พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3483/2548
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแบ่งแยกที่ดินมรดก: ศาลฎีกาชี้ขาดเนื้อที่ถูกต้องตามแผนที่ใหม่ แก้คำพิพากษาเดิม
คดีนี้โจทก์ทั้งสี่บรรยายว่า โจทก์ทั้งสี่เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ร่วมกับจำเลยทั้งสอง โจทก์ทั้งสี่ขอแบ่งการครอบครองที่ดินกับจำเลยทั้งสองแต่จำเลยทั้งสองเพิกเฉย โจทก์ทั้งสี่มีคำขอบังคับให้จำเลยทั้งสองไปแบ่งแยก ส่วนจะแบ่งแยกอย่างไร โจทก์ทั้งสี่ก็ได้แนบแผนที่วิวาทแสดงแนวเขตที่ดินของโจทก์ทั้งสี่ ซึ่งศาลในคดีก่อนได้วินิจฉัยชี้ขาดไว้แล้วมาท้ายฟ้องและที่โจทก์ทั้งสี่อ้างถึงคำพิพากษาในคดีก่อนด้วยก็เพียงเพื่อให้ปรากฏว่าศาลในคดีก่อนได้วินิจฉัยกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทอย่างไร ฟ้องโจทก์ทั้งสี่จึงไม่เคลือบคลุม
โจทก์ทั้งสี่และจำเลยทั้งสองเป็นคู่ความในคดีก่อน คำพิพากษาในคดีดังกล่าวจึงผูกพันโจทก์ทั้งสี่และจำเลยทั้งสองตาม ป.วิ.พ. มาตรา 145 ซึ่งศาลพิพากษาคดีถึงที่สุดแล้วว่าโจทก์ทั้งสี่เป็นเจ้าของที่ดินพิพาทโดยครอบครองเป็นสัดส่วน เมื่อคดีนี้โจทก์ทั้งสี่ฟ้องจำเลยทั้งสองขอให้แบ่งแยกที่ดินดังกล่าว จำเลยทั้งสองจึงไม่อาจยกข้อต่อสู้ให้เป็นอย่างอื่นได้ คงมีปัญหาต้องวินิจฉัยเพียงว่า ที่ดินพิพาทของโจทก์มีเนื้อที่เท่าใด แผนที่วิวาทในคดีก่อนของโจทก์ระบุว่ามีเนื้อที่ 2 ไร่ 2 งาน 54 ตารางวา แต่เนื้อที่ตามแผนที่วิวาท จล.1 ระบุว่า 2 ไร่ 1 งาน 88 ตารางวา ซึ่งโจทก์ลงชื่อรับรองในแผนที่วิวาทดังกล่าว จึงฟังได้ว่าที่ดินส่วนของโจทก์ทั้งสี่มีเนื้อที่ประมาณ 2 ไร่ 1 งาน 88 ตารางวา และต้องแบ่งตามแผนที่วิวาทดังกล่าว การที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น โดยวินิจฉัยว่า เนื้อที่ของที่ดินส่วนของโจทก์ประมาณ 2 ไร่ 2 งาน 54 ตารางวา และให้จำเลยทั้งสองไปจดทะเบียนแบ่งแยกตามเนื้อที่ดินในคดีก่อนไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา และเนื่องจากเป็นคำพิพากษาที่เกี่ยวด้วยการชำระหนี้ไม่อาจแบ่งแยกได้จึงให้มีผลบังคับกับจำเลยที่ 2 ด้วยตาม ป.วิ.พ. มาตรา 247 ประกอบมาตรา 245 (1)
โจทก์ทั้งสี่และจำเลยทั้งสองเป็นคู่ความในคดีก่อน คำพิพากษาในคดีดังกล่าวจึงผูกพันโจทก์ทั้งสี่และจำเลยทั้งสองตาม ป.วิ.พ. มาตรา 145 ซึ่งศาลพิพากษาคดีถึงที่สุดแล้วว่าโจทก์ทั้งสี่เป็นเจ้าของที่ดินพิพาทโดยครอบครองเป็นสัดส่วน เมื่อคดีนี้โจทก์ทั้งสี่ฟ้องจำเลยทั้งสองขอให้แบ่งแยกที่ดินดังกล่าว จำเลยทั้งสองจึงไม่อาจยกข้อต่อสู้ให้เป็นอย่างอื่นได้ คงมีปัญหาต้องวินิจฉัยเพียงว่า ที่ดินพิพาทของโจทก์มีเนื้อที่เท่าใด แผนที่วิวาทในคดีก่อนของโจทก์ระบุว่ามีเนื้อที่ 2 ไร่ 2 งาน 54 ตารางวา แต่เนื้อที่ตามแผนที่วิวาท จล.1 ระบุว่า 2 ไร่ 1 งาน 88 ตารางวา ซึ่งโจทก์ลงชื่อรับรองในแผนที่วิวาทดังกล่าว จึงฟังได้ว่าที่ดินส่วนของโจทก์ทั้งสี่มีเนื้อที่ประมาณ 2 ไร่ 1 งาน 88 ตารางวา และต้องแบ่งตามแผนที่วิวาทดังกล่าว การที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น โดยวินิจฉัยว่า เนื้อที่ของที่ดินส่วนของโจทก์ประมาณ 2 ไร่ 2 งาน 54 ตารางวา และให้จำเลยทั้งสองไปจดทะเบียนแบ่งแยกตามเนื้อที่ดินในคดีก่อนไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา และเนื่องจากเป็นคำพิพากษาที่เกี่ยวด้วยการชำระหนี้ไม่อาจแบ่งแยกได้จึงให้มีผลบังคับกับจำเลยที่ 2 ด้วยตาม ป.วิ.พ. มาตรา 247 ประกอบมาตรา 245 (1)