พบผลลัพธ์ทั้งหมด 6 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7273/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การนำโทษที่รอการลงโทษในคดีก่อนมาพิจารณาลงโทษในคดีหลังได้ แม้ศาลจะไม่ได้ถูกแจ้งในคดีก่อน
ป.อ.มาตรา 58 วรรคหนึ่ง แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 10) พ.ศ.2532 ซึ่งใช้บังคับก่อนการกระทำผิดคดีนี้และคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1500/2537 ของศาลชั้นต้นบทบัญญัติดังกล่าวนี้แก้ไขและใช้บังคับพร้อมกับ ป.อ.มาตรา 56 วรรคสอง ซึ่งบัญญัติเงื่อนไขเพื่อคุมความประพฤติของผู้กระทำผิดในกรณีที่ศาลมีคำพิพากษาให้ลงโทษจำคุกจำเลย แต่ให้รอการกำหนดโทษหรือรอการลงโทษไว้ เมื่อมาตรา58 วรรคหนึ่ง กับมาตรา 56 วรรคสอง มีการแก้ไขพร้อมกันแสดงว่ามีเจตนาจะให้สอดคล้องกัน ทั้งนี้เพื่อป้องกันมิให้จำเลยกระทำความผิดอีก แม้ว่า ป.วิ.อ.มาตรา 192 วรรคหนึ่ง จะได้บัญญัติว่า ห้ามมิให้พิพากษาหรือสั่งเกินคำขอหรือที่มิได้กล่าวในฟ้องก็ตาม เมื่อ ป.วิ.อ.เป็นกฎหมายวิธีสบัญญัติ ย่อมจะต้องไม่ขัดต่อป.อ.ซึ่งเป็นกฎหมายสารบัญญัติ เช่นเมื่อ ป.อ.บัญญัติเกี่ยวกับเรื่องโทษไว้อย่างไรการพิพากษาคดีย่อมจะต้องอาศัย ป.อ.ในการกำหนดโทษมิให้ผิดไปจากที่ ป.อ.บัญญัติไว้ เช่นนี้ย่อมตีความ ป.อ.มาตรา 58 วรรคหนึ่งได้ว่า แม้ความปรากฏแก่ศาลเองก็ให้ศาลที่พิจารณาพิพากษาคดีหลังปฏิบัติตาม แต่สำหรับกรณีที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้พนักงานคุมประพฤติสืบเสาะและพินิจข้อเท็จจริงเกี่ยวกับประวัติการกระทำผิดของจำเลยก่อนที่ศาลพิพากษา เมื่อพนักงานคุมประพฤติรายงานว่าจำเลยเคยมีประวัติถูกศาลชั้นต้นพิพากษาให้ลงโทษจำเลยในความผิดต่อ พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษลงโทษจำคุกและปรับ โทษจำคุกให้รอไว้มีกำหนด 2 ปี และกำหนดเงื่อนไขเพื่อคุมความประพฤติจำเลย โดยให้จำเลยมารายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติทุก3 เดือนต่อครั้งภายในกำหนดระยะเวลา 1 ปี และให้จำเลยเว้นจากการเกี่ยวข้องกับยาเสพติดให้โทษ หรือมีพฤติการณ์เกี่ยวข้องกับสิ่งผิดกฎหมายใด ๆ แต่หลังจากที่ศาลมีคำพิพากษาแล้ว จำเลยมีพฤติการณ์เกี่ยวข้องกับยาเสพติดทั้งได้ยอมรับต่อพนักงานคุมประพฤติว่ายังคงเกี่ยวข้องกับยาเสพติดให้โทษอยู่ ซึ่งรายงานดังกล่าวถือว่าเป็นรายงานที่เป็นผลร้ายต่อจำเลย ศาลชั้นต้นปฏิบัติตาม พ.ร.บ.วิธีดำเนินการคุมความประพฤติตามประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ.2522 มาตรา 13 กล่าวคือแจ้งรายงานนั้นให้จำเลยทราบ จำเลยแถลงไม่คัดค้าน เป็นการยอมรับข้อเท็จจริงตามรายงาน รายงานดังกล่าวมีลักษณะเช่นเดียวกับคำแถลงของเจ้าพนักงานตาม ป.อ.มาตรา 58 ที่แก้ไขแล้ว ศาลจึงนำโทษที่รอไว้ในคดีก่อนมาบวกโทษในคดีหลังได้ในกรณีที่ศาลคดีหลังพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 764/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบวกโทษที่รอการลงโทษตามมาตรา 58 ต้องมีคำขอในฟ้อง แม้มิใช่บทบัญญัติที่ต้องอ้างในฟ้อง
การที่ศาลจะบอกโทษที่รอการลงโทษไว้ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 58 ได้นั้น ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามิได้บัญญัติไว้โดยตรงว่าให้กล่าวในฟ้อง และมีคำขออย่างไร ต่างกับขอให้เพิ่มโทษ แต่มาตรา 192 ก็ห้ามมิให้พิพากษาหรือสั่งเกินคำขอหรือที่มิได้กล่าวในฟ้อง ฉะนั้น โจทก์ต้องกล่าวมาในฟ้องและมีคำขอมาด้วย แต่มาตรา 58 นี้มิใช่เป็นมาตราที่บัญญัติว่าเป็นการกระทำความผิดอันจำต้องอ้างมาตราในฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 158(6) ดังนั้น เมื่อโจทก์ได้กล่าวมาในฟ้องและมีคำขอแล้ว โจทก์จะอ้างมาตรา 58 หรือไม่ ศาลก็บวกโทษที่รอการลงโทษไว้เข้ากับโทษในคดีหลังได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 980/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิ่มโทษและรวมโทษที่รอการลงโทษ จำเป็นต้องมีคำขอจากโจทก์
ในกรณีที่จำเลยเคยต้องคำพิพากษาให้ลงโทษจำคุกและปรับ แต่โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ แล้วจำเลยมากระทำความผิดอีกเมื่อโจทก์ขอให้เพิ่มโทษจำเลยในคดีหลัง แต่มิได้ขอให้เอาโทษที่รอมาบวกด้วยนั้น แม้เพิ่มโทษจำเลยไม่ได้ ก็จะเอาโทษที่รอไว้มาบวกไม่ได้ เพราะโจทก์มิได้มีคำขอ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 980/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิ่มโทษและรวมโทษที่รอการลงโทษ จำเป็นต้องมีคำขอจากโจทก์
ในกรณีที่จำเลยเคยต้องคำพิพากษาให้ลงโทษจำคุกและปรับแต่โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ แล้วจำเลยมากระทำความผิดอีก เมื่อโจทก์ขอให้เพิ่มโทษจำเลยในคดีหลัง แต่มิได้ขอให้เอาโทษที่รอมาบวกด้วยนั้นแม้เพิ่มโทษจำเลยไม่ได้ ก็จะเอาโทษที่รอไว้มาบวกไม่ได้ เพราะโจทก์มิได้มีคำขอ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1131/2501 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบวกโทษที่รอการลงโทษต้องพิจารณาช่วงเวลาการกระทำผิด หากกระทำผิดก่อนศาลพิพากษาคดีที่รอการลงโทษ จะบวกโทษไม่ได้
จำเลยถูกฟ้อง 2 คดี คดีที่ศาลพิพากษาเสร็จก่อนนั้น ศาลรอการลงโทษไว้ ส่วนอีกคดีหนึ่งตัดสินภายหลังศาลลงโทษจำเลย เช่นนี้ศาลจะเอาโทษที่รอไว้ในคดีที่ตัดสินก่อน มาบวกกับโทษในคดีที่ตัดสินภายหลังไม่ได้เพราะการกระทำผิดในคดีที่ตัดสินภายหลังนี้เกิดขึ้นก่อนศาลพิพากษาคดีที่เสร็จก่อน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1891/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พ.ร.บ.ล้างมลทิน 2499: ผลต่อการเพิ่มโทษผู้เคยต้องโทษจำคุก และการนำโทษที่รอการลงโทษมารวม
จำเลยที่ต้องคำพิพากษาให้เพิ่มโทษมาตั้งแต่ยังไม่มี พ.ร.บ. ล้างมลทิน 2499 นั้น ต่อมามี พ.ร.บ.ล้างมลทิน 2499 จำเลยที่ฎีกา แม้จะไม่ได้ฎีกาในข้อนี้ ศาลฎีกาก็หยิบยกขึ้นวินิจฉัยไม่เพิ่มโทษจำเลยนั้นได้
พ.ร.บ.ล้างมลทิน 2499 ม.3 ย่อมไม่มีความหมายกินถึงผู้ที่รอการลงโทษไว้ตามกฎหมายลักษณะอาญา ม.41 และประมวลกฎหมายอาญา ม.56 .
พ.ร.บ.ล้างมลทิน 2499 ม.3 ย่อมไม่มีความหมายกินถึงผู้ที่รอการลงโทษไว้ตามกฎหมายลักษณะอาญา ม.41 และประมวลกฎหมายอาญา ม.56 .