พบผลลัพธ์ทั้งหมด 4 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การร้องเรียนทุจริตและการหมิ่นประมาท: สิทธิในการร้องเรียน vs. การใส่ความเท็จ
จำเลยเป็นสมาชิกเทศบาล ทำหนังสือร้องเรียนต่อผู้ว่าราชการจังหวัดเกี่ยวกับเรื่องที่ภริยาของโจทก์ (โจทก์เป็นปลัดเทศบาล) ตั้งเบิกจ่ายค่าพาหนะเดินทางย้ายว่า'การเบิกจ่ายที่ผ่านไปได้ทั้งๆ ที่ไม่เป็นความจริง หรือการทุจริตนี้วิญญูชนก็ต้องเข้าใจว่าคงกระทำไปด้วยความแนะนำรู้เห็นเป็นใจของโจทก์ผู้เป็นสามีอย่างแน่นอน เพราะต่างก็ทำงานร่วมกันและอยู่ในบ้านพักเดียวกันการกระทำดังกล่าวนี้เป็นการผิดกฎหมายและวินัยของราชการอย่างร้ายแรง' และ'แทนที่โจทก์จะปฏิบัติหน้าที่และวางตนให้สมกับตำแหน่งโจทก์กลับจะกลายมาเป็นผู้แสวงหาประโยชน์จากเทศบาลโดยวิธีที่ไม่ชอบทั้งมีความประพฤติส่วนตัวที่ไม่สมควรมากมายหลายอย่าง จนพนักงานเทศบาลและประชาชนขาดความเคารพนับถือสำหรับความประพฤติส่วนตัวที่เลวร้ายของโจทก์นั้น จำเลยจะยังไม่ขอกล่าวในโอกาสนี้' ดังนี้ข้อความที่กล่าวว่าโจทก์มีความประพฤติเลวร้ายแต่มิได้กล่าวว่าเลวร้ายอย่างใดนั้นก็น่าจะเข้าใจได้ว่า การกระทำที่เป็นทุจริตอย่างจำเลยกล่าวหาโจทก์เป็นความประพฤติที่เลวร้ายได้และเมื่อปรากฏว่าคำร้องเรียนของจำเลยเป็นความจริงจำเลยก็ไม่ต้องรับโทษเพราะได้รับความยกเว้นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 330
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 539/2479
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใส่ความเท็จเพื่อทำให้ผู้อื่นถูกกล่าวหาว่าเป็นขโมย ถือเป็นความผิดฐานใส่ความเท็จ
จำเลยบังอาจลอบเอาแหวนซุกใส่ในกระเป๋าเจ้าพนักงานซึ่งเข้าไปทำการตรวจค้นที่บ้านจำเลยโดยสงสัยว่าจะมีของต้องห้าม ถือว่าการกระทำของจำเลยเป็นการใส่เท็จทำพะยานเพื่อให้เห็นว่าเจ้าพนักงานลักทรัพย์ดังนี้ จำเลยต้องมีผิดตามม.159 แต่ไม่มีผิดตาม ม.157 ประมวลวิธีพิจารณาอาญา ม.192 วิธีพิจารณาอาญาตัดสินไม่เกินคำขอ เมื่อโจทก์ขอให้ลงโทษจำเลยเพียงฐานพยายาม แม้จะปรากฎว่าเป็นความผิดสำเร็จ ศาลก็ลงโทษได้เพียงเท่าที่โจทก์ขอ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 935/2478
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใส่ความเท็จต่อสภาฯ และการหมิ่นประมาท แม้ผู้แทนราษฎรไม่ใช่เจ้าพนักงาน แต่การกล่าวต่อบุคคลอื่นถือเป็นความผิด
ยื่นเรื่องราวใส่ความเจ้าพนักงานหาว่ากระทำรายงานเท็จต่อสภาผู้แทนราษฎร ฯ จึงส่งเรื่องราวต่อ ๆ ไปยังเจ้าหน้าที่เพื่อทำการสอบสวน ปรากฎว่าไม่เป็นความจริงดังกล่าวหา ดังนี้ถือว่าได้กล่าวแก่บุคคลตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทแต่ไม่เป็นผิดฐานแจ้งความเท็จ เพราะผู้แทนราษฎรไม่มีหน้าที่ทางบริหาร ไม่ใช่เจ้าพนักงาน ศาลอุทธรณ์ +ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำคุกจำเลย 1 เดือน ปรับ 100 บาทตาม ม.284 แต่โทษจำให้รอไว้ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่า จำเลยมีผิดตาม ม.118 ให้จำคุก 1 เดือนดังนี้เป็นแก้มาก ประมวลวิธีพิจารณาอาญา ม.42 โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษตาม ม. 286 พิจารณาได้ความว่าจำเลยมีผิดตาม 284 ศาลลงโทษตาม มาตรานี้ได้ ศาลเดิมลงโทษตาม ม.284 โจทก์ไม่อุทธรณ์ในเรื่องวางบท ศาลอุทธรณ์แก้ลงโทษจำเลยตามมาตรา 118 จำเลยฎีกา เมื่อศาลฎีกาเห็นว่าการกระทำของจำเลยเป็นผิดตามมาตรา 284 ก็ย่อมลงโทษจำเลยตาม ม.284 ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1079/2475
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การหมิ่นประมาทพระสังฆราช: การใส่ความเท็จและการลงโทษตามกฎหมายอาญา
คำกล่าวว่าพระสังฆราชประพฤติผิดหลักธรรมผู้ใหญ่มีพระทัยริษยาอาธรรมถืออำนาจเป็นธรรมไม่ ทรงละอายแก่บาปดังนี้เป็นลักษณใส่ความหมิ่นประมาทตาม ม. 282 แลเมื่อจำเลยเอาข้อความนี้โฆษนาก็ต้องมีผิดตาม ม. 282 ตอนท้าย
วิธีพิจารณาอาชญา ทำผิดหลายบทศาลลงโทษแต่บทที่หนักบทเดียว กฎหมายลักษณปกครองคณะสงฆ์ไม่ลบล้างกฎหมายอาชญาคดีอาชญาแม้จำเลยไม่สืบพะยานจำเลยศาลก็ฟังพะยานโจทก์ลงโทษได้ พระสังฆราชเป็นเจ้าพนักงาน
วิธีพิจารณาอาชญา ทำผิดหลายบทศาลลงโทษแต่บทที่หนักบทเดียว กฎหมายลักษณปกครองคณะสงฆ์ไม่ลบล้างกฎหมายอาชญาคดีอาชญาแม้จำเลยไม่สืบพะยานจำเลยศาลก็ฟังพะยานโจทก์ลงโทษได้ พระสังฆราชเป็นเจ้าพนักงาน