คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ให้การปฏิเสธ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 6 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5713/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การให้การปฏิเสธลอยๆ ในคดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา ทำให้ไม่อุทธรณ์ได้ตามกฎหมาย
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องคดีอาญาซึ่งมีคดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญารวมมาด้วยแล้วมีคำสั่งให้รับประทับฟ้องแสดงว่าเป็นการสั่งให้รับฟ้องคดีส่วนอาญาและคดีส่วนแพ่งด้วยหากจำเลยจะต่อสู้คดีส่วนแพ่งต้องให้การต่อสู้พร้อมกับคำให้การต่อสู้คดีส่วนอาญาโดยคำให้การในคดีส่วนแพ่งนั้นต้องชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา177วรรคสองเมื่อจำเลยทั้งสองให้การต่อสู้คดีส่วนอาญาและคดีส่วนแพ่งรวมกันมาว่าจำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธฟ้องโจทก์ทั้งสิ้นเท่านั้นถือว่าคำให้การในส่วนแพ่งจำเลยทั้งสองคงเพียงให้การปฏิเสธลอยๆจึงไม่มีประเด็นข้อพิพาทว่าโจทก์ไม่ใช่เจ้าของรถยนต์พิพาทและจำเลยทั้งสองซื้อรถยนต์พิพาทมาโดยสุจริตในท้องตลาดตามที่จำเลยทั้งสองยกขึ้นอุทธรณ์แต่อย่างใดคดีส่วนแพ่งของจำเลยทั้งสองจึงต้องห้ามอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา225วรรคแรก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2336/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับของโจร: พฤติการณ์ซุกซ่อนรถจักรยานยนต์ที่ได้จากการยักยอก และการให้การปฏิเสธเมื่อถูกสอบถาม เป็นหลักฐานสำคัญบ่งชี้ความรู้ในการครอบครองทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำผิด
จำเลยนำรถจักรยานยนต์ของกลางไปจอดไว้ใต้ต้นไผ่ในสวนกาแฟห่างจากทางเดินประมาณ 100 เมตร และห่างจากลาน ตากกาแฟซึ่งเป็นที่พบตัวจำเลยประมาณ 500 เมตร อันเป็นการจอดในลักษณะซุกซ่อนประกอบกับจำเลยมีอาการตกใจเมื่อพบเจ้าหน้าที่ตำรวจ และปฏิเสธเมื่อถูกซักถามถึงรถจักรยานยนต์ของกลาง พฤติการณ์ของจำเลยจึงฟังได้ว่าจำเลยรับรถจักรยานยนต์ของกลางไว้ โดยรู้ว่าเป็นทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำผิดอันเป็นความผิดฐานรับของโจร.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3693/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การให้การปฏิเสธกับการคืนตัวผู้ต้องหา: ศาลชอบที่จะสั่งคืนตัวเพื่อดำเนินการต่อไปเมื่อจำเลยให้การปฏิเสธและไม่มีเงินต่อสู้คดี
โจทก์ฟ้องจำเลยต่อศาลแขวงโดยบรรยายฟ้องว่า จำเลยเข้าไปในเคหสถานของผู้เสียหายโดยไม่มีเหตุอันสมควรและด่าผู้เสียหาย การกระทำของจำเลยเป็นการรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของผู้เสียหายโดยปกติสุข จำเลยให้การว่าได้เข้าไปในบ้านของผู้เสียหายเพื่อพูดขอยืมเงิน เป็นเรื่องที่จำเลยกล่าวอ้างว่าเข้าไปในเคหสถานของผู้เสียหายโดยมีเหตุอันสมควรอันเป็นคำให้การปฏิเสธและเมื่อจำเลยให้การต่อไปว่า ไม่มีเงินต่อสู้คดีขอรับสารภาพตามฟ้องโจทก์ จึงต้องถือว่าจำเลยให้การปฏิเสธ ศาลแขวงชอบที่จะสั่งให้โจทก์รับตัวจำเลยคืนเพื่อดำเนินการต่อไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2373/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การให้การปฏิเสธฟ้องและการต่อสู้คดีที่มีประเด็นเคลือบคลุม ศาลต้องพิจารณาให้โจทก์นำสืบพิสูจน์ตามข้ออ้าง
จำเลยให้การว่า นอกจากที่จำเลยให้การไว้ ขอให้ถือว่าจำเลยให้การปฏิเสธฟ้องโจทก์ และมีข้อความในคำให้การต่อไปว่าความจริงจำเลยไม่ได้กู้เงิน ถือว่าจำเลยได้ให้การไว้โดยชัดแจ้งแล้วว่าจำเลยได้ให้การปฏิเสธข้ออ้างของโจทก์ที่ว่าจำเลยได้กู้ยืมเงินโจทก์ทั้งสิ้น
จำเลยยกข้อต่อสู้ฟ้องโจทก์โดยกล่าวในตอนแรกว่า โจทก์จำเลยได้ทำสัญญาซื้อขายเรือนและไม้กระดานกัน แล้วโจทก์ได้นำกระดาษเปล่ามาให้จำเลยลงชื่อไว้ และในคำให้การจำเลยยังได้กล่าวต่อไปด้วยว่าจำเลยได้ลงชื่อไว้ในสัญญากู้ให้โจทก์อีกฉบับหนึ่ง จำเลยไม่ได้ยืนยันไว้โดยชัดแจ้งว่าหนังสือสัญญากู้ยืมที่โจทก์กล่าวอ้างในฟ้องนั้นเป็นหนังสือสัญญาฉบับไหน หรือหากจำเลยจะกล่าวอ้างว่าสัญญากู้ยืมที่โจทก์นำมาฟ้องนั้นไม่สมบูรณ์ด้วยเหตุผลประการใด จำเลยก็มิได้กล่าวไว้ให้ชัดแจ้งเหตุแห่งข้ออ้างที่จำเลยยกขึ้นต่อสู้ฟ้องโจทก์นั้นจึงเคลือบคลุม ไม่มีประเด็นที่จำเลยจะนำสืบเป็นข้อต่อสู้ได้
เมื่อฟังว่าจำเลยได้ให้การปฏิเสธฟ้องโจทก์ ย่อมจะต้องถือว่าข้อเท็จจริงที่โจทก์กล่าวอ้างมาว่าจำเลยได้กู้ยืมเงินโจทก์ตามฟ้องนั้นจำเลยไม่ได้ยอมรับ โจทก์จึงยังมีหน้าที่ที่จะต้องนำสืบให้ปรากฏข้อเท็จจริงว่าจำเลยได้ทำหนังสือสัญญากู้ยืม และได้รับเงินไปจากโจทก์ให้สมตามข้ออ้างของโจทก์ในฟ้อง
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 19, 20/2516)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 465/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การให้การปฏิเสธของจำเลย แม้ไม่ถูกสอบถามในชั้นเริ่มต้น ไม่ทำให้กระบวนการพิจารณาเสีย
คดีอาญาเมื่อปรากฏว่า จำเลยไม่ได้ให้การต่อสู้ไว้ แต่ในชั้นสืบพยานจำเลย ตัวจำเลยเข้าเบิกความปฏิเสธว่าไม่ได้กระทำผิด ก็ถือได้ว่าจำเลยให้การปฏิเสธ
ในกรณีที่ศาลมิได้สอบถามคำให้การต่อสู้คดีของจำเลยไว้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 172 นั้น กฎหมายมิได้บัญญัติไว้ว่าจะมีผลอย่างไร แต่ตามหลักกฎหมายจำเลยจะให้การเมื่อใดหรือให้การใหม่กลับคำให้การเดิมก็ได้ ซึ่งจะเห็นได้ว่าการสอบถามคำให้การเป็นแต่เพียงเพื่อได้ทราบประเด็นเบื้องต้นแห่งคดีเท่าที่จะทำได้ แต่คำให้การของจำเลยตามที่ศาลสอบถามนั้น จำเลยจะให้การเปลี่ยนแปลงอย่างไรก็ได้ ดังนี้ แม้ศาลมิได้สอบถามคำให้การจำเลยไว้แต่ต้น ก็ไม่ทำให้การดำเนินกระบวนพิจารณาเสียไปหรือจำเป็นต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นสอบถามคำให้การจำเลยอีก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 945/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การให้การปฏิเสธของจำเลยต้องชัดเจน หากไม่ชัดเจนถือว่าโจทก์ไม่ต้องนำสืบประเด็นนั้น
ฟ้องของโจทก์ระบุแจ้งชัดว่าโจทก์เป็นนิติบุคคล จำเลยกล่าวในคำให้การว่า โจทก์จะเป็นนิติบุคคลหรือไม่จำเลยไม่รู้ และไม่รับรอง ดังนี้ ถือว่าคำให้การดังกล่าวนี้ ไม่ใช่เป็นคำให้การปฏิเสธว่าโจทก์ไม่ใช่เป็นนิติบุคคล จึงย่อมถือว่าไม่มีข้อต่อสู้ในคำให้การของจำเลย อันเป็นประเด็นที่โจทก์จะต้องนำสืบ