พบผลลัพธ์ทั้งหมด 3 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2960/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องคดีซ้ำซ้อนหลังเลิกสัญญา และการแบ่งแยกความรับผิดตามสัญญา
โจทก์ผู้รับจ้างฟ้องเรียกเงินตามสัญญาก่อสร้างต่อเติมอาคารจากจำเลยเป็น 2 คดี คดีแรกโจทก์ฟ้องเรียกเงินค่าก่อสร้างงวดที่ 5ตามสัญญาก่อสร้างต่อเติมอาคาร เอกสารหมาย จ.4 และงานงวดที่ 2ตามบันทึกข้อตกลงเพิ่มเติมรายการก่อสร้างเอกสารหมาย จ.5 ซึ่งจำเลยมิได้ชำระให้โจทก์ เป็นการโต้เถียงความรับผิดตามสัญญาและผลงานในงวดดังกล่าวซึ่งเกิดขึ้นในขณะที่ผิดสัญญาในงวดที่ 5 ตามเอกสารหมาย จ.4 และงวดที่ 2 ตามเอกสารหมาย จ.5 แต่คดีนี้โจทก์ได้ฟ้องเรียกเงินค่าก่อสร้างงานงวดที่ 6 ตามเอกสารหมาย จ.4 และงานงวดที่ 3ตามเอกสารหมาย จ.5 กับเงินที่จำเลยหักไว้ร้อยละสิบของเงินค่างวดเป็นการโต้เถียงความรับผิดตามสัญญาและผลงานคนละงวดคนละตอนกันทั้งเงินร้อยละสิบของค่างวดที่จำเลยหักไว้ โจทก์จะได้รับคืนหรือไม่เมื่อได้เลิกทำงานกันไปก่อนที่งานจะเสร็จเรียบร้อย เป็นความรับผิดหลังจากเลิกสัญญาแล้วจึงเป็นการแบ่งแยกความรับผิดเป็นส่วน ๆต่างหากจากกัน เมื่อมีการผิดนัดหรือมีความรับผิดในส่วนใด โจทก์ย่อมฟ้องส่วนที่จำเลยรับผิดได้ทันที และฟ้องในส่วนที่จะต้องรับผิดใหม่ได้อีกต่างหาก การฟ้องของโจทก์ทั้งสองคดีมิใช่เป็นการฟ้องเรื่องเดียวกัน อันจะเป็นการต้องห้ามมิให้ฟ้องคดีนี้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 173(1)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1188/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดร่วมกันในคดีละเมิดและการแบ่งแยกความรับผิดของจำเลยแต่ละคน
จำเลยกล่าวอ้างไว้แจ้งชัดในอุทธรณ์และในศาลชั้นต้นจำเลยก็ให้การว่าไม่ต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ พออนุโลมได้ว่าจำเลยได้ยกความข้อที่ว่าจำเลยไม่ควรร่วมกันแทนกันรับผิดต่อโจทก์ขึ้นอ้างอิงแล้วตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 225 ประกอบกับมาตรา 247
ในคดีที่โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทำละเมิดต่อโจทก์ โดยจำเลยให้การหรือแจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงาน ทำให้โจทก์ต้องออกจากตำแหน่ง แต่ปรากฏว่าจำเลยที่ 1 ให้การต่อคณะกรรมการสอบสวนโจทก์เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2504 ส่วนจำเลยที่ 2 ให้การเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม ปีเดียวกัน จำเลยต่างคนต่างให้การอ้างว่ารู้เห็นในหน้าที่ของตน จึงไม่มีลักษณะเป็นลูกหนี้ร่วมกัน ทั้งตามฟ้องของโจทก์ก็ไม่ได้บรรยายว่าจำเลยเป็นลูกหนี้ร่วมกันจึงไม่ควรที่จะให้จำเลยรับผิดต่อโจทก์ร่วมกันหรือแทนกัน
ในคดีที่โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทำละเมิดต่อโจทก์ โดยจำเลยให้การหรือแจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงาน ทำให้โจทก์ต้องออกจากตำแหน่ง แต่ปรากฏว่าจำเลยที่ 1 ให้การต่อคณะกรรมการสอบสวนโจทก์เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2504 ส่วนจำเลยที่ 2 ให้การเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม ปีเดียวกัน จำเลยต่างคนต่างให้การอ้างว่ารู้เห็นในหน้าที่ของตน จึงไม่มีลักษณะเป็นลูกหนี้ร่วมกัน ทั้งตามฟ้องของโจทก์ก็ไม่ได้บรรยายว่าจำเลยเป็นลูกหนี้ร่วมกันจึงไม่ควรที่จะให้จำเลยรับผิดต่อโจทก์ร่วมกันหรือแทนกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 709/2486
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
แบ่งแยกความรับผิดในสัญญากู้ ไม่ต้องปิดอากรสแตมป์ แม้มีผู้รับผิดเพิ่ม
ทำสัญญาแบ่งแยกความรับผิดตามสัญญากู้เดิม แม้จะมีบุคคลภายนอกเข้ามารับผิดใหม่อีก ก็ไม่ต้องปิดอากรสแตมป์ (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 12/2486)