พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 769/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำเลยต้องให้การต่อสู้ชัดแจ้งในประเด็นที่โจทก์ฟ้อง หากนำสืบข้อเท็จจริงนอกประเด็น ศาลไม่รับฟัง
ศาลแรงงานกลางจะรับฟังข้อเท็จจริงใดหรือไม่ขึ้นอยู่กับคำให้การของจำเลยว่าได้ให้การต่อสู้ไว้อย่างไร แม้การดำเนินกระบวนพิจารณาในศาลแรงงานกลางจะมีพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานกลางและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 บัญญัติไว้โดยเฉพาะ แต่พระราชบัญญัติดังกล่าว มาตรา 31 ก็บัญญัติให้นำบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาใช้บังคับแก่การดำเนินกระบวนพิจารณาในศาลแรงงานเท่าที่ไม่ขัดหรือแย้งกับพระราชบัญญัติ นี้โดยอนุโลม การที่พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 ไม่ได้บังคับว่าจำเลยจะต้องยื่นคำให้การ กรณีจำเลยไม่ได้ยื่นคำให้การเป็นหนังสือแม้พระราชบัญญัติดังกล่าวมาตรา 39 วรรคหนึ่ง บัญญัติให้ศาลบันทึกคำให้การของจำเลย และถ้าจำเลยไม่ยอมให้การมาตรา 39 วรรคสองให้ศาลจดบันทึกไว้ ก็เป็นเพียงบทบัญญัติที่ใช้บังคับเมื่อจำเลยไม่ให้การเป็นหนังสือหรือไม่ยอมให้การเท่านั้น หาใช่เป็นบทบัญญัติที่ให้สิทธิแก่จำเลยที่จะนำสืบพยานนอกเหนือข้อต่อสู้ในคำให้การไม่และเมื่อจำเลยให้การเป็นหนังสือก็ต้องนำประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาใช้บังคับโดยอนุโลม โดยจำเลยต้องให้การต่อสู้โดยชัดแจ้ง เมื่อโจทก์ฟ้องว่าจำเลยจ่ายเงินเดือนค่าจ้างสอนให้โจทก์ไม่ครบ แล้วจำเลยให้การว่าไม่เคยจ่ายเงินเดือนไม่ครบโดยมิได้ให้การต่อสู้ว่า ที่จำเลยจ่ายเงินเดือนให้โจทก์ไม่ครบเพราะโจทก์สมัครใจให้จำเลยหักเงินเป็นค่าบริจาคแก่นักเรียนข้อเท็จจริงที่จำเลยนำสืบว่า จำเลยจ่ายเงินเดือนให้โจทก์ไม่ครบเพราะโจทก์สมัครใจให้จำเลยหักเงินดังกล่าว จึงเป็นการนำสืบข้อเท็จจริงนอกประเด็นข้อพิพาท โจทก์เป็นลูกจ้างจำเลย โดยจำเลยจ่ายค่าจ้างให้เป็นรายเดือนมีกำหนดจ่ายเป็นระยะเวลา ค่าจ้างนี้คือเงินเดือน อายุความที่จะเรียกร้องเอาค่าจ้างค้างจ่ายดังกล่าว มีอายุความ 5 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 166
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 292/2513
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาไม่ชัดเจน-ข้อเท็จจริงเกินทุนทรัพย์-การยกข้อกฎหมายที่โจทก์ให้การต่อสู้แล้ว
ฎีกาผู้ร้องมิได้บรรยายว่า ถ้าโจทก์ชนะคดีจำเลยในคดีดำที่ 255/2509แล้วจะมีผลลบล้างคดีร้องขัดทรัพย์นี้ได้อย่างไร หรือด้วยเหตุผลอย่างไรจึงเป็นฎีกาที่ไม่ชัดแจ้ง ศาลฎีการับวินิจฉัยให้ไม่ได้ ส่วนฎีกาที่อ้างว่าเรือนพิพาทเป็นโรงเรือนชั่วคราว เจ้าพนักงานไม่ยอมจดทะเบียนให้เพราะไม่ถือว่าเป็นอาคารนั้น เป็นข้อเท็จจริงที่ผู้ร้องจะฎีกาไม่ได้ เพราะคดีร้องขัดทรัพย์นี้มีทุนทรัพย์เพียง 4,000 บาท
โจทก์ให้การต่อสู้แล้วว่า การมอบเรือนพิพาทไม่มีผลตามกฎหมายเพราะมิได้จดทะเบียนหรือทำนิติกรรมต่อพนักงานเจ้าหน้าที่เป็นโมฆะ ดังนี้ หาได้ต่อสู้แต่เพียงว่าผู้ร้องกับจำเลยสมยอมกันเท่านั้นไม่ ศาลอุทธรณ์จึงมีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัย
โจทก์ให้การต่อสู้แล้วว่า การมอบเรือนพิพาทไม่มีผลตามกฎหมายเพราะมิได้จดทะเบียนหรือทำนิติกรรมต่อพนักงานเจ้าหน้าที่เป็นโมฆะ ดังนี้ หาได้ต่อสู้แต่เพียงว่าผู้ร้องกับจำเลยสมยอมกันเท่านั้นไม่ ศาลอุทธรณ์จึงมีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัย