พบผลลัพธ์ทั้งหมด 5 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6/2544
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกานี้เกี่ยวกับการงดสืบพยาน, การโต้แย้งคำสั่งศาล, และสิทธิการได้รับค่าชดเชยจากการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งงดสืบพยานจำเลย จำเลยยื่นคำร้องโต้แย้งคำสั่งศาลชั้นต้นมีคำสั่งคำร้องของจำเลยว่า คำร้องคัดค้านใช้ถ้อยคำที่ไม่สมควรในทำนองดูหมิ่นศาลว่าไม่ให้ความเป็นธรรมแก่จำเลย ซึ่งเป็นถ้อยคำที่ไม่เป็นประโยชน์แก่การพิจารณาและเป็นถ้อยคำฟุ่มเฟือย จึงให้คืนกลับไปทำมาใหม่ภายใน 7 วัน มิฉะนั้นไม่รับคำคัดค้าน เมื่อจำเลยมิได้ทำคำร้องโต้แย้งเข้ามาใหม่ภายในกำหนดระยะเวลาดังกล่าว จึงต้องถือว่าจำเลยมิได้โต้แย้งคำสั่งที่ให้งดสืบพยาน คำสั่งดังกล่าวเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาเมื่อจำเลยมิได้โต้แย้งไว้ย่อมไม่อาจอุทธรณ์ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6892/2540
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การงดสืบพยานและการโต้แย้งคำสั่งศาล การที่จำเลยอ้างเหตุสุดวิสัยทำให้ไม่สามารถมาศาลได้ทันเวลา ถือเป็นการโต้แย้งคำสั่งศาลได้
หลังจากศาลชั้นต้นมีคำสั่งงดสืบพยานจำเลยทั้งสามในวันเดียวกันนั้นจำเลยที่ 3 ก็ได้ยื่นคำร้องชี้แจงเหตุผลในการที่จำเลยทั้งสามมีความจำเป็นจะต้องขอเลื่อนการสืบพยานเนื่องจากในระหว่างเดินทางมาศาล ได้เกิดอุบัติเหตุรถยนต์บรรทุกสิบล้อชนกับรถยนต์บรรทุกหกล้อเป็นเหตุให้ขวางการจราจร ทำให้รถยนต์ประจำทางที่จำเลยที่ 3 นั่งมาเสียเวลาและจำเลยที่ 3 เดินทางมาถึงศาลเวลา 9.40 น.ทั้งเสียเวลาหาห้องพิจารณาคดี จึงรออยู่จนทนายจำเลยทั้งสามมาพบ ขอให้ศาลนำคดีขึ้นพิจารณาใหม่เพื่อให้โอกาสจำเลยนำพยานเข้าสืบต่อสู้คดี กรณีเช่นนี้ถือว่าจำเลยที่ 3ได้โต้แย้งคัดค้านคำสั่งศาลชั้นต้นไว้แล้ว จำเลยที่ 3จึงอุทธรณ์ฎีกาได้ ส่วนจำเลยที่ 1 และที่ 2 นั้น ปรากฏว่าเมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่อนุญาตให้จำเลยทั้งสามเลื่อนคดีและถือว่าจำเลยทั้งสามไม่มีพยานมาสืบ งดสืบพยานจำเลยทั้งสามนั้นเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา จำเลยที่ 1 และที่ 2มิได้โต้แย้งคำสั่งดังกล่าวของศาลชั้นต้นไว้ทั้งที่มีโอกาสจะโต้แย้งได้ จึงต้องห้ามมิให้อุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 226
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5705/2540
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หน้าที่นำสืบ-การโต้แย้งคำสั่งศาล-ผิดสัญญาซื้อขาย: ศาลฎีกาวินิจฉัยการไม่โต้แย้งคำสั่งหน้าที่นำสืบ และการบอกเลิกสัญญาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
จำเลยยื่นคำร้องเมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2535 ขอให้ศาลชั้นต้นกำหนดหน้าที่นำสืบใหม่โดยให้โจทก์เป็นฝ่ายนำสืบก่อนแต่ศาลชั้นต้นไม่สั่งแก้ไขให้โดยสั่งคำร้อง ของ จำเลยดังกล่าวว่า"สำเนาให้โจทก์ รวม" คำสั่งศาลชั้นต้นดังกล่าวมีความหมายว่าไม่มีเหตุที่จะเปลี่ยนแปลงหน้าที่นำสืบตามที่กำหนดไว้ในวันชี้สองสถาน ดังนี้ถือว่าได้ว่าเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาจำเลยต้องโต้แย้งคำสั่งดังกล่าวจึงจะมีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งนั้นได้ภายในกำหนด 1 เดือน นับแต่วันที่ศาลได้มีคำพิพากษาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 226(2) ส่วนท้ายคำร้อง ของ จำเลยที่มีข้อความว่า หากศาลไม่เห็นพ้อง ด้วยกับคำร้องขอให้เปลี่ยนหน้าที่นำสืบ จำเลยขอถือว่าเป็นการแถลงคัดค้านคำสั่งศาลนั้น ไม่ถือเป็นการโต้แย้งคำสั่งศาลชั้นต้น เพราะขณะที่จำเลยยื่นคำร้อง ศาลยังไม่ได้มีคำสั่งว่าให้เปลี่ยนหน้าที่นำสืบใหม่หรือไม่ การระบุในคำร้อง ของ จำเลยเช่นนั้นเป็นเพียงการแสดงความประสงค์ของจำเลยไว้ล่วงหน้าก่อนศาลชั้นต้นจะมีคำสั่ง ถือไม่ได้ว่าเป็นการโต้แย้งคำสั่งระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้นที่กำหนดหน้าที่นำสืบให้จำเลยนำสืบก่อน จำเลยจึงไม่มีสิทธิอุทธรณ์ในข้อนี้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 477/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประวิงคดีและการโต้แย้งคำสั่งศาล: ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าการยื่นคำร้องขอเลื่อนสืบพยานโดยมีเหตุผลทางการแพทย์และการชี้แจงเพิ่มเติม ถือเป็นการโต้แย้งคำสั่งศาลแล้ว
ในวันนัดสืบพยานโจทก์เป็นครั้งแรก โจทก์ยื่นคำร้องว่าทนายป่วยมาศาลไม่ได้ พร้อมทั้งส่งใบรับรองแพทย์เป็นหลักฐาน ปรากฏว่าโจทก์มิได้ขอให้ศาลออกหมายเรียกพยานไว้ และวันสืบพยานนั้นตัวโจทก์เดินทางไปต่างจังหวัด ศาลสอบถามจำเลย จำเลยแถลงว่าแล้วแต่ศาลจะเห็นสมควร ตามพฤติการณ์ทั้งหมดนี้ยังฟังไม่ได้ว่าโจทก์แกล้งประวิงคดี
เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่อนุญาตให้เลื่อนสืบพยานโจทก์ และถือว่าโจทก์ไม่มีพยานนำสืบ โจทก์ได้ยื่นคำร้องชี้แจงเหตุผลในการที่โจทก์มีความจำเป็นที่จะต้องขอเลื่อนการสืบพยาน ขอให้ศาลนัดไต่สวนและมีคำสั่งให้โจทก์เข้าสืบ เช่นนี้ ถือได้ว่าโจทก์ได้โต้แย้งคำสั่งศาลชั้นต้นไว้แล้ว โจทก์อุทธรณ์ฎีกาได้
เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่อนุญาตให้เลื่อนสืบพยานโจทก์ และถือว่าโจทก์ไม่มีพยานนำสืบ โจทก์ได้ยื่นคำร้องชี้แจงเหตุผลในการที่โจทก์มีความจำเป็นที่จะต้องขอเลื่อนการสืบพยาน ขอให้ศาลนัดไต่สวนและมีคำสั่งให้โจทก์เข้าสืบ เช่นนี้ ถือได้ว่าโจทก์ได้โต้แย้งคำสั่งศาลชั้นต้นไว้แล้ว โจทก์อุทธรณ์ฎีกาได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 477/2511
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประวิงคดีและการโต้แย้งคำสั่งศาล: โจทก์มีสิทธิอุทธรณ์ฎีกาได้ แม้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าไม่มีพยาน
ในวันนัดสืบพยานโจทก์ครั้งแรก โจทก์ยื่นคำร้องว่าทนายป่วยมาศาลไม่ได้.พร้อมทั้งส่งใบรับรองแพทย์เป็นหลักฐาน. ปรากฏว่าโจทก์มิได้ขอให้ศาลออกหมายเรียกพยานไว้. และวันสืบพยานนั้นตัวโจทก์เดินทางไปต่างจังหวัด. ศาลสอบถามจำเลย จำเลยแถลงว่าแล้วแต่ศาลจะเห็นสมควร. ตามพฤติการณ์ทั้งหมดนี้ยังฟังไม่ได้ว่าโจทก์แกล้งประวิงคดี.
เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่อนุญาตให้เลื่อนสืบพยานโจทก์.และถือว่าโจทก์ไม่มีพยานนำสืบ. โจทก์ได้ยื่นคำร้องชี้แจงเหตุผลในการที่โจทก์มีความจำเป็นที่จะต้องขอเลื่อนการสืบพยาน. ขอให้ศาลนัดไต่สวนและมีคำสั่งให้โจทก์เข้าสืบ. เช่นนี้ ถือได้ว่าโจทก์ได้โต้แย้งคำสั่งศาลชั้นต้นไว้แล้ว. โจทก์อุทธรณ์ฎีกาได้.
เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่อนุญาตให้เลื่อนสืบพยานโจทก์.และถือว่าโจทก์ไม่มีพยานนำสืบ. โจทก์ได้ยื่นคำร้องชี้แจงเหตุผลในการที่โจทก์มีความจำเป็นที่จะต้องขอเลื่อนการสืบพยาน. ขอให้ศาลนัดไต่สวนและมีคำสั่งให้โจทก์เข้าสืบ. เช่นนี้ ถือได้ว่าโจทก์ได้โต้แย้งคำสั่งศาลชั้นต้นไว้แล้ว. โจทก์อุทธรณ์ฎีกาได้.