้นมาได้ และศาลจะพิพากษาคดีให้โจทก์ชนะคดีจำเลยที่ 2 โดยไม่อาศัยคำฟ้องไม่ได้