คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ใช้ถนน

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2231/2540 เวอร์ชัน 5 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การตีความสัญญาประนีประนอมยอมความ: ค่าตอบแทนการใช้ถนนและประโยชน์ที่ได้รับ
การตีความสัญญาต้องตีความไปตามความประสงค์ในทางสุจริตโดยพิเคราะห์ถึงปกติประเพณีด้วย ตาม ป.พ.พ.มาตรา 368
สาเหตุที่จำเลยจำต้องปิดถนนอันเป็นมูลเหตุให้โจทก์ทั้งสี่ฟ้องร้องเป็นคดีนี้เกิดจากการที่โจทก์ทั้งสี่ขนวัสดุก่อสร้างเข้าไปปลูกสร้างบ้านและอาคารในที่ดินของโจทก์ทั้งสี่ตามแผนที่ท้ายฟ้องผ่านถนนของจำเลยโดยไม่ได้จ่ายค่าตอบแทนให้แก่จำเลยและทำให้ถนนของจำเลยได้รับความเสียหาย เมื่อโจทก์ทั้งสี่เสนอจะซ่อมแซมถนนและจ่ายเงินเป็นค่าตอบแทนในการใช้ถนนให้ จำเลยจึงยอมทำสัญญาประนีประนอม-ยอมความ และเปิดถนนให้โจทก์ทั้งสี่ใช้ประโยชน์ตามเดิม ดังนั้น วัตถุประสงค์ของการทำสัญญาประนีประนอมยอมความก็เพื่อให้จำเลยได้รับค่าตอบแทนจากการขนวัสดุก่อสร้างผ่านถนนของจำเลยเข้าไปปลูกสร้างในที่ดินตามแผนที่ท้ายฟ้อง ไม่ว่าโจทก์ทั้งสี่จะดำเนินการเองหรือให้บุคคลอื่นทำก็ตาม เมื่อโจทก์ทั้งสี่ได้รับประโยชน์ก็ต้องจ่ายเงินค่าตอบแทนจากการใช้ถนนให้แก่จำเลยทั้งนั้น และการที่โจทก์ทั้งสี่ขายที่ดินตามแผนที่ท้ายฟ้องให้บุคคลอื่นปลูกบ้านนั้น ย่อมถือเสมือนว่าโจทก์ทั้งสี่จัดให้มีการปลูกสร้างในที่ดินตามแผนที่ท้ายฟ้อง และโจทก์ทั้งสี่ก็ได้รับผลประโยชน์จากการขายที่ดิน ถือว่าโจทก์ทั้งสี่ได้รับประโยชน์ตามเงื่อนไขในสัญญาประนีประนอมยอมความแล้ว จึงต้องจ่ายเงินค่าตอบแทนให้แก่จำเลยตามสัญญาประนีประนอมยอมความ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1818/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คดีแพ่งเกี่ยวเนื่องคดีอาญา: สัญญาต่างตอบแทนการใช้ถนน ไม่ใช่ฟ้องโดยอาศัยมูลคดีอาญาโดยตรง
ข้อเท็จจริงในคดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา ซึ่งศาลจำต้องถือตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญานั้น คือข้อเท็จจริงอันเป็นความผิดของอาญาที่ผู้กระทำความผิดจะต้องรับผิดในทางแพ่งโดยอาศัยมูลคดีอาญาในเรื่องนั้น ๆ โดยตรง
โจทก์ฟ้องคดีแพ่งก่อนคดีอาญา ตั้งประเด็นว่ามีสัญญาต่างตอบแทนในเรื่องการใช้ถนนร่วมกันระหว่างโจทก์จำเลยแต่จำเลยทำผิดสัญญา และกระทำละเมิด จึงขอให้ปฏิบัติตามสัญญาและใช้ค่าเสียหาย ทั้งยื่นคำร้องขอให้กำหนดวิธีการชั่วคราวก่อนคำพิพากษาชั้นไต่สวนคำร้อง เมื่อจำเลยเบิกความว่าไม่มีข้อตกลงในการใช้ถนนร่วมกัน โจทก์ได้ฟ้องจำเลยเป็นคดีอาญาว่าเบิกความเท็จในเรื่องนี้ แม้ข้อนำสืบในคดีแพ่งและคดีอาญา จะเป็นเรื่องเดียวกันว่ามีข้อตกลงกันอย่างไรจริงหรือไม่ก็ตาม ก็เห็นได้ว่ารูปคดีเช่นนี้หาใช่เป็นเรื่องคดีแพ่งที่ฟ้องโดยอาศัยมูลคดีอาญาโดยตรงไม่ กรณีจึงไม่อยู่ในบังคับประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 46