คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
โดยปริยาย

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 4 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6990/2542

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลิกสัญญาระหว่างโจทก์และจำเลยโดยปริยาย เนื่องจากการไม่ปฏิบัติตามข้อตกลง และการไม่ติดต่อกันเป็นเวลานาน ทำให้สัญญาสิ้นผล
หนังสือข้อตกลงระบุถึงการเลิกสัญญาว่า "ถ้าผู้รับโครงการไม่ดำเนินการใด ๆหรือดำเนินการไม่เป็นไปตามข้อผูกพันในข้อตกลงแม้ข้อหนึ่งข้อใด ภายในกำหนด 90 วันถือว่าข้อตกลงนี้สิ้นสุดลงโดยมิต้องบอกกล่าวให้ผู้รับโครงการทราบ คุรุสภาจะสรรหาผู้จะรับเป็นผู้รับโครงการอื่นต่อไป" ดังนี้ แม้ ก. และ ห. พยานโจทก์จะเบิกความเพื่อแสดงให้เห็นว่าหนังสือข้อตกลงยังไม่มีการยกเลิกก็ตาม แต่พยานเหล่านี้เบิกความตอบทนายจำเลยถามค้านว่า เมื่อโครงการประสบความล้มเหลว โจทก์ได้จัดให้ผู้อื่นเข้าดำเนินการ ส่วนจำเลยที่ 1 นำป้ายโครงการออกแล้วใช้ชื่อ "หมู่บ้านเดชา" ดำเนินการต่อมา โจทก์กับจำเลยทั้งสองไม่ได้ติดต่อกันทางเอกสารเป็นเวลาประมาณ 5 ปี พฤติการณ์ดังกล่าวย่อมแสดงให้เห็นว่าทั้งโจทก์และจำเลยทั้งสองต่างไม่ติดใจที่จะปฏิบัติตามหนังสือข้อตกลงต่อไป หนังสือข้อตกลงดังกล่าวย่อมยกเลิกกันโดยปริยายโจทก์ไม่มีสิทธิบังคับให้จำเลยทั้งสองชำระหนี้ตามหนังสือข้อตกลงที่เลิกกันไปแล้วได้
เมื่อหนังสือข้อตกลงดังกล่าวได้ยกเลิกไปแล้ว ไม่มีผลบังคับ จึงไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยฎีกาของโจทก์ว่าหนังสือข้อตกลงเป็นสัญญาต่างตอบแทนพิเศษ มิใช่สัญญาต่างตอบแทนธรรมดา เพราะไม่เป็นสาระแก่คดี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1929/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาค้ำประกันยกเลิกโดยปริยายจากการทำสัญญาค้ำประกันใหม่
จำเลยที่ 2 ทำสัญญาค้ำประกันการทำงานของ ว.ในตำแหน่งพนักงานของโจทก์ สาขานครราชสีมา ต่อมาโจทก์แต่งตั้งให้ ว.เป็นผู้จัดการของโจทก์ สาขาสีคิ้ว โจทก์ยอมรับจำเลยที่ 1 ให้เข้ามาทำสัญญาค้ำประกันการทำงานของ ว.ในตำแหน่งผู้จัดการ สาขาสีคิ้ว แสดงว่าโจทก์ไม่ประสงค์ให้จำเลยที่ 2ผูกพันตามสัญญาค้ำประกันต่อไป ถือว่าสัญญาค้ำประกันถูกยกเลิกโดยปริยาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 705/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาค่านายหน้า: ต้องมีสัญญาชัดแจ้งหรือโดยปริยาย จึงจะเรียกร้องค่าบำเหน็จได้
นายหน้าที่จะได้รับบำเหน็จหรือค่านายหน้านั้น ในเบื้องต้นจะต้องมีสัญญาต่อกันโดยชัดแจ้ง หรือโดยปริยาย ฉะนั้น ผู้ใดจะอ้างตนเป็นนายหน้าฝ่ายเดียวเรียกร้องเอาค่าบำเหน็จโดยอีกฝ่ายหนึ่งมิได้มีสัญญาด้วยแต่อย่างหนึ่งอย่างใดเลย นั้น จึงหามีกฎหมายสนับสนุนให้เรียกร้องได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 752/2565

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สมาชิกภาพโดยปริยายในหมู่บ้านจัดสรร: สิทธิและหน้าที่ชำระค่าส่วนกลาง
แม้พยานโจทก์ไม่ได้ความแน่ชัดว่าที่ดินพร้อมบ้านของจำเลยซื้อจากบริษัทที่จัดสรรที่ดินหมู่บ้าน ช. แต่ปรากฏตามแผนผังหมู่บ้านดังกล่าวว่า ที่ดินของจำเลยอยู่ติดถนนทางเข้าหมู่บ้านดังกล่าว ต้องใช้ถนนนี้ร่วมกับผู้มีที่ดินและบ้านในหมู่บ้านนี้ และที่ดินของจำเลยก็มีลักษณะตำแหน่งที่ตั้งไม่ต่างจากการเป็นส่วนหนึ่งของหมู่บ้านจัดสรรนี้ และแม้ทางเข้าหมู่บ้านดังกล่าวเจ้าของที่ดินได้มอบให้เป็นทางสาธารณะแล้ว รวมทั้งการเก็บขยะมีพนักงานกรุงเทพมหานครมาจัดเก็บก็ตาม แต่ตามบัญชีรายชื่อผู้เข้าประชุมการจัดตั้งนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรร ช. มีชื่อจำเลยเข้าร่วมประชุมโดยมีการลงลายมือชื่อไว้ซึ่งคล้ายกับลายมือชื่อจำเลยในใบแต่งทนายจำเลย ทั้งทนายจำเลยเบิกความตอบทนายโจทก์ถามค้านก็ไม่ยืนยันให้แน่ชัดว่าไม่ใช่ลายมือชื่อจำเลย และพยานยังเบิกความทำนองว่า จำเลยบอกว่าเคยบริจาคเงินค่าส่วนกลาง แต่ไม่เคยชำระค่าส่วนกลาง เจือสมกับคำเบิกความพยานโจทก์ปาก ก. รองประธานกรรมการโจทก์ซึ่งซื้อบ้านและที่ดินโดยเข้าอยู่อาศัยในหมู่บ้านดังกล่าวตั้งแต่ปี 2534 ที่เบิกความว่า จำเลยร่วมประชุม ทั้งจำเลยเคยชำระค่าส่วนกลางด้วย เนื่องจากจำเลยมีสิทธิใช้สอยสาธารณูปโภคต่าง ๆ เช่น ไฟฟ้า ประปา สวนสาธารณะ สระว่ายน้ำ ท่อบำบัดน้ำเสีย และการรักษาความปลอดภัย ซึ่งจำเลยก็นำสืบปฏิเสธการใช้สาธารณูปโภคเฉพาะถนนทางเข้าหมู่บ้านที่เป็นถนนสาธารณะและการเก็บขยะเท่านั้น ไม่ได้ปฏิเสธว่าไม่ได้ใช้สาธารณูปโภคอื่นแต่อย่างใด จึงเชื่อได้ว่าจำเลยร่วมประชุมจัดตั้งนิติบุคคลโจทก์ และเคยชำระค่าใช้จ่ายส่วนกลาง กับใช้ประโยชน์จากสาธารณูปโภคและบริการสาธารณะของหมู่บ้านจัดสรร ช. ซึ่งโจทก์มีหน้าที่ดูแลรักษาด้วย พฤติการณ์ของจำเลยดังกล่าวมาข้างต้นย่อมถือได้ว่าจำเลยเป็นสมาชิกของโจทก์โดยปริยายแล้ว จึงมีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามข้อบังคับและระเบียบของโจทก์ ในอันที่จะต้องชำระค่าใช้จ่ายส่วนกลางแก่โจทก์