พบผลลัพธ์ทั้งหมด 5 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2741/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยึดครองที่ดินของรัฐ: ความผิดเกิดขึ้นทันทีหลังการกระทำ ไม่ต้องรอการแจ้งเตือน
ฎีกาของจำเลยทั้งสามมีใจความกล่าวถึงคำฟ้องคำให้การและศาลล่างทั้งสองพิพากษาว่าอย่างไร หาได้มีข้อความคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ไม่ จึงเป็นฎีกาที่ไม่ชอบ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
กรณีที่พนักงานเจ้าหน้าที่ต้องแจ้งเป็นหนังสือให้จำเลยทั้งสามที่เข้าไปยึดถือ ครอบครองที่ดินของรัฐให้ปฏิบัติตามระเบียบที่คณะกรรมการกำหนดถ้าจำเลยทั้งสามเพิกเฉยหรือไม่ปฏิบัติให้ถูกต้องตามระเบียบ พนักงานเจ้าหน้าที่ต้องมีคำสั่งเป็นหนังสือให้จำเลยทั้งสามออกจากที่ดินนั้นภายในระยะเวลาที่กำหนดก็ต่อเมื่อเป็นการเข้าไปยึดถือ ครอบครองที่ดินของรัฐก่อนวันที่ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 96 ใช้บังคับ ตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 9 (1)ประกอบมาตรา 108 วรรคแรก แต่การครอบครองที่ดินของรัฐของจำเลยทั้งสามเกิดขึ้นหลังจากวันที่ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 96 ใช้บังคับ การกระทำของจำเลยทั้งสามย่อมเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 9 (1), 108 ทวิในทันทีที่เข้าไปยึดถือ ครอบครองที่ดินของรัฐ หาจำต้องให้พนักงานเจ้าหน้าที่กระทำการต่าง ๆ ดังกล่าวเสียก่อนไม่
ความผิดฐานเข้าไปยึดถือ ครอบครองที่ดินของรัฐเกิดขึ้นตั้งแต่ขณะจำเลยทั้งสามเข้าไปยึดถือครอบครองและจะคงเป็นความผิดเช่นนั้นตลอดไปจนกว่าจำเลยทั้งสามจะออกไป เมื่อข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในการพิจารณาฟังได้ว่า ตามวันเวลาเกิดเหตุในฟ้อง จำเลยทั้งสามยึดถือ ครอบครองที่ดินเกิดเหตุย่อมเป็นข้อเท็จจริงที่ตรงกับในฟ้อง แม้ศาลอุทธรณ์จะฟังข้อเท็จจริงด้วยว่า ก่อนหน้าวันเกิดเหตุตามฟ้องจำเลยทั้งสามได้เข้าไปยึดถือ ครอบครองที่ดินเกิดเหตุต่อเนื่องกันมาจนถึงวันเวลาเกิดเหตุตามฟ้อง ก็เป็นการฟังข้อเท็จจริงประกอบกันว่าจำเลยทั้งสามกระทำผิดตามวันเวลาที่โจทก์ฟ้องจริง หาใช่เป็นการฟังข้อเท็จจริงแตกต่างกับในฟ้องไม่
กรณีที่พนักงานเจ้าหน้าที่ต้องแจ้งเป็นหนังสือให้จำเลยทั้งสามที่เข้าไปยึดถือ ครอบครองที่ดินของรัฐให้ปฏิบัติตามระเบียบที่คณะกรรมการกำหนดถ้าจำเลยทั้งสามเพิกเฉยหรือไม่ปฏิบัติให้ถูกต้องตามระเบียบ พนักงานเจ้าหน้าที่ต้องมีคำสั่งเป็นหนังสือให้จำเลยทั้งสามออกจากที่ดินนั้นภายในระยะเวลาที่กำหนดก็ต่อเมื่อเป็นการเข้าไปยึดถือ ครอบครองที่ดินของรัฐก่อนวันที่ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 96 ใช้บังคับ ตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 9 (1)ประกอบมาตรา 108 วรรคแรก แต่การครอบครองที่ดินของรัฐของจำเลยทั้งสามเกิดขึ้นหลังจากวันที่ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 96 ใช้บังคับ การกระทำของจำเลยทั้งสามย่อมเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 9 (1), 108 ทวิในทันทีที่เข้าไปยึดถือ ครอบครองที่ดินของรัฐ หาจำต้องให้พนักงานเจ้าหน้าที่กระทำการต่าง ๆ ดังกล่าวเสียก่อนไม่
ความผิดฐานเข้าไปยึดถือ ครอบครองที่ดินของรัฐเกิดขึ้นตั้งแต่ขณะจำเลยทั้งสามเข้าไปยึดถือครอบครองและจะคงเป็นความผิดเช่นนั้นตลอดไปจนกว่าจำเลยทั้งสามจะออกไป เมื่อข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในการพิจารณาฟังได้ว่า ตามวันเวลาเกิดเหตุในฟ้อง จำเลยทั้งสามยึดถือ ครอบครองที่ดินเกิดเหตุย่อมเป็นข้อเท็จจริงที่ตรงกับในฟ้อง แม้ศาลอุทธรณ์จะฟังข้อเท็จจริงด้วยว่า ก่อนหน้าวันเกิดเหตุตามฟ้องจำเลยทั้งสามได้เข้าไปยึดถือ ครอบครองที่ดินเกิดเหตุต่อเนื่องกันมาจนถึงวันเวลาเกิดเหตุตามฟ้อง ก็เป็นการฟังข้อเท็จจริงประกอบกันว่าจำเลยทั้งสามกระทำผิดตามวันเวลาที่โจทก์ฟ้องจริง หาใช่เป็นการฟังข้อเท็จจริงแตกต่างกับในฟ้องไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1525/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การผิดสัญญาซื้อขาย, การแจ้งเตือน, การลดเบี้ยปรับ และการชดใช้ค่าเสียหาย
การที่จำเลยไม่ส่งมอบสิ่งของให้โจทก์ตรงตามกำหนดสัญญาโจทก์มิได้บอกเลิกสัญญาทันที แต่ได้มีหนังสือแจ้งเตือนให้จำเลยส่งมอบสิ่งของตามสัญญาและสงวนสิทธิจะเรียกร้องค่าปรับตามสัญญาการที่โจทก์มีหนังสือแจ้งเตือนให้จำเลยปฏิบัติตามสัญญาดังกล่าวมิใช่เป็นเรื่องที่โจทก์ยินยอมให้จำเลยขยายกำหนดเวลาส่งมอบออกไปอันเป็นการยกเลิกกำหนดเวลาส่งมอบตามสัญญาเดิม แต่เป็นกรณีที่โจทก์ให้จำเลยปฏิบัติการชำระหนี้ตามสัญญาให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว และบอกสงวนสิทธิเรียกร้องเบี้ยปรับเอาไว้ในการที่จำเลยไม่ชำระหนี้ตรงตามเวลาที่กำหนด เมื่อจำเลยมิได้ส่งมอบสิ่งของให้โจทก์ภายในเวลาที่กำหนดไว้ในสัญญาจำเลยจึงเป็นฝ่ายผิดสัญญา และเมื่อโจทก์มีหนังสือเตือนดังกล่าวแล้ว จำเลยมีหนังสือถึงโจทก์ยินยอมให้โจทก์ปรับเงินตามสัญญา ทั้งแจ้งเหตุขัดข้องในการส่งมอบสิ่งของจึงเป็นกรณีที่โจทก์ไม่ใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาตามข้อ 8 โดยให้โอกาสจำเลยปฏิบัติการชำระหนี้ และจำเลยยังต้องการปฏิบัติตามสัญญาโดยยินยอมให้โจทก์ปรับ แต่เมื่อจำเลยไม่สามารถส่งสิ่งของตามสัญญาให้แก่โจทก์ได้อีก และขอบอกเลิกสัญญาโจทก์จึงมีสิทธิเรียกเอาเบี้ยปรับจากจำเลยเป็นรายวันในอัตราร้อยละ 0.2 ของราคาสิ่งของที่ยังไม่ได้รับมอบนับถัดจากวันครบกำหนดตามสัญญาจนถึงวันบอกเลิกสัญญา ข้อ 9 วรรคแรก โจทก์ได้ซื้อจอกทองเหลือง จำนวน 70,000 อัน ในราคา 910,000 บาทจากคณะกรรมการอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ เป็นการซื้อในราคาที่สูงกว่าที่จำเลยตกลงขายแก่โจทก์เป็นเงิน 252,000 บาท ซึ่งเงินจำนวนนี้โจทก์จะต้องนำไปหักกับหลักประกันจำนวน 65,800 บาท ที่จำเลยนำธนาคารทหารไทย จำกัด มาค้ำประกันไว้ และโจทก์ได้ริบไปแล้วเพราะถือเป็นค่าเสียหายส่วนหนึ่ง จำเลยจึงต้องรับผิดชำระค่าเสียหายที่โจทก์ต้องซื้อสิ่งของแพงขึ้นเป็นเงินเพียง 186,200 บาท การที่ศาลล่างทั้งสองลดเบี้ยปรับรายวันให้จำเลยกึ่งหนึ่งคงเหลือเงินเบี้ยปรับจำนวน 120,414 บาท ที่จำเลยต้องชำระแก่โจทก์โดยเห็นว่าโจทก์มิได้รับความเสียหายเป็นพิเศษอย่างอื่น เพียงแต่ต้องซื้อสิ่งของแพงขึ้น และจำเลยก็รับผิดไปแล้วเป็นจำนวนเงินพอสมควร จึงเป็นการพิเคราะห์ถึงทางได้เสียของโจทก์ทุกอย่างโดยชอบด้วยกฎหมายในเชิงทรัพย์สินเมื่อได้ใช้เบี้ยปรับแล้ว ดังนั้นที่ศาลล่างทั้งสองลดเบี้ยปรับให้จำเลยจึงนับว่าเป็นการใช้ดุลพินิจที่เหมาะสมแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3414/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจพนักงานสอบสวนในการกำหนดเงินประกันและผลกระทบจากความบกพร่องในการแจ้งเตือนผู้ประกัน
การที่พนักงานสอบสวนสั่งปล่อยผู้ต้องหาชั่วคราวโดยกำหนดจำนวนเงินให้นายประกันต้องรับผิดชดใช้เมื่อมีการผิดสัญญาประกันเกินจำนวนเงินตามเช็ค อันเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ.2497 มาตรา 5 (2) นั้น เป็นแต่การกระทำที่เกินอำนาจพนักงานสอบสวนใช้บังคับนายประกันได้เพียงเท่าที่กฎหมายให้อำนาจไว้คือตามจำนวนเงินในเช็ค
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2448/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแจ้งเตือนการพนันเพื่อหลบหนี: ความผิดตามมาตรา 189 ป.อาญา
เจ้าพนักงานตำรวจได้เข้าทำการจับกุมพวกลักลอบเล่นการพนันไฮโลว์โดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นการปฏิบัติการตามหน้าที่โดยชอบด้วยกฎหมาย จำเลยร้องบอกพวกที่เล่นการพนันดังกล่าวว่า "ตำรวจมา ตำรวจมา" พวกที่เล่นการพนันบางคนหลบหนีการจับกุมของเจ้าพนักงานไปได้ พฤติการณ์ของจำเลยที่ร้องบอกพวกที่เล่นการพนันดังกล่าวก็ด้วยมีเจตนาที่จะให้ผู้เล่นการพนันรู้ตัวเพื่อจะหลบหนีไป การกระทำของจำเลยจึงเข้าลักษณะของการช่วยด้วยประการใดๆ แก่ผู้กระทำความผิดเพื่อไม่ให้ถูกจับกุมดังบัญญัติไว้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 189
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8561/2552
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีภาษี: การแจ้งเตือนให้ชำระภาษีตามคำพิพากษาศาลฎีกา ไม่ถือเป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์
จำเลยมีหนังสือเตือนให้โจทก์นำเงินภาษีอากรค้างไปชำระเนื่องจากศาลฎีกามีคำพิพากษาถึงที่สุดมิให้ถือจำนวนเงินตามเช็คชำระราคาที่ดินที่เรียกเก็บไม่ได้ 2,254,000 บาท เป็นเงินได้พึงประเมินของโจทก์ในปีภาษี 2534 จำเลยจึงคิดคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาใหม่โดยหักเงินดังกล่าวออก จึงเป็นการแจ้งเตือนให้โจทก์ปฏิบัติตามคำพิพากษาซึ่งถึงที่สุดแล้วเท่านั้น แม้หนังสือแจ้งเตือนจะระบุการคำนวณภาษีการค้าใหม่มาด้วยก็เป็นผลต่อเนื่องจากการที่ศาลฎีกาให้ลดเงินได้พึงประเมินจากการขายที่ดินลง จำเลยจึงปรับปรุงลดยอดรายรับที่ต้องเสียภาษีการค้าให้ด้วยนับว่าเป็นประโยชน์แก่โจทก์ให้เสียภาษีอากรน้อยลง ซึ่งโจทก์ก็ไม่ได้โต้แย้งจำนวนภาษีอากรค้างชำระตามที่จำเลยคำนวณใหม่เพียงแต่อ้างว่าจำเลยไม่มีสิทธิเรียกเก็บภาษีอากรค้างชำระเพราะขาดอายุความ จำเลยหาได้กระทำการใดอันจะถือว่าเป็นการโต้แย้งสิทธิหรือหน้าที่ในทางแพ่งของโจทก์ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 55 ประกอบ พ.ร.บ.จัดตั้งศาลภาษีอากรและวิธีพิจารณาคดีภาษีอากร พ.ศ.2528 มาตรา 17 โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง