พบผลลัพธ์ทั้งหมด 5 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 52/2540 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนหุ้นแบบโอนลอย: เจตนาคู่กรณีและผลทางกฎหมาย
หุ้นพิพาทเป็นส่วนหนึ่งของหุ้นทั้งหมดที่จำเลยได้ลงชื่อในแบบโอนลอยให้แก่ ธ.ไป หาก ธ.ประสงค์ต้องการมีชื่อเป็นผู้ถือหุ้น ก็จะต้องลงลายมือชื่อเป็นผู้รับโอนแล้วไปแก้ทะเบียนรายชื่อผู้ถือหุ้นตามระเบียบได้ และถ้า ธ.ไม่ต้องการมีรายชื่อเป็นผู้ถือหุ้น ธ.สามารถโอนหุ้นดังกล่าวให้แก่บุคคลอื่นต่อไปได้ เมื่อปรากฏต่อมาอีกว่า ธ.ได้แบ่งโอนหุ้นบางส่วนให้แก่บุตรสาวคนหนึ่งซึ่งได้ดำเนินการเปลี่ยนและโอนใบหุ้นเป็นชื่อของตนแล้ว จึงเป็นเครื่องชี้ให้เห็นชัดว่า การโอนหุ้นระหว่างจำเลยและ ธ.แบบโอนลอยนั้น คู่กรณีมีเจตนามุ่งให้ความสะดวกเป็นประโยชน์แก่ผู้รับโอนที่จะเลือกปฏิบัติได้ว่า หากประสงค์จะมีชื่อเป็นผู้ถือหุ้นเป็นการโอนที่เสร็จเด็ดขาดก็จะต้องปฏิบัติตามแบบแห่งกฎหมายให้ถูกต้องต่อไป แต่หากยังไม่ประสงค์จะให้มีผลเสร็จเด็ดขาด ก็อาจโอนลอยต่อให้บุคคลอื่นไปปฏิบัติต่อไปได้ กล่าวโดยชัดแจ้งคือ เป็นการแบ่งขั้นตอนการปฏิบัติตามแบบแห่งนิติกรรมที่กฎหมายกำหนดโดยฝ่ายจำเลยผู้โอนได้ปฏิบัติตามขั้นตอนฝ่ายตนแล้วมอบให้ฝ่ายผู้รับโอนไปเลือกปฏิบัติภายหลังให้เสร็จสมบูรณ์ต่อไปโดยลำพังได้ การโอนลอยหุ้นให้แก่ ธ.จึงเป็นเพียงขั้นตอนที่จำเลยได้ปฏิบัติหน้าที่ฝ่ายของตนแล้วเป็นขั้นตอนแรกเท่านั้น ยังมิได้เป็นขั้นตอนการโอนที่เสร็จเด็ดขาด และความมุ่งหมายของ ป.พ.พ.มาตรา 1129วรรคสอง ที่บัญญัติว่า การโอนหุ้นชนิดระบุชื่อ ถ้ามิได้ทำเป็นหนังสือและลงลายมือชื่อของผู้โอนกับผู้รับโอน มีพยานคนหนึ่งอย่างน้อยลงชื่อรับรองลายมือชื่อเป็นโมฆะนั้นเป็นการกำหนดแบบของการโอนหุ้นว่าจะต้องทำอย่างไรจึงจะได้มีหลักฐานการโอนที่แน่นอนเท่านั้น หาใช่เป็นแบบของการซื้อขายหุ้นไม่ ผู้ซื้อหุ้นที่มิได้ทำการโอนให้ถูกต้องตามบทบัญญัติดังกล่าว ยังไม่อาจอ้างว่าเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัท ยังไม่อาจใช้สิทธิในฐานะผู้ถือหุ้นในบริษัทตามที่ ป.พ.พ.บัญญัติไว้เท่านั้น จึงมิอาจถือเป็นการขัดต่อกฎหมายและตกเป็นโมฆะไม่ โจทก์ซึ่งเป็นผู้รับโอนต่อในช่วงสุดท้ายยังอยู่ในฐานะผู้รับโอนสิทธิในหุ้นพิพาทที่จะดำเนินการตามขั้นตอนต่อไปตามกฎหมายได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 52/2540 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนหุ้นแบบโอนลอย: เจตนาคู่กรณีและผลทางกฎหมายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
การโอนหุ้นระหว่างจำเลยและธ. แบบโอนลอยนั้นคู่กรณีมีเจตนามุ่งให้ความสะดวกเป็นประโยชน์แก่ผู้รับโอนที่จะเลือกปฏิบัติได้ว่าหากประสงค์จะมีชื่อเป็นผู้ถือหุ้นเป็นการโอนที่เสร็จเด็ดขาดก็ต้องปฏิบัติตามแบบแห่งกฎหมายให้ถูกต้องแต่หากยังไม่ประสงค์จะให้มีผลเสร็จเด็ดขาดก็อาจโอนลอยต่อให้บุคคลอื่นไปปฏิบัติได้ซึ่งเป็นการแบ่งขั้นตอนปฏิบัติตามแบบแห่งนิติกรรมที่กฎหมายกำหนดการโอนลอยหุ้นให้แก่ธ. จึงเป็นเพียงขั้นตอนที่จำเลยได้ปฏิบัติหน้าที่ฝ่ายของตนเป็นขั้นตอนแรกแล้วเท่านั้นยังมิได้เป็นการโอนที่เสร็จเด็ดขาดซึ่งความมุ่งหมายของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1129วรรคสองเป็นการกำหนดแบบของการโอนหุ้นว่าจะต้องทำอย่างไรจึงจะมีหลักฐานการโอนที่แน่นอนหาใช่เป็นแบบของการซื้อขายหุ้นไม่ดังนั้นผู้ถือหุ้นที่มิได้ทำการโอนให้ถูกต้องตามบทบัญญัติดังกล่าวจึงยังไม่อาจอ้างว่าเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทและไม่อาจใช้สิทธิในฐานะผู้ถือหุ้นในบริษัทตามที่ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์บัญญัติไว้เท่านั้นหาอาจถือเป็นการขัดต่อกฎหมายและตกเป็นโมฆะไม่โจทก์ซึ่งเป็นผู้รับโอนต่อในช่วงสุดท้ายยังคงอยู่ในฐานะเป็นผู้รับโอนสิทธิในหุ้นพิพาทที่จะดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 426/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อขายหุ้นแบบโอนลอยไม่ขัดกฎหมาย หากมีเจตนาซื้อขายเพื่อหากำไร ไม่ใช่การพนัน
โจทก์ซึ่งเป็นสมาชิกตลาดหลักทรัพย์เคยซื้อหุ้นตามคำสั่งของจำเลยและได้โอนหุ้นให้โดยยังไม่ได้ใส่ชื่อจำเลยหรือที่เรียกว่าโอนลอยให้แก่จำเลยหลายครั้งจำเลยไม่เคยทักท้วงการกระทำดังกล่าวแสดงอยู่ว่าคู่กรณีซื้อขายหุ้นกันเพื่อประสงค์จะขายต่อไปในทันทีในเมื่อมีกำไรไม่ประสงค์จะซื้อเก็บไว้เป็นกรรมสิทธิ์อย่างจริงจังนิติกรรมดังกล่าวระหว่างโจทก์จำเลยจึงไม่เป็นการขัดต่อกฎหมายและไม่ใช่เป็นการพนันขันต่อแต่อย่างใด.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 426/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อขายหุ้นโดยโอนลอยเพื่อแสวงหากำไร ไม่เข้าข่ายพนันขันต่อหรือไม่
โจทก์ซึ่งเป็นสมาชิกตลาดหลักทรัพย์เคยซื้อหุ้นตามคำสั่งของจำเลยและได้โอนหุ้นให้โดยยังไม่ได้ใส่ชื่อจำเลยหรือที่เรียกว่าโอนลอยให้แก่จำเลยหลายครั้งจำเลยไม่เคยทักท้วงการกระทำดังกล่าวแสดงอยู่ว่าคู่กรณีซื้อขายหุ้นกันเพื่อประสงค์จะขายต่อไปในทันทีในเมื่อมีกำไรไม่ประสงค์จะซื้อเก็บไว้เป็นกรรมสิทธิ์อย่างจริงจังนิติกรรมดังกล่าวระหว่างโจทก์จำเลยจึงไม่เป็นการขัดต่อกฎหมายและไม่ใช่เป็นการพนันขันต่อแต่อย่างใด.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1555/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อขายหุ้นผ่านตัวแทนและการรับผิดชอบในหนี้จากการซื้อขายหุ้นโดยการโอนลอย
จำเลยตั้งโจทก์เป็นตัวแทนในการซื้อขายหุ้น ย่อมมี ความ ผูกพันต่อโจทก์ตามสัญญาตัวแทน เมื่อโจทก์ออกเงินทดรอง ซื้อหุ้นในตลาดหลักทรัพย์แทนจำเลยอันเป็นการจัดทำกิจการ ตามที่จำเลยมอบหมาย โจทก์ย่อมมีสิทธิที่จะเรียกเอา เงินชดใช้ จากจำเลยซึ่งเป็นตัวการได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 816การที่จำเลยลงลายมือชื่อสั่งจ่ายเช็คให้โจทก์เพื่อชำระหนี้ ที่โจทก์ออก เงินทดรองไป จึงเป็นการชำระหนี้ที่มีมูลหนี้โดย ชอบด้วยกฎหมายเมื่อโจทก์เรียกเก็บเงินไม่ได้ จำเลยจึง ต้องรับผิดใช้เงินตามเช็คพร้อมด้วยดอกเบี้ย
แบบการโอนหุ้น ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1129วรรคสองใช้บังคับเฉพาะการโอนหุ้นชนิดระบุชื่อ ลงในใบหุ้น เท่านั้น ส่วนหุ้นที่ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์จะเป็นหุ้น ชนิดใดไม่ปรากฏจะอนุมานเอาว่าเป็นหุ้นชนิดระบุชื่อ ลงในใบหุ้น ซึ่งตกอยู่ในบังคับแห่งบทบัญญัติดังกล่าวหาได้ ไม่
การที่จำเลยตั้งโจทก์เป็นตัวแทนซื้อขายหุ้นใน ตลาดหลักทรัพย์ซึ่งมีวิธีปฏิบัติปกติโดยการโอนลอยเมื่อโจทก์ซื้อ หุ้นใน ตลาดหลักทรัพย์แทนจำเลยโดยดำเนินตามทางที่เคยทำกัน มา ย่อมเป็นการปฏิบัติหน้าที่ตัวแทนโดยชอบ จำเลยซึ่ง เป็นตัวการจะต้องรับสนองในผลแห่งการกระทำของโจทก์ถึงหากนิติกรรมการซื้อหุ้นจะตกเป็นโมฆะ จำเลยก็ต้องรับ ผลแห่งการนั้น จะยกมาเป็นข้ออ้างเพื่อปฏิเสธไม่ชำระหนี้ ที่โจทก์ออกเงินทดรองไปในการจัดทำกิจการแทนจำเลยหาได้ไม่
แบบการโอนหุ้น ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1129วรรคสองใช้บังคับเฉพาะการโอนหุ้นชนิดระบุชื่อ ลงในใบหุ้น เท่านั้น ส่วนหุ้นที่ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์จะเป็นหุ้น ชนิดใดไม่ปรากฏจะอนุมานเอาว่าเป็นหุ้นชนิดระบุชื่อ ลงในใบหุ้น ซึ่งตกอยู่ในบังคับแห่งบทบัญญัติดังกล่าวหาได้ ไม่
การที่จำเลยตั้งโจทก์เป็นตัวแทนซื้อขายหุ้นใน ตลาดหลักทรัพย์ซึ่งมีวิธีปฏิบัติปกติโดยการโอนลอยเมื่อโจทก์ซื้อ หุ้นใน ตลาดหลักทรัพย์แทนจำเลยโดยดำเนินตามทางที่เคยทำกัน มา ย่อมเป็นการปฏิบัติหน้าที่ตัวแทนโดยชอบ จำเลยซึ่ง เป็นตัวการจะต้องรับสนองในผลแห่งการกระทำของโจทก์ถึงหากนิติกรรมการซื้อหุ้นจะตกเป็นโมฆะ จำเลยก็ต้องรับ ผลแห่งการนั้น จะยกมาเป็นข้ออ้างเพื่อปฏิเสธไม่ชำระหนี้ ที่โจทก์ออกเงินทดรองไปในการจัดทำกิจการแทนจำเลยหาได้ไม่