พบผลลัพธ์ทั้งหมด 5 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2628/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลงโทษปรับนิติบุคคลและกรรมการผู้จัดการในความผิดตาม พ.ร.บ.แร่ โดยแยกปรับตามรายตัวบุคคล
ผู้กระทำความผิดตามพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ.2510 มาตรา 148ซึ่งต้องระวางโทษปรับตั้งแต่หนึ่งเท่าถึงห้าเท่าของมูลค่าแร่ตามราคาที่กำหนดโดยกฎหมายว่าด้วยพิกัดอัตราค่าภาคหลวงแร่มิได้มีข้อจำกัดว่า ถ้ามีผู้ร่วมกันกระทำผิดหลายคนแล้ว ให้ปรับรวมกันตามมูลค่าของแร่ เมื่อพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ.2510มิได้บัญญัติไว้เป็นอย่างอื่น จึงนำประมวลกฎหมายอาญามาใช้ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 17 ต้องลงโทษปรับจำเลยเรียงตามรายตัวบุคคล ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 31
นิติบุคคลอาจต้องรับผิดในทางอาญาร่วมกับบุคคลธรรมดาซึ่งเป็นกรรมการผู้จัดการของนิติบุคคลนั้นได้ หากการกระทำนั้นเป็นไปตามวัตถุประสงค์ซึ่งได้จดทะเบียนไว้ และนิติบุคคลได้รับประโยชน์อันเกิดจากการกระทำนั้น
จำเลยที่ 1 เป็นนิติบุคคล มีจำเลยที่ 2 เป็นกรรมการผู้จัดการกระทำกิจการต่าง ๆ แทน ลำพังจำเลยที่ 1 ไม่อาจกระทำกิจการด้วยตนเองได้การกระทำผิดเกิดขึ้นเนื่องมาจากจำเลยที่ 2 โดยตรง ย่อมต้องถือว่าจำเลยที่ 2 ร่วมกระทำผิดกับจำเลยที่ 1ด้วย
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้งสองร่วมกันเป็นตัวการกระทำความผิดฐานมีแร่ไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพ มิได้โต้แย้งว่าการกระทำดังกล่าวอยู่นอกขอบวัตถุประสงค์ของจำเลยที่ 1 ศาลย่อมพิพากษาลงโทษจำเลยทั้งสองฐานเป็นตัวการร่วมกันกระทำความผิดได้โดยไม่จำต้องสอบถามข้อเท็จจริงจากจำเลยก่อน.
นิติบุคคลอาจต้องรับผิดในทางอาญาร่วมกับบุคคลธรรมดาซึ่งเป็นกรรมการผู้จัดการของนิติบุคคลนั้นได้ หากการกระทำนั้นเป็นไปตามวัตถุประสงค์ซึ่งได้จดทะเบียนไว้ และนิติบุคคลได้รับประโยชน์อันเกิดจากการกระทำนั้น
จำเลยที่ 1 เป็นนิติบุคคล มีจำเลยที่ 2 เป็นกรรมการผู้จัดการกระทำกิจการต่าง ๆ แทน ลำพังจำเลยที่ 1 ไม่อาจกระทำกิจการด้วยตนเองได้การกระทำผิดเกิดขึ้นเนื่องมาจากจำเลยที่ 2 โดยตรง ย่อมต้องถือว่าจำเลยที่ 2 ร่วมกระทำผิดกับจำเลยที่ 1ด้วย
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้งสองร่วมกันเป็นตัวการกระทำความผิดฐานมีแร่ไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพ มิได้โต้แย้งว่าการกระทำดังกล่าวอยู่นอกขอบวัตถุประสงค์ของจำเลยที่ 1 ศาลย่อมพิพากษาลงโทษจำเลยทั้งสองฐานเป็นตัวการร่วมกันกระทำความผิดได้โดยไม่จำต้องสอบถามข้อเท็จจริงจากจำเลยก่อน.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1338/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลงโทษปรับตาม พ.ร.บ.อากรฆ่าสัตว์ ต้องแยกปรับตามตัวผู้กระทำผิดและสัตว์ที่ฆ่า
การวางโทษปรับตาม พระราชบัญญัติอากรฆ่าสัตว์(ฉบับที่ 4) พ.ศ.2496 มาตรา 4 นี้นั้นจะต้องวางเรียงตัวผู้กระทำผิดและเรียงตัวสัตว์ที่ฆ่า จะวางโทษเรียงตัวสัตว์แต่ปรับจำเลยทุกคนรวมกันมาแล้วแบ่งแยกความรับผิดเรียงตัวในภายหลังไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1934/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้อง พ.ร.บ.กำไรเกินควร, รางวัลผู้จับ และการแยกปรับฐานความผิด
คดีที่หาว่าจำเลยทำผิด พ.ร.บ.ป้องกันการค้ากำไรเกินควร พ.ศ.2490 อัยยการโจทก์ไม่มีอำนาจขอให้จ่ายสินบล คงมีอำนาจขอแต่ให้จ่ายเงินรางวัลผู้จับ (อ้างฎีกา 1043/2492 และ 1933/2492)
ในกรณีที่มีผู้นำจับ แต่โจทก์ขอให้จ่ายเพียงร้อยละ 15 จึงต้องจ่ายรางวัล ตาม พ.ร.บ.ให้บำเหน็จในการปราบปรามผู้กระทำความผิด พ.ศ.2489 มาตรา 8 แต่ให้จ่ายเพียงเท่าที่โจทก์ขอเท่านั้น ไม่มีปัญหาว่าจะต้องจ่ายตามวรรคแรกหรือวรรคสอง
คดีที่จำเลยทำผิด พ.ร.บ.ป้องกันการค้ากำไรเกินควรฯ และผิดกฎหมายอื่นด้วยนั้น ให้แยกปรับฐานผิด พ.ร.บ.ป้องกันการค้ากำไรเกินควรฯ เสียกะทงหนึ่งต่างหาก แล้วจึงให้จ่ายรางวับของค่าปรับในฐานนี้จากจำนวนค่าปรับที่ศาลวางโทษก่อนลดโทษ
ในกรณีที่มีผู้นำจับ แต่โจทก์ขอให้จ่ายเพียงร้อยละ 15 จึงต้องจ่ายรางวัล ตาม พ.ร.บ.ให้บำเหน็จในการปราบปรามผู้กระทำความผิด พ.ศ.2489 มาตรา 8 แต่ให้จ่ายเพียงเท่าที่โจทก์ขอเท่านั้น ไม่มีปัญหาว่าจะต้องจ่ายตามวรรคแรกหรือวรรคสอง
คดีที่จำเลยทำผิด พ.ร.บ.ป้องกันการค้ากำไรเกินควรฯ และผิดกฎหมายอื่นด้วยนั้น ให้แยกปรับฐานผิด พ.ร.บ.ป้องกันการค้ากำไรเกินควรฯ เสียกะทงหนึ่งต่างหาก แล้วจึงให้จ่ายรางวับของค่าปรับในฐานนี้จากจำนวนค่าปรับที่ศาลวางโทษก่อนลดโทษ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1761/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปรับโทษทางศุลกากรและยาสูบ: แยกปรับเป็นรายตัวได้, ความผิดกรรมเดียวกันใช้บทหนัก
ความผิดตาม พ.ร.บ.ศุลกากรมาตรา 27 ศาลจะแยกปรับจำเลยเป็นรายตัวหรือปรับจำเลยรวมกันก็ได้ เมื่อรวมกันเป็น 4 เท่าราคาของรวมค่าอากรด้วย.
ในกรณีที่ลงโทษตาม พ.ร.บ.ศุลกากร เมื่อมีเหตุลดหรือเพิ่มโทษจำเลยไม่เหมือนกัน ศาลต้องปรับแยกกัน.
การกระทำผิดฐานช่วยเหลือให้ทำการค้ายาสูบตาม พ.ร.บ.ศุลกากร กับมียาสูบในครอบครองโดยไม่ปิดแสตมป์เป็นกรรมเดียวกัน ต้องลงโทษตาม พ.ร.บ.ศุลกากร ซึ่งเป็นบทหนัก.
ในกรณีที่ลงโทษตาม พ.ร.บ.ศุลกากร เมื่อมีเหตุลดหรือเพิ่มโทษจำเลยไม่เหมือนกัน ศาลต้องปรับแยกกัน.
การกระทำผิดฐานช่วยเหลือให้ทำการค้ายาสูบตาม พ.ร.บ.ศุลกากร กับมียาสูบในครอบครองโดยไม่ปิดแสตมป์เป็นกรรมเดียวกัน ต้องลงโทษตาม พ.ร.บ.ศุลกากร ซึ่งเป็นบทหนัก.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1761/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลงโทษความผิด พ.ร.บ.ศุลกากร: แยกปรับหรือรวมปรับ, เหตุลดเพิ่มโทษ, และกรรมเดียวกัน
ความผิดตาม พ.ร.บ.ศุลกากร มาตรา 27 ศาลจะแยกปรับจำเลยเป็นรายตัวหรือปรับจำเลยรวมกันก็ได้เมื่อรวมกันเป็น4 เท่าราคา ของรวมค่าอากรด้วย
ในกรณีที่ลงโทษตามพ.ร.บ.ศุลกากร เมื่อมีเหตุลดหรือเพิ่มโทษจำเลยไม่เหมือนกัน ศาลต้องปรับแยกกัน
การกระทำผิดฐานช่วยเหลือให้ทำการค้ายาสูบตามพ.ร.บ.ศุลกากรกับมียาสูบในครอบครองโดยไม่ปิดแสตมป์เป็นกรรมเดียวกันต้องลงโทษตามพ.ร.บ.ศุลกากร ซึ่งเป็นบทหนัก
ในกรณีที่ลงโทษตามพ.ร.บ.ศุลกากร เมื่อมีเหตุลดหรือเพิ่มโทษจำเลยไม่เหมือนกัน ศาลต้องปรับแยกกัน
การกระทำผิดฐานช่วยเหลือให้ทำการค้ายาสูบตามพ.ร.บ.ศุลกากรกับมียาสูบในครอบครองโดยไม่ปิดแสตมป์เป็นกรรมเดียวกันต้องลงโทษตามพ.ร.บ.ศุลกากร ซึ่งเป็นบทหนัก