พบผลลัพธ์ทั้งหมด 3 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 250/2542 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรื้อถอนอาคารตามคำพิพากษา: ศาลพิจารณาความครบถ้วนของการรื้อถอนโครงสร้างอาคารที่ต่อเติมเกิน
ศาลมีพิพากษาถึงที่สุดว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตาม พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ.2522 มาตรา 4, 21, 22, 40, 42, 65, 66 ทวิ, 69,70, 71 เรียงกระทงลงโทษตามมาตรา 91 ฐานดัดแปลงอาคารโดยไม่ได้รับอนุญาตลงโทษจำเลยที่ 2 จำคุก 2 เดือน และปรับจำเลยทั้งสองคนละ 40,000 บาท และปรับอีกวันละคนละ 1,000 บาท ฐานฝ่าฝืนคำสั่งเจ้าพนักงานลงโทษจำเลยที่ 2จำคุก 1 ปี และปรับจำเลยทั้งสองคนละ 80,000 บาท และปรับอีกวันละคนละ10,000 บาท รวมโทษจำเลยที่ 2 จำคุก 1 ปี 2 เดือน และปรับจำเลยทั้งสองคนละ 120,000 บาท และปรับวันละคนละ 11,000 บาท จนกว่าจะรื้อถอนลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงเหลือโทษจำเลยที่ 2 จำคุก 7 เดือน และปรับจำเลยทั้งสองคนละ 60,000 บาท และปรับรายวันอีกวันละคนละ 5,500 บาท นับแต่วันที่ 5มิถุนายน 2538 จนกว่าจะรื้อถอน ให้รอการลงโทษจำคุกจำเลยที่ 2 ไว้มีกำหนด2 ปี ถ้าไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตาม ป.อ.มาตรา 29, 30 การที่จำเลยที่ 2ยื่นคำร้องว่า จำเลยที่ 2 ขอยื่นหลักฐานการรื้อถอนอาคารเพื่อชำระค่าปรับตามคำพิพากษา โดยได้พยายามติดต่อขอเอกสารจากเขตราชเทวีเป็นเวลานาน แต่ไม่ได้รับความร่วมมือ จึงขอยื่นหลักฐานเท่าที่จำเลยที่ 2 มี เป็นหลักฐานรับรองการรื้อถอนอาคารเพื่อพิจารณา เมื่อปรากฏว่าจำเลยที่ 2 ได้ทุบผนังอาคารออกทุกด้าน รื้อบันไดเวียนด้านหลังออก ทำให้ไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้แล้ว แต่จำเลยที่ 2 ยังไม่ได้รื้อถอนส่วนที่เป็นโครงเหล็กหลังคาออก แต่เมื่อการรื้อถอนอาคารตามคำพิพากษามีความหมายว่าต้องรื้อถอนส่วนอันเป็นโครงสร้างของอาคารที่ต่อเกินจากทั้งหมดให้กลับสู่สภาพเดิม เมื่อปรากฏว่ายังมีโครงเหล็กหลังคาเหลืออยู่จะถือว่าจำเลยทั้งสองได้รื้อถอนเสร็จแล้วยังไม่ได้ ส่วนที่กฎกระทรวง ฉบับที่ 11(พ.ศ.2528) ออกตามความใน พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ.2522 ข้อ 2กฎกระทรวงดังกล่าวเป็นบทบัญญัติสำหรับให้ผู้จะรื้อถอนอาคารจะต้องขออนุญาตมิใช่บทบัญญัติที่ให้ถือว่าจำเลยที่ 2 ได้รื้อถอนอาคารเสร็จแล้วแต่อย่างใด ดังนี้จำเลยที่ 2 จะขอให้ศาลฎีกามีคำสั่งแสดงว่าโครงเหล็กหลังคาส่วนที่เหลืออยู่ได้รื้อถอนเสร็จสิ้นไปแล้วไม่ได้ แต่เนื่องข้อเท็จจริงตามที่ศาลชั้นต้นไต่สวนมาแล้วในคดีนี้ยังไม่พอแก่การวินิจฉัยเพราะจำเลยที่ 2 เพิ่งยกขึ้นอ้างในชั้นอุทธรณ์คำสั่ง จึงชอบที่จำเลยทั้งสองจะยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นเพื่อไต่สวนในกรณีนี้ต่อไป ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่า จำเลยที่ 2 ยังรื้อถอนอาคารไม่หมดนั้นชอบแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6250/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การก่อสร้างอาคารเกินกว่าที่ได้รับอนุญาต ถือเป็นการเพิ่มเติมโครงสร้างอาคารที่ต้องห้ามตามกฎหมาย
จำเลยขออนุญาตก่อสร้างอาคารสูงสี่ชั้น แต่ทำการก่อสร้างเป็นอาคารสูงห้าชั้นเป็นการก่อสร้างเพิ่มทั้งจำนวนชั้นและความสูงของอาคาร เมื่อความสูงของอาคารเป็นส่วนที่จะต้องนำมาใช้คำนวณโครงสร้างของอาคารตามที่กฎหมายกำหนดไว้ การก่อสร้างอาคารของจำเลยจึงเป็นการเพิ่มเติมส่วนที่เป็นโครงสร้างของอาคาร เป็นการต้องห้ามตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 31
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 448/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ไม้แปรรูปในโครงสร้างอาคาร: ไม่อยู่ในข่ายต้องริบตาม พ.ร.บ.ป่าไม้
ไม้ของกลางซึ่งประกอบเป็นโครงเรือนที่กำลังปลูกสร้างอยู่เป็นไม้ที่อยู่ในสภาพเป็นสิ่งปลูกสร้างจึงไม่เป็นไม้แปรรูปตามความหมายของพระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 4) พ.ศ.2503 มาตรา 4(4) จึงริบไม่ได้ตามพระราชบัญญัติป่าไม้