พบผลลัพธ์ทั้งหมด 3 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3833/2547
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำกัดการใช้ พ.ร.บ.ฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด หลังฟ้องคดี และพิจารณาโทษร้ายแรงจากการเสพยาขณะขับรถ
พ.ร.บ.ฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดฯ มาตรา 19 วรรคหนึ่ง บัญญัติไว้เพื่อให้ผู้ต้องหาที่มีคุณสมบัติตามกฎหมายได้เข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด แต่บทบัญญัติของกฎหมายนี้เป็นกรณีที่กำหนดให้มีการดำเนินการก่อนฟ้องผู้ต้องหาต่อศาลไม่อาจนำมาใช้บังคับแก่ผู้ถูกฟ้องเป็นจำเลยต่อศาลแล้ว ดังนั้น ไม่ว่ากระบวนการตาม พ.ร.บ.ฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดฯ จะเป็นคุณแก่จำเลยเพียงใด บทบัญญัติของกฎหมายดังกล่าวก็ไม่เปิดช่องให้นำมาใช้บังคับแก่จำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4541/2543
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดพยายามขายเมทแอมเฟตามีนและมีไว้ในครอบครอง ศาลฎีกายืนโทษฐานร้ายแรงต่อสังคม
จำเลยที่ 2 รับธนบัตรจากสายลับที่มาล่อซื้อเมทแอมเฟตามีนแล้วติดต่อให้จำเลยที่ 1 ซึ่งมีเมทแอมเฟตามีนของกลาง 5 เม็ดมายังหอพักที่เกิดเหตุ โดยเดินทางมาถึงพร้อมกัน พฤติการณ์ดังกล่าวบ่งชี้ว่าจำเลยทั้งสองร่วมกันขายเมทแอมเฟตามีนแก่สายลับโดย จำเลยที่ 2 ตกลงขายและรับเงิน แล้วติดต่อให้จำเลยที่ 1 นำ เมทแอมเฟตามีนมาส่งมอบแก่สายลับ เมื่อจำเลยทั้งสองมาถึงบริเวณหน้าหอพัก เจ้าพนักงานตำรวจเข้าแสดงตัวและจับกุม การซื้อขายเมทแอมเฟตามีนระหว่างจำเลยทั้งสองกับสายลับจึงไม่สำเร็จบริบูรณ์ เป็นความผิดฐานพยายามขายเมทแอมเฟตามีนของกลาง และฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองโดยไม่รับอนุญาต
การกระทำผิดฐานขายเมทแอมเฟตามีน เป็นความผิดร้ายแรงด้วยส่งผลให้เกิดความเสียหายต่อเศรษฐกิจและสังคมของประเทศเป็นต้นเหตุให้เกิดความเสื่อมโทรมของสังคม บ่อนทำลายสถาบันครอบครัวและวัฒนธรรมอันดีงามของชาติเป็นภัยร้ายแรงที่แพร่ระบาดในหมู่เยาวชนที่อยู่ในวัยศึกษายากแก่การปราบปรามแก้ไข จำเลยทั้งสองเป็นนักศึกษา ย่อมรู้ถึงพิษภัยร้ายแรงดังกล่าว แต่กลับร่วมกระทำผิดในลักษณะที่ช่วยให้เมทแอมเฟตามีนแพร่กระจายเข้าไปในกลุ่มนักศึกษาและหอพักนักศึกษาได้รวดเร็วยิ่งขึ้น จึงไม่มีเหตุอันควรแก่การปรานี ที่ศาลล่างทั้งสองไม่รอการลงโทษเหมาะสมแล้ว
การกระทำผิดฐานขายเมทแอมเฟตามีน เป็นความผิดร้ายแรงด้วยส่งผลให้เกิดความเสียหายต่อเศรษฐกิจและสังคมของประเทศเป็นต้นเหตุให้เกิดความเสื่อมโทรมของสังคม บ่อนทำลายสถาบันครอบครัวและวัฒนธรรมอันดีงามของชาติเป็นภัยร้ายแรงที่แพร่ระบาดในหมู่เยาวชนที่อยู่ในวัยศึกษายากแก่การปราบปรามแก้ไข จำเลยทั้งสองเป็นนักศึกษา ย่อมรู้ถึงพิษภัยร้ายแรงดังกล่าว แต่กลับร่วมกระทำผิดในลักษณะที่ช่วยให้เมทแอมเฟตามีนแพร่กระจายเข้าไปในกลุ่มนักศึกษาและหอพักนักศึกษาได้รวดเร็วยิ่งขึ้น จึงไม่มีเหตุอันควรแก่การปรานี ที่ศาลล่างทั้งสองไม่รอการลงโทษเหมาะสมแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1904/2540
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานปลอมและใช้เอกสารสิทธิ มีโทษร้ายแรง แม้ผู้เสียหายถอนฟ้องฉ้อโกง ความผิดฐานปลอมแปลงเอกสารยังคงอยู่
การที่จำเลยปลอมโฉนดซึ่งเป็นเอกสารราชการตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา266(1)เป็นความผิดที่มีโทษจำคุกขั้นสูงถึงสิบปีพฤติการณ์ที่จำเลยปลอมโฉนดและนำโฉนดที่จำเลยปลอมไปหลอกลวงกู้เงินโจทก์ร่วมถึง600,000บาทนั้นมีลักษณะเป็นภัยร้ายแรงต่อโจทก์ร่วมและสุจริตชนโดยทั่วไปซึ่งมิใช่วิสัยของคนที่เคยเป็นสมาชิกสภาจังหวัดมาเป็นเวลาถึง5ปีเช่นจำเลยจักพึงกระทำแม้จำเลยจะใช้ค่าเสียหายเป็นที่พอใจจนโจทก์ร่วมถอนคำร้องทุกข์ในความผิดฐานฉ้อโกงไปแล้วก็มีผลเพียงแต่ทำให้สิทธินำคดีอาญามาฟ้องในข้อหาฉ้อโกงระงับสิ้นไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา39(2)เท่านั้นแต่ความผิดฐานปลอมและใช้เอกสารสิทธิอันเป็นเอกสารราชการปลอมซึ่งจำเลยกระทำนั้นหาได้ระงับไปด้วยไม่พฤติการณ์แห่งคดีจึงไม่มีเหตุสมควรรอการลงโทษให้จำเลย