คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
โต้เถียง

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 40 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6389/2544

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาไม่ชอบด้วยกฎหมายเมื่อโต้เถียงข้อเท็จจริงที่รับสารภาพแล้ว และยกข้อเท็จจริงใหม่ในชั้นฎีกา
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยทั้งสองได้ทำร้ายร่างกายซึ่งกัน โดยจำเลยที่ 1 ใช้ไม้กระบองเป็นอาวุธตีทำร้ายจำเลยที่ 2 ส่วนจำเลยที่ 2 ใช้ขวดสุราเป็นอาวุธตีทำร้ายจำเลยที่ 1 เป็นเหตุให้จำเลยทั้งสองได้รับอันตรายแก่กายและจิตใจจำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพตามฟ้อง ข้อเท็จจริงจึงฟังได้ดังฟ้องของโจทก์ ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตาม ป.อ. มาตรา 295 จำคุก 2 เดือน ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยที่ 1 จะมาโต้เถียงในชั้นฎีกาว่า จำเลยที่ 1 ไม่มีเจตนากระทำความผิดหรือการกระทำของจำเลยที่ 1 ไม่เป็นความผิดหาได้ไม่ เพราะเป็นการโต้เถียงข้อเท็จจริงที่จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพแล้ว ทั้งยังเป็นการยกข้อเท็จจริงขึ้นอ้างใหม่ในชั้นฎีกาซึ่งเป็นปัญหาที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ จึงเป็นฎีกาที่ไม่ชอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 249 วรรคหนึ่ง ประกอบด้วย พ.ร.บ. จัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ. 2499 มาตรา 4 และ พ.ร.บ. ให้นำวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวงมาใช้บังคับในศาลจังหวัด พ.ศ. 2520 มาตรา 3 แม้ผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้จำเลยที่ 1 ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ศาลฎีกาก็ไม่รับวินิจฉัยปัญหาตามฎีกาของจำเลยที่ 1 ในข้อนี้ให้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7298/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลิกจ้าง: คำพูดไล่ออกไม่ได้มีลักษณะเป็นการเลิกจ้าง หากเกิดจากความไม่พอใจและโต้เถียงกัน
การที่พ.กรรมการผู้จัดการของบริษัทจำเลยพูดแก่โจทก์ว่าทำอย่างนี้ออกไปดีกว่ายังไม่เป็นการไล่โจทก์ออกจากงานอาจพูดด้วยความไม่พอใจที่ถูกลูกค้าติและโจทก์ได้พูดโต้ตอบพ.ทำให้พ. เกิดโทสะจริตจึงได้พูดกับโจทก์ดังกล่าวไม่มีกิจจะลักษณะว่าจำเลยจะเลิกจ้างโจทก์ยังถือไม่ได้ว่าจำเลยเลิกจ้างโจทก์โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องจำเลยเรียกค่าชดเชยตามประกาศกระทรวงมหาดไทยเรื่องการคุ้มครองแรงงานข้อ46และสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา582

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3164/2538 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ บันดาลโทสะจากถูกข่มเหง: การโต้เถียงนำไปสู่การทำร้ายร่างกายและเสียชีวิต
สาเหตุฆ่ากันเกิดจากจำเลยและผู้ตายขับรถสวนกันต่างไม่ยอมหลีกทางให้แก่กัน ผู้ตายโกรธจำเลยจึงใช้มีดดาบฟันจำเลยก่อน ถูกร่างกายมีบาดแผลสองแห่ง จำเลยเจ็บปวดจึงเกิดโทสะอย่างแรงกล้า เมื่อจำเลยแย่งมีดดาบจากผู้ตายได้ จึงฟันผู้ตาย 3 แผล ถึงแก่ความตาย การกระทำของจำเลยจึงเข้าอยู่ในลักษณะบันดาลโทสะโดยถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมและได้กระทำความผิดต่อผู้ข่มเหงในระยะเวลาต่อเนื่องกระชั้นชิดกัน ตาม ป.อ. มาตรา 288ประกอบมาตรา 72

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 763/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาไม่อุทธรณ์/ฎีกาข้อเท็จจริงเดิม – การโต้เถียงข้อเท็จจริงเดิมต้องห้ามอุทธรณ์/ฎีกา
ความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 358มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกินหกพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ศาลชั้นต้นยกฟ้องโดยฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยทั้งหกได้ใช้รถไถและรถแทรกเตอร์ไถดินบนทางพิพาทอันเป็นทางสาธารณะซึ่งมีความกว้าง 10 เมตร ทางใต้ของที่ดินโจทก์ รอยไถมีความกว้าง6 เมตร ต้นไม้ที่ถูกไถล้มลงก็อยู่ในทางพิพาท พยานหลักฐานโจทก์ไม่พอฟังว่าจำเลยทั้งหกได้กระทำความผิด โจทก์อุทธรณ์ว่า จำเลยทั้งหกร่วมกันไถคันดินและโค่นต้นไม้ในที่ดินของโจทก์ เป็นการโต้เถียงข้อเท็จจริง ต้องห้ามอุทธรณ์ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 193 ทวิ โจทก์ฎีกาว่า จำเลยทั้งหกร่วมกันนำเครื่องจักรไถทางและต้นไม้ริมทางเข้าไปในที่ดินของโจทก์ ขอให้ลงโทษจำเลยทั้งหก เป็นการโต้เถียงข้อเท็จจริงซึ่งศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัย จึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลอุทธรณ์ต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1305/2537 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การโต้เถียงก่อนยิงและการลดโทษตามอายุ: ป้องกันตัวไม่สมเหตุผล & ลดโทษทุกกระทง
การที่จำเลยพูดโต้เถียงกับผู้ตายอันเป็นทำนองท้าทายผู้ตายแสดงว่าจำเลยสมัครใจจะทะเลาะวิวาทกับผู้ตาย เมื่อจำเลยยิงผู้ตายถึงแก่ความ-ตายจึงไม่สามารถอ้างว่าเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายได้
การลดมาตราส่วนโทษตาม ป.อ. มาตรา 76 เป็นการลดมาตราส่วนโทษเพราะเหตุอายุของผู้กระทำผิด เมื่อศาลใช้ดุลพินิจลดมาตราส่วนโทษให้แก่จำเลยแล้วก็จำต้องลดให้ทุกระทงความผิด แม้ว่าความผิดฐานมีอาวุธปืนจะยุติไปแล้วตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นก็ตาม แต่ปัญหาข้อนี้เป็นปัญหาข้อแรก ข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4025/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมเดียวต่อเนื่อง: การทำร้ายร่างกายและการหลบหนีจากเหตุโต้เถียง
โจทก์ร่วมและจำเลยโต้เถียงกัน จำเลยชกโจทก์ร่วมแล้วหนีไปขึ้นรถยนต์ซึ่งจอดอยู่ห่างประมาณ 3 เมตร เพื่อขับหนี โจทก์ร่วมตามไปเกาะประตูรถ จำเลยจึงทำร้ายโจทก์ร่วมอีกแม้วิธีการทำร้ายจะแตกต่างกัน แต่ก็เป็นการกระทำที่ต่อเนื่องด้วยเจตนาเดียวกันจากสาเหตุเดิมที่โต้เถียงกันข้างต้น จึงเป็นการกระทำกรรมเดียว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4891/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยิงผู้อื่นหลังจากการโต้เถียง และผลกระทบของพ.ร.บ.ล้างมลทินต่อการเพิ่มโทษ
จำเลยและโจทก์ร่วมสมัครใจด่าทอซึ่งกันและกันก่อนเกิดเหตุแล้วจำเลยจึงใช้อาวุธปืนยิงโจทก์ร่วม การกระทำของจำเลยเช่นนี้ถือไม่ได้ว่ากระทำไปเพราะบันดาลโทสะโดยถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอัน ไม่เป็นธรรม
เมื่อคดีก่อนจำเลยกระทำผิดก่อนวันที่ 5 ธันวาคม 2530และพ้นโทษไปก่อนแล้ว จำเลยย่อมได้รับประโยชน์จากพระราชบัญญัติล้างมลทินในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลย เดชทรงมีพระชนมพรรษา 60 พรรษา พ.ศ. 2530 มาตรา 4 ถือว่าจำเลยไม่เคยถูกลงโทษในความผิดดังกล่าว จึงเพิ่มโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 92 ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1880/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาต้องห้าม: โต้เถียงข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์รับฟังแล้วตามมาตรา 218
ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่า เมื่อจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นผู้แทนบริษัทได้เซ็นเช็คสั่งจ่ายเงินโดยเจตนาจะมิให้มีการใช้เงินตามเช็ค ก็ต้องถือว่าจำเลยที่ 2 ร่วมกระทำผิดกับบริษัทด้วย และทุกครั้งที่เช็คของบริษัทขึ้นเงินไม่ได้ จำเลยที่ 2จะชำระเงินให้ผู้เสียหายบางส่วนแล้วออกเช็คฉบับใหม่ให้ผู้เสียหายไว้สำหรับหนี้ส่วนที่เหลือตลอดมา การกระทำของจำเลยที่ 2 ทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อว่าจำเลยที่ 2 มีเงินชำระหนี้ให้แก่ผู้เสียหายได้ การที่จำเลยที่ 2 ฎีกาว่าบริษัทเป็นผู้ออกเช็คพิพาทให้แก่ผู้เสียหาย จำเลยที่ 2 เป็นเพียงตัวแทนทำในนามของบริษัท โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง และฎีกาว่าผู้เสียหายบีบบังคับให้บริษัทและจำเลยที่ 2 ออกเช็คโดยรู้อยู่แล้วว่าผู้สั่งจ่ายไม่มีความสามารถชำระเงินตามเช็คได้ฎีกาของจำเลยที่ 2 ดังกล่าว จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงเมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้ลงโทษจำคุกจำเลย 1ปี คู่ความจึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1764/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าจากการย้อนกลับมาพร้อมอาวุธ แม้มีเหตุโต้เถียงก่อนหน้า ไม่ถือเป็นการป้องกันตัว
จำเลยมีอาชีพขับรถยนต์สามล้อรับจ้าง บ.กับพวกจะว่าจ้างรถของจำเลยให้ไปส่ง แต่ได้เกิดโต้เถียงกับจำเลย บ.ได้ตบท้ายทอยจำเลยทำให้จำเลยโกรธ จำเลยขับรถยนต์สามล้อออกไปห่าง40 เมตรแล้ว แต่กลับไปหยุดรถแล้วลงจากรถเอาอาวุธปืนสั้นเดินเข้าไปหา บ.กับพวกแล้วยิงบ. 2 นัด จากนั้นจำเลยวิ่งหนีไปที่รถยนต์สามล้อของจำเลย ผู้ตายและบ.กับพวกวิ่งตามไปโดยไม่มีอาวุธ จำเลยยิงปืนมาอีก 2 นัด ถูกผู้ตายล้มลงถึงแก่ความตายเช่นนี้เหตุที่จำเลยถูก บ.ตบท้ายทอยและการถกเถียงได้สิ้นสุดกันไปแล้ว จำเลยก็ได้ขับรถออกไปห่างไกลจนไม่มีภยันตรายแล้ว การที่จำเลยย้อนกลับมาโดยมีอาวุธปืนติดมือมาด้วย แสดงให้เห็นว่าจำเลยตั้งใจมาทำร้าย บ.กับพวกเนื่องจากมีสาเหตุกันมาก่อน การที่จำเลยใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายจึงเป็นการฆ่าผู้ตายโดยเจตนา จำเลยเป็นผู้ก่อเหตุขึ้นเองจะอ้างว่ากระทำไปโดยเป็นการป้องกันหาได้ไม่.(ที่มา-ส่งเสริม)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 478/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยิงผู้อื่นหลังถูกท้าทายด้วยคำพูดไม่เข้าข่ายบันดาลโทสะ แม้จะมีการโต้เถียงก่อนหน้า
จำเลยเข้าไปรับประทานอาหารและดื่มสุราในบาร์ที่ผู้เสียหายเป็นรองผู้จัดการและเกิดโต้เถียงกับผู้เสียหาย โดยผู้เสียหายท้าทายจำเลยว่านักข่าวก็ตายได้เหมือนกัน นักข่าวกระจอก นักข่าวกิ๊กก๊อก ยังถือไม่ได้ว่าจำเลยถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม จำเลยใช้ปืนยิงผู้เสียหายจึงไม่ใช่เป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 72
of 4