คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ไม่ครบถ้วน

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 27 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5095/2548 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หนังสือมอบอำนาจไม่ครบอากรแสตมป์ ทำให้ไม่มีอำนาจฟ้อง คดีจึงต้องยก
ปัญหาว่าหนังสือมอบอำนาจปิดอากรแสตมป์ครบถ้วนหรือไม่ แม้จำเลยจะมิได้ยกขึ้นต่อสู้ไว้ในศาลแรงงานกลาง และเพิ่งยกขึ้นโต้แย้งคัดค้านในชั้นอุทธรณ์ต่อศาลฎีกาก็ตาม แต่ปัญหาดังกล่าวเกี่ยวกับอำนาจฟ้องของโจทก์จึงเป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน จำเลยมีสิทธิยกขึ้นอ้างในชั้นอุทธรณ์ได้ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 225 วรรคสอง ประกอบ พ.ร.บ.จัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงานฯ มาตรา 31
บัญชีอัตราอากรแสตมป์ท้ายหมวด 6 ของ ป.รัษฎากรฯ ข้อ 7 กำหนดว่ากรณี (ข) มอบอำนาจให้บุคคลคนเดียวหรือหลายคนร่วมกันกระทำการมากกว่าครั้งเดียวต้องเสียค่าอากรแสตมป์ 30 บาท และกรณี (ค) มอบอำนาจให้กระทำการมากกว่าครั้งเดียวโดยให้บุคคลหลายคนต่างคนต่างกระทำกิจการแยกกันได้คิดตามรายตัวบุคคลที่รับมอบคนละ 30 บาท การที่โจทก์มอบอำนาจและแต่งตั้งให้ ล. และ/หรือ ส. เป็นผู้มีอำนาจดำเนินคดีทั้งทางแพ่งและอาญากับจำเลย... ย่อมมีความหมายว่า ล. และ ส. จะร่วมกันกระทำการในฐานะผู้รับมอบอำนาจจากโจทก์ด้วยกันก็ได้ หรืออีกกรณีหนึ่ง ล. หรือ ส. เพียงคนใดคนหนึ่งก็มีอำนาจกระทำการในฐานะผู้รับมอบอำนาจจากโจทก์ได้เช่นเดียวกัน และการมอบอำนาจดังกล่าวเป็นการมอบอำนาจให้กระทำการมากกว่าครั้งเดียวโดยผู้รับมอบอำนาจทั้งสองจะกระทำการร่วมกันหรือต่างคนต่างกระทำการแยกกันได้ ค่าอากรแสตมป์สำหรับหนังสือมอบอำนาจดังกล่าวจึงต้องเสียคนละ 30 บาท รวม 60 บาท ตามบัญชีอัตราอากรแสตมป์ ข้อ 7 (ค) ท้าย ป.รัษฎากรฯ แต่โจทก์ปิดอากรแสตมป์ในหนังสือมอบอำนาจเพียง 30 บาท ซึ่งไม่ครบถ้วนถูกต้องตามกฎหมายหนังสือมอบอำนาจดังกล่าว จึงไม่อาจใช้เป็นพยานหลักฐานในคดีนี้ได้ดังที่บัญญัติไว้ใน ป.รัษฎากรฯ มาตรา 118

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2509/2544

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หนังสือมอบอำนาจไม่ครบถ้วนตามกฎหมายอากรแสตมป์ ทำให้ไม่มีอำนาจฟ้อง
ตามหนังสือมอบอำนาจ โจทก์มอบอำนาจให้ ส. หรือ บ. เป็นผู้รับมอบอำนาจในการดำเนินคดี แก้ต่างคดีของโจทก์ ฟ้องแย้งร้องสอดเข้าเป็นคู่ความร่วมทั้งคดีแพ่ง คดีอาญา คดีแรงงานคดีภาษีอากร คดีล้มละลาย... โดยให้ผู้รับมอบอำนาจคนใดคนหนึ่งมีอำนาจกระทำการดังกล่าวแทนโจทก์ในนามโจทก์ได้ ดังนี้ การมอบอำนาจดังกล่าวของโจทก์เป็นการมอบอำนาจให้กระทำการมากกว่าครั้งเดียวโดยให้ต่างคนต่างกระทำกิจการแยกกันได้ ค่าอากรแสตมป์จึงต้องคิดตามรายตัวบุคคลที่รับมอบอำนาจคนละ 30 บาท ตามบัญชีอัตราอากรแสตมป์ ข้อ 7(ค) ท้ายประมวลรัษฎากรฯ เมื่อโจทก์ได้มอบอำนาจให้ผู้รับมอบอำนาจ 2 คน คนใดคนหนึ่งทำการฟ้องคดีแพ่งและกระทำการอื่น ๆ แทนโจทก์ได้ โจทก์จึงต้องปิดอากรแสตมป์คิดตามรายตัวบุคคลที่รับมอบอำนาจคนละ 30 บาท รวม 60 บาท แต่โจทก์ปิดอากรแสตมป์ในหนังสือมอบอำนาจนั้นจำนวนเพียง 30 บาท จึงเป็นการปิดอากรแสตมป์ในเอกสารดังกล่าวไม่ครบถ้วนถูกต้องตามกฎหมาย เมื่อจำเลยได้ให้การต่อสู้ในประเด็นนี้ไว้อย่างชัดแจ้งแล้วว่าหนังสือมอบอำนาจให้ฟ้องคดีนี้ปิดอากรแสตมป์ไม่ถูกต้องและไม่ชอบด้วยกฎหมาย หนังสือมอบอำนาจพิพาทจึงเป็นตราสารที่มิได้ปิดแสตมป์ให้บริบูรณ์ในขณะที่โจทก์อ้างเป็นพยานหลักฐานหนังสือมอบอำนาจดังกล่าวไม่อาจใช้เป็นพยานหลักฐานในคดีนี้ได้ตามประมวลรัษฎากรฯ มาตรา 118 เมื่อหนังสือมอบอำนาจไม่อาจใช้เป็นพยานหลักฐานในคดีนี้ได้ กรณีย่อมฟังไม่ได้ว่าโจทก์ได้มอบอำนาจให้ ส. ฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้ ส. จึงไม่มีอำนาจฟ้องคดีแทนโจทก์ โจทก์ย่อมไม่มีอำนาจฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7473-7530/2543

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ องค์คณะผู้พิพากษาไม่ครบถ้วน คำพิพากษาศาลแรงงานเป็นโมฆะ
ศาลแรงงานจะต้องประกอบด้วยผู้พิพากษา ผู้พิพากษาสมทบฝ่ายนายจ้างและผู้พิพากษาสมทบฝ่ายลูกจ้าง ฝ่ายละอย่างน้อย 1 คนรวมกันแล้วอย่างน้อยสามคนจึงจะเป็นองค์คณะพิจารณาพิพากษาคดีแต่ในคำพิพากษาศาลแรงงานมีเพียงลายมือชื่อของผู้พิพากษาและผู้พิพากษาสมทบรวมกันเพียงสองคน ไม่ครบองค์คณะผู้พิพากษาตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงานพ.ศ. 2522 มาตรา 17 จึงเป็นคำพิพากษาที่ไม่ชอบ กรณีมีเหตุสมควรที่จะยกคำพิพากษาแล้วส่งสำนวนคืนไปยังศาลแรงงานเพื่อให้พิพากษาใหม่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 243(1) ประกอบพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 31

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5771/2538 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การท้าคดีสืบพยานและคำแถลงที่ไม่ครบถ้วน
คู่ความตกลงท้ากันว่า โจทก์จำเลยไม่ติดใจสืบพยาน แต่ขอให้พระภิกษุ ส.มาแถลงต่อศาลว่า โจทก์หรือจำเลยเป็นผู้ซื้อที่ดินพิพาทและเป็นเจ้าของที่ดินพิพาทแน่ หากพระภิกษุ ส.แถลงต่อศาลเช่นใด คู่ความก็ยอมรับและไม่ติดใจคัดค้านแต่พระภิกษุ ส.แถลงต่อศาลเพียงว่า พระภิกษุ ส.เป็นผู้ทำสัญญาซื้อขายที่ดินพิพาทระหว่างพี่ชายโจทก์กับจำเลย แต่เงินที่ซื้อเป็นของจำเลยหรือไม่ และจำเลยซื้อแทนใครหรือไม่ พระภิกษุ ส.ไม่ทราบ คำแถลงพระภิกษุ ส.ไม่ครบถ้วนตามคำท้าคดีจึงต้องสืบพยานโจทก์จำเลยกันต่อไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3454/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ค่าขึ้นศาลฎีกาไม่ครบถ้วน การทิ้งฟ้องตามกฎหมาย
จำเลยที่ 4 ยื่นฎีกาคำสั่งศาลอุทธรณ์ตาม ป.วิ.พ.มาตรา247 ซึ่งต้องเสียค่าขึ้นศาลตามตาราง 1 ข้อ (2)(ก) เป็นเงิน 200 บาท แต่จำเลยที่ 4 เสียค่าขึ้นศาลชั้นฎีกาเพียง 40 บาท เป็นการไม่ถูกต้อง ศาลฎีกาได้มีคำสั่งให้ศาลชั้นต้นดำเนินการให้จำเลยที่ 4 เสียค่าขึ้นศาลชั้นฎีกาเพิ่มเติมให้ครบถ้วน ภายในระยะเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนด ศาลชั้นต้นดำเนินการดังกล่าวแล้วแต่จำเลยที่ 4 เพิกเฉยไม่ดำเนินการภายในเวลาตามที่ศาลเห็นสมควรกำหนดเป็นการทิ้งฟ้องฎีกาตามมาตรา 174(2) ประกอบด้วยมาตรา 246 และ 247

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2499/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเงินกู้ไม่ครบอากรแสตมป์ ใช้เป็นพยานหลักฐานในคดีแพ่งไม่ได้
สัญญากู้เงินเป็นต้นฉบับแห่งเอกสารอันเป็นตราสารที่จะต้องปิดอากรแสตมป์ตามบัญชีอัตราอากรแสตมป์ข้อ 5 ท้ายหมวด 6 แห่งประมวลรัษฎากรแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 10)พ.ศ.2496
เมื่อผู้คัดค้านอ้างและนำสืบว่า ผู้ร้องกู้เงินจำเลยจำนวน1,845,000 บาท ตามหนังสือสัญญากู้เงินซึ่งต้องปิดอากรแสตมป์เป็นเงิน 922 บาทแต่สัญญากู้ปิดอากรแสตมป์เพียง 1 บาท ไม่ครบถ้วน จึงเป็นตราสารที่ไม่ปิดอากรแสตมป์บริบูรณ์ จะใช้เป็นพยานหลักฐานในคดีแพ่งไม่ได้ ตามประมวลรัษฎากรมาตรา 118 ดังนั้น จึงรับฟังไม่ได้ว่าผู้ร้องเป็นหนี้จำเลยอยู่ตามหนังสือยืนยันหนี้ของผู้คัดค้าน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1929/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอุทธรณ์ที่ไม่ครบถ้วนของศาลอุทธรณ์ จำเลยบางส่วนไม่ได้รับการวินิจฉัย และเหตุผลในการรอ/ไม่รอการลงโทษ
โจทก์อุทธรณ์คำพิพากษาของศาลชั้นต้นโดยขอให้แก้เป็นไม่รอการลงโทษจำเลยที่1-5,7-8จึงถือได้ว่าโจทก์ได้อุทธรณ์ขอให้ไม่รอการลงโทษจำเลยที่2ถึงที่4ไว้ด้วยแล้วแต่คำพิพากษาศาลอุทธรณ์กล่าวเพียงว่าโจทก์อุทธรณ์ขอให้ไม่รอการลงโทษจำเลยที่1ที่5ที่7และที่8พร้อมทั้งวินิจฉัยเฉพาะการกระทำผิดของจำเลยที่1ที่5ที่7และที่8เท่านั้นหาได้กล่าวถึงหรือวินิจฉัยการกระทำผิดของจำเลยที่2ถึงที่4ไม่แม้ศาลอุทธรณ์จะพิพากษาตอนหนึ่งว่านอกจากที่แก้คงเป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นอันมีผลบังคับไปถึงจำเลยที่2ที่3และที่4ด้วยก็ยังถือไม่ได้ว่าศาลอุทธรณ์วินิจฉัยอุทธรณ์ของโจทก์ในส่วนของจำเลยที่2ที่3และที่4จึงเป็นคำวินิจฉัยไม่ครบทุกข้อตามที่โจทก์ขอมาในอุทธรณ์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1323/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ องค์คณะผู้พิพากษาไม่ครบถ้วน การลงลายมือชื่อในคำพิพากษา
คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1 คดีนี้ ว.ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1 ได้ร่วมปรึกษาคดีและลงลายมือชื่อร่วมเป็นองค์คณะกับผู้พิพากษาศาลเดียวกันอีก 2 คน ในต้นร่างคำพิพากษาแล้ว แต่ลงลายมือชื่อในคำพิพากษาไม่ได้เพราะได้รับแต่งตั้งให้ไปดำรงตำแหน่งที่ศาลอื่น อธิบดีผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1 ก็ได้บันทึกเหตุที่ลงลายมือชื่อไม่ได้และแจ้งว่าได้ลงลายมือชื่อในต้นร่างคำพิพากษาแล้วซึ่งแสดงว่าเห็นพ้องด้วยกับคำพิพากษา อันเป็นการปฏิบัติครบถ้วนตาม ป.วิ.พ.มาตรา 141 วรรคสอง ประกอบมาตรา 246 แล้ว คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1จึงชอบด้วยกฎหมาย หาจำต้องให้อธิบดีผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1 ตรวจสำนวนและลงลายมือชื่อร่วมเป็นองค์คณะในคำพิพากษาดังกล่าวด้วยไม่ เพราะกรณีนี้อาจจำเป็นต้องกระทำเมื่อการพิจารณาพิพากษาไม่ครบองค์คณะ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5285/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำท้าของผู้เชี่ยวชาญไม่ครบถ้วน ทำให้ศาลมิอาจพิพากษาตามคำท้าได้
คู่ความท้ากัน 2 ประการ แต่หนังสือของศาลชั้นต้นคงขอให้ผู้เชี่ยวชาญทำการตรวจพิสูจน์ปัญหาประการแรกว่า ตัวเลข 2 ได้เขียนขึ้นในคราวเดียวกัน หรือเขียนเติมขึ้นในภายหลังเท่านั้นปัญหาประการที่สองที่ว่าตัวเลข 2 เขียนด้วยหมึกจากปากกาคนละด้ามกันหรือไม่ ศาลชั้นต้นไม่ได้ขอให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจพิสูจน์ จึงยังไม่เป็นไปตามคำท้าที่จะถือว่าโจทก์แพ้คดีได้ กรณีเป็นเรื่องศาลชั้นต้นมิได้ดำเนินการให้เป็นไปตามคำท้าของคู่ความให้ครบถ้วนเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 505/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิจารณาอุทธรณ์ไม่ครบถ้วน ศาลฎีกาย้อนสำนวนเพื่อให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาอุทธรณ์ของจำเลยตามกระบวนการ
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยไม่เต็มตามฟ้องโจทก์จำเลยต่างอุทธรณ์คำพิพากษาของศาลชั้นต้นแต่ศาลอุทธรณ์พิจารณาพิพากษาเฉพาะอุทธรณ์ของโจทก์เพียงฝ่ายเดียวมิได้พิจารณาพิพากษาอุทธรณ์ของจำเลยซึ่งไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณาศาลฎีกาย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์ปฏิบัติให้ถูกต้องตามกระบวนพิจารณาและเพื่อให้การวินิจฉัยความผิดของจำเลยเป็นตามลำดับศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา208(2),225.
of 3