พบผลลัพธ์ทั้งหมด 5 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2546/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การตีความสัญญาประนีประนอมยอมความเกี่ยวกับการแบ่งกรรมสิทธิ์รวมและหักทาง โดยการแบ่งแยกที่ดินให้เป็นไปตามแผนที่
ข้อตกลงแบ่งกรรมสิทธิ์รวมและแบ่งหักทางฯจำเลยที่1ถึงที่3มิได้ประสงค์จะให้ที่ดินที่แบ่งแยกเป็นทางนั้นตกเป็นของผู้หนึ่งผู้ใดในระหว่าง เจ้าของรวมด้วยกันจำเลยที่1ทำสัญญาประนีประนอมยอมความยกที่ดินที่มี กรรมสิทธิ์ร่วมกับจำเลยที่2และที่3ให้แก่โจทก์นอกจากจะระบุเนื้อที่ดินที่จะยกให้ว่ามีเนื้อที่385ตารางวาแล้วยังกำหนดด้วยว่ายอมให้ทำถนนผ่านกว้าง3เมตรตามแผนที่ท้ายสัญญายอมที่สัญญายอมระบุว่าจำเลยที่1ยกที่ดินให้โจทก์385ตารางวาจึงเป็นเพียงการกะประมาณเนื้อที่ไว้มิได้รวมถึงที่ดินแปลงที่ระบุว่าหักทางด้วยแต่อย่างใดจำเลยที่1แบ่งแยกที่ดินให้เป็นไปตามแผนที่และจดทะเบียนยกให้เป็นทางสาธารณประโยชน์ จึงไม่เป็นการฝ่าฝืนสัญญาประนีประนอมยอมความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6394/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้ำ: การแบ่งกรรมสิทธิ์รวมที่ดิน ประเด็นเดิมกับคดีก่อน แม้มีการทำบันทึกข้อตกลงใหม่
คดีก่อนมีประเด็นแห่งคดีว่า โจทก์ฟ้องขอแบ่งกรรมสิทธิ์รวมตามที่โจทก์และจำเลยแต่ละคนจะได้รับซึ่งระบุไว้ในฟ้องและแผนที่การครอบครองที่ดิน ส่วนคดีนี้มีประเด็นแห่งคดีว่าโจทก์ฟ้องขอแบ่งกรรมสิทธิ์รวมตามส่วนในบันทึกและแผนที่การรังวัดที่ได้ตกลงกันขึ้นใหม่ ซึ่งบันทึกและแผนที่การรังวัดที่ได้ตกลงกันขึ้นใหม่ก็คือส่วนที่โจทก์และจำเลยแต่ละคนได้รับซึ่งระบุไว้ในฟ้องและแผนที่การครอบครองที่ดินในคดีก่อนที่ศาลได้พิพากษาตามยอมไปแล้วนั่นเอง หาใช่เป็นคนละเหตุไม่ เมื่อคำพิพากษาตามยอมในคดีก่อนระบุไว้ชัดเจนว่าให้แบ่งตามส่วนที่แต่ละคนจะได้รับตามที่ระบุไว้ในฟ้องและแผนที่การครอบครองที่ดินแล้ว คดีนี้จะเบี่ยงเบนเป็นว่าให้แบ่งตามบันทึกข้อตกลงและแผนที่การรังวัดที่ทำขึ้นใหม่โดยที่ฝ่ายจำเลยคดีนี้ไม่ยอมด้วยหาได้ไม่ คดีนี้จึงมีประเด็นที่ได้วินิจฉัยโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกันกับในคดีก่อน จึงเป็นฟ้องซ้ำตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4845/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องแบ่งกรรมสิทธิ์รวม ไม่ใช่การครอบครองปรปักษ์ และข้อจำกัดการฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามทุนทรัพย์
ฟ้องโจทก์เป็นการฟ้องขอแบ่งกรรมสิทธิ์รวมในที่ดินพิพาทจากจำเลย มิใช่ขอแบ่งกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทจากจำเลยโดยการครอบครองปรปักษ์ โจทก์จึงไม่ต้องบรรยายฟ้องว่าโจทก์ได้ทำประโยชน์ในที่ดินพิพาทที่ขอแบ่งกรรมสิทธิ์รวมจากจำเลยตั้งแต่เมื่อใดทั้งปรากฏว่าจำเลยได้ให้การต่อสู้ได้ถูกต้องครบถ้วน มิได้หลงข้อต่อสู้แต่ประการใด ฟ้องโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม คดีนี้ต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 วรรคหนึ่ง การที่จำเลยฎีกาอ้างว่า จำเลยครอบครองที่ดินพิพาทตั้งแต่ที่ซื้อเมื่อปี 2511 และจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ในปี 2526 จึงต้องเริ่มนับอายุความครอบครองปรปักษ์ตั้งแต่ปีที่จำเลยซื้อมา เพราะจำเลยเจตนาครอบครองปรปักษ์นับแต่นั้นเป็นต้นมา และโดยที่ผู้ขายมีเจตนาสละที่ดินส่วนที่ขายให้จำเลย จึงเป็นการกล่าวอ้างที่ต้องใช้ดุลพินิจในการรับฟังพยานโดยอาศัยข้อเท็จจริงเพื่อการวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายมีผลอย่างเดียวกับการฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4092-4093/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
แบ่งกรรมสิทธิ์รวม: ศาลสั่งแบ่งตามการครอบครองและสิทธิ เพื่อหลีกเลี่ยงความเสียหาย
โจทก์และจำเลยเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์รวมกันในที่ดินแปลงหนึ่งต่างฟ้องกันขอแบ่งกรรมสิทธิ์รวมตามทิศทางที่อ้างว่าได้ตกลงแบ่งกรรมสิทธิ์รวมในที่พิพาทเป็นส่วนสัดแล้ว แม้จะได้ความว่าโจทก์จำเลยยังมิได้ตกลงแบ่งกรรมสิทธิ์รวมเป็นส่วนสัดกันอันมิได้เป็นไปตามข้ออ้างในคำฟ้องของแต่ละฝ่ายก็ตาม การที่โจทก์และจำเลยต่างยื่นฟ้องขอแบ่งกรรมสิทธิ์รวมก็เท่ากับมีความประสงค์จะแบ่งที่พิพาทแล้วจึงแบ่งที่พิพาทให้ตามที่แต่ละฝ่ายมีสิทธิ์ได้ โจทก์จำเลยต่างปลูกบ้านเรือนไว้บนที่พิพาท การแบ่งกรรมสิทธิ์รวมศาลย่อมให้แบ่งตามส่วนที่แต่ละฝ่ายและตามทิศทางที่ต่างได้ครอบครอง ทั้งนี้เพื่อมิให้เกิดความเสียหายจากการแบ่งกัน หากไม่ตกลงกัน จึงให้ขายโดยประมูลราคากันเองหรือขายทอดตลาด.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1301/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
แบ่งกรรมสิทธิ์รวม & โรงเรียนบนที่ดิน: สิทธิผู้ปลูกโรงเรียนได้รับการคุ้มครอง ไม่รวมในประมูล/ขายทอดตลาด
เจ้าของกรรมสิทธิ์รวมฟ้องขอแบ่งที่ดินและสิ่งปลูกสร้างจากเจ้าของกรรมสิทธิ์รวมผู้อื่นตามส่วนของตน เมื่อปรากฏว่า เจ้าของกรรมสิทธิ์รวมผู้หนึ่งได้ปลูกโรงเรียนไว้บนที่ดินนั้น ศาลย่อมพิพากษาให้แบ่งที่ดินและสิ่งปลูกสร้างตามส่วนโดยให้เจ้าของกรรมสิทธิ์รวมผู้ปลูกโรงเรียนได้รับแบ่งที่ดินตอนที่ปลูกโรงเรียนได้ หากไม่ตกลงจึงให้ขายโดยประมูลราคาระหว่างเจ้าของกรรมสิทธิ์รวมด้วยกัน หรือขายทอดตลาด
โจทก์และจำเลยซึ่งเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์รวมได้รับส่วนแบ่งไม่เท่ากัน และเป็นเรื่องขอแบ่งกรรมสิทธิ์รวม ค่าฤชาธรรมเนียมจึงควรให้เป็นพับ
โจทก์และจำเลยซึ่งเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์รวมได้รับส่วนแบ่งไม่เท่ากัน และเป็นเรื่องขอแบ่งกรรมสิทธิ์รวม ค่าฤชาธรรมเนียมจึงควรให้เป็นพับ