พบผลลัพธ์ทั้งหมด 9 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3099/2543 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การตรวจค้นจับกุมกับการสอบสวนเป็นคนละขั้นตอน แม้การตรวจค้นไม่ชอบด้วยกฎหมายก็ไม่ทำให้การสอบสวนไม่ชอบด้วยกฎหมาย
การตรวจค้นจับกุมกับการสอบสวนเป็นการดำเนินการคนละขั้นตอนกัน แม้การตรวจค้นจับกุมอาจมิชอบด้วยกฎหมายก็เป็นเรื่องที่จะไปว่ากล่าวกันอีกส่วนหนึ่งต่างหาก หามีผลทำให้การสอบสวนไม่ชอบด้วยกฎหมายไปด้วยไม่
โจทก์บรรยายฟ้องว่ามีการสอบสวนแล้ว จำเลยมิได้ฎีกาว่าการสอบสวนไม่ชอบเพราะเหตุผลอื่น ๆ เพียงแต่อ้างว่าการตรวจค้นโดยไม่มีหมายค้นเป็นการไม่ชอบ การจับกุมการสอบสวนย่อมไม่ชอบ จึงต้องถือว่าการสอบสวนในความผิดที่กล่าวหาตามฟ้องชอบแล้ว ที่จำเลยฎีกาว่า การตรวจค้นโดยไม่มีหมายค้นย่อมเป็นการค้นโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย การจับกุมย่อมไม่ชอบด้วยกฎหมายด้วยหากมีการสอบสวนพยานโจทก์ย่อมจะรับฟังไม่ได้ หากรับฟังย่อมเป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัยตาม ป.วิ.พ. มาตรา 249วรรคหนึ่ง ประกอบ ป.วิ.อ. มาตรา 15
โจทก์บรรยายฟ้องว่ามีการสอบสวนแล้ว จำเลยมิได้ฎีกาว่าการสอบสวนไม่ชอบเพราะเหตุผลอื่น ๆ เพียงแต่อ้างว่าการตรวจค้นโดยไม่มีหมายค้นเป็นการไม่ชอบ การจับกุมการสอบสวนย่อมไม่ชอบ จึงต้องถือว่าการสอบสวนในความผิดที่กล่าวหาตามฟ้องชอบแล้ว ที่จำเลยฎีกาว่า การตรวจค้นโดยไม่มีหมายค้นย่อมเป็นการค้นโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย การจับกุมย่อมไม่ชอบด้วยกฎหมายด้วยหากมีการสอบสวนพยานโจทก์ย่อมจะรับฟังไม่ได้ หากรับฟังย่อมเป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัยตาม ป.วิ.พ. มาตรา 249วรรคหนึ่ง ประกอบ ป.วิ.อ. มาตรา 15
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1362/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจับกุมกับการสอบสวนเป็นคนละขั้นตอน การจับกุมไม่ชอบด้วยกฎหมายไม่ทำให้การสอบสวนไม่ชอบ
การจับกุมกับการสอบสวนเป็นการดำเนินการคนละขั้นตอนกันแม้การจับกุมจำเลยที่ 2 และที่ 3 อาจมิชอบด้วยกฎหมาย ก็หามีผลทำให้การสอบสวนไม่ชอบด้วยกฎหมายไม่ ฎีกาของจำเลยที่ 2 และที่ 3 ว่าจำเลยที่ 2 และที่ 3 ถูกจับกุมโดยไม่ชอบ การสอบสวนจึงไม่ชอบไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัย ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 574/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำความผิดฐานลักทรัพย์: การแยกผลลำไยออกจากต้นถือเป็นการเอาทรัพย์ไปแล้ว
จำเลยขึ้นไปบนต้นลำไย หักลำไยทั้งกิ่งจากต้นลำไยใส่ในเข่ง เจ้าพนักงานจับจำเลยขณะกำลังอยู่บนต้นและกำลังหักกิ่งลำไยใส่เข่งอยู่ เป็นการแยกหรือเคลื่อนที่ผลลำไยออกจากต้น และเข้ายึดถือเอาผลลำไยจำนวนนั้นไว้แล้ว อันเป็นการเอาไปซึ่งทรัพย์ของผู้เสียหายครบองค์ประกอบความผิดฐานลักทรัพย์แล้ว (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 1153/2484)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2024/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรอการลงโทษในคดีหลายกระทง ต้องพิจารณาโทษแต่ละกระทง ไม่รวมโทษทั้งหมด
ในกรณีที่จำเลยกระทำความผิดหลายกรรมต่างกัน โจทก์ย่อม มีอำนาจแยกฟ้องจำเลยแต่ละคดีเป็นรายกระทงความผิด การวินิจฉัย อัตราโทษว่าจะรอการลงโทษได้หรือไม่ จำต้องวินิจฉัยอัตราโทษที่ศาลลงในแต่ละกระทงความผิด จะรวมโทษทุกกระทงความผิดในคดีนั้น มาเป็นเกณฑ์วินิจฉัยหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 480/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแยกสินบริคณห์ต้องพิสูจน์สถานะสามีภริยาโดยชอบด้วยกฎหมาย หากพิสูจน์ไม่ได้ คำขอแยกสินบริคณห์ตกไป
โจทก์ยื่นคำร้องว่า จำเลยกับ ผ. เป็นสามีภริยากัน ซึ่งมีส่วนร่วมกันในที่ดินโฉนดที่ 5694 (ที่โจทก์ได้ถอนการยึดไปแล้ว) ขอให้สั่งแยกสินบริคณห์ออกเป็นส่วนของลูกหนี้คือจำเลย เพื่อบังคับคดีตามคำพิพากษาต่อไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1483 ซึ่งหมายถึงสินบริคณห์ของสามีภริยากันโดยชอบด้วยกฎหมายเท่านั้น เมื่อโจทก์นำสืบไม่ได้ว่าจำเลยกับ ผ. เป็นสามีภริยากันโดยชอบด้วยกฎหมาย ที่ดินรายนี้ย่อมไม่ใช่สินบริคณห์ คำขอแยกสินบริคณห์ของโจทก์ย่อมตกไป
คดีที่โจทก์ร้องขอแยกสินบริคณห์หรือขอแยกที่ดินส่วนของจำเลยโดยอ้างเหตุที่จำเลยกับ ผ. เป็นสามีภริยากัน เป็นคดีไม่มีทุนทรัพย์
คดีที่โจทก์ร้องขอแยกสินบริคณห์หรือขอแยกที่ดินส่วนของจำเลยโดยอ้างเหตุที่จำเลยกับ ผ. เป็นสามีภริยากัน เป็นคดีไม่มีทุนทรัพย์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 195/2477
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดสมคบปลอมแปลงเอกสารและการใช้เอกสารปลอม: ความผิดคนละส่วน
+หาว่าสมคบกันทำ+ใช้หนังสือปลอม เมื่อ+พิจารณาไม่เชื่อว่าคนหนึ่งให้ผู้ทำหนังสือก็ปลอมแล้ว หาในข้อวินิจฉัยเลยไปถึงผู้ใช้หนังสือปลอมว่าไม่มีความผิด+ไม่ เพราะเป็นคนละเรื่องหาใช่ลักษณคดีความผิด +เดียวกันไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 614-615/2474
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สมคบกันทำร้ายร่างกายฯ และการแยกความรับผิดของผู้ร่วมกระทำ
กิริยาอย่างไรเรียกว่าสมคบกัน
ตัวการอาจรับโทษไม่เท่ากันได้
ตัวการอาจรับโทษไม่เท่ากันได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 532/2472
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ลักทรัพย์ทำร้ายร่างกาย: แยกความผิดเป็น 2 กะทง
เข้าไปลักทรัพย์เขาแล้วทิ้งทรัพย์วิ่งหนีไป เจ้าทรัพย์ตามทันกลับทำร้ายเจ้าทรัพย์มีผิดฐานลักทรัพย์และทำร้ายร่างกาย เทียบฎีกาที่ 860/2469 ฟ้องว่าชิงทรัพย์ได้ความว่าลักทรัพย์ลงโทษได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7051/2551
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานมีอาวุธปืนหลายประเภท: การแยกความผิดเป็นกรรมต่างกัน
อาวุธปืนที่จำเลยทำกับอาวุธปืนและวัตถุต่างๆ ที่จำเลยมีไว้ในครอบครองมีสภาพและลักษณะของการกระทำโดยอาศัยเจตนาที่แตกต่างกัน ซึ่งสามารถแยกเป็นคนละส่วนต่างหากจากกันได้ ดังนี้ แม้จำเลยจะกระทำผิดทั้งสองฐานในเวลาเดียวกัน การกระทำของจำเลยก็เป็นความผิดสองกรรมต่างกัน มิใช่กรรมเดียว