คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ไม่ต้องรับผิดชอบ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 6 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1211/2547

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าของรถเช่าซื้อไม่ต้องรับผิดชอบประกันภัย หากไม่ได้ใช้รถหรือมีไว้เพื่อใช้
แม้ พ.ร.บ.คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถฯ ได้บัญญัติไว้อย่างชัดแจ้งว่า เจ้าของรถ คือ ผู้มีกรรมสิทธิ์ในรถหรือผู้มีสิทธิครอบครองตามสัญญาเช่าซื้อ แต่ตามมาตรา 7 ผู้มีหน้าที่ต้องจัดให้มีการประกันความเสียหายนั้นต้องเป็นเจ้าของรถซึ่งใช้รถหรือมีรถไว้เพื่อใช้ เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยที่ 1 ได้ให้จำเลยที่ 2 เช่าซื้อรถยนต์คันเกิดเหตุไปแล้ว จำเลยที่ 1 จึงไม่ได้ใช้รถยนต์คันเกิดเหตุหรือมีรถยนต์คันเกิดเหตุไว้เพื่อใช้ จำเลยที่ 1 จึงไม่มีหน้าที่ต้องจัดให้มีการประกันความเสียหายสำหรับผู้ประสบภัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3327/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เหตุสุดวิสัยทำให้จำเลยไม่ต้องรับผิดชอบความล่าช้าในการส่งมอบสินค้าตามสัญญา
จำเลยทำสัญญาขายชนวนลูกระเบิดซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ของบริษัท อ.ในประเทศออสเตรียให้โจทก์ กำหนดส่งมอบสินค้าให้ภายใน 180วัน นับแต่วันทำสัญญา ถ้าส่งเกินกำหนดจะถูกปรับ จำเลยส่งสินค้าแก่โจทก์เกินกำหนดสัญญาไป 308 วัน เพราะรัฐบาลออสเตรียระงับเรื่องที่บริษัทผู้ผลิตขออนุญาตส่งออกไว้เนื่องจากสถานการณ์สู้รบระหว่างจีนกับเวียตนาม และเมื่อได้รับอนุญาตให้ส่งออกแล้วต้องส่งผ่านประเทศเยอรมันตะวันตก สถานฑูตไทยกรุงเวียนนา ประเทศออสเตรียก็ต้องรับรองต่อรัฐบาลเยอรมันตะวันตกอีกว่าชนวนลูกระเบิดจะส่งถึงโจทก์ ทำให้เสียเวลาเกี่ยวกับเหตุการณ์ดังกล่าวถึง 332 วัน อันเป็นเหตุการณ์ที่จำเลยและบริษัท อ.ไม่อาจป้องกันได้และไม่อาจคาดหมายว่าจะเกิดขึ้น ทั้งจำเลยไม่อาจจะส่งมอบชนวนลูกระเบิดที่มีแหล่งผลิตจากที่อื่นที่ผิดไปจากข้อสัญญาได้ การส่งสินค้าดังกล่าวล่าช้าจึงเป็นเหตุสุดวิสัยที่จำเลยไม่ต้องรับผิดชอบและโจทก์ใช้สิทธิปรับจำเลยตามสัญญาไม่ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4193/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ธนาคารไม่ต้องรับผิดชอบการหักเงินจากบัญชีฝากประจำ หากผู้ฝากยินยอมให้ใช้เป็นประกันหนี้
โจทก์บรรยายฟ้องว่า ระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม 2523ถึงวันที่ 3 ตุลาคม 2523 จำเลยทั้งสามรู้อยู่แล้วว่าจำเลยที่ 2 และที่ 3 พ้นจากตำแหน่งกรรมการผู้มีอำนาจกระทำการแทนโจทก์แล้ว ได้ร่วมกันลงลายมือชื่อและประทับตราสำคัญของโจทก์ในใบถอนเงินฝากประจำทำการถอนเงินจากบัญชีเงินฝากประจำของโจทก์ แล้วโอนไปเข้าบัญชีเงินฝากกระแสรายวันของจำเลยที่ 3 อันเป็นการทำเอกสารปลอมขึ้นทั้งฉบับและเป็นการยักยอกทรัพย์สินของโจทก์ เป็นเหตุให้โจทก์เสียหายต้องสูญเสียเงินฝากประจำขาดดอกเบี้ยที่จะได้รับ และต้องเสียชื่อเสียงในการดำเนินกิจการ ขอให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเงินแก่โจทก์ คำฟ้องดังกล่าวได้แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาและคำขอบังคับทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาเช่นว่านั้นแล้วจึงไม่เคลือบคลุมกรรมการและกรรมการผู้มีอำนาจกระทำการแทนโจทก์รู้เห็นยินยอมให้จำเลยที่ 2 และที่ 3 ทำใบถอนเงินฝากประจำของโจทก์โดยมิได้ลงวันถอนมอบให้จำเลยที่1ยึดถือไว้เป็นประกันการชำระหนี้อันเกิดจากการขายลดตั๋วเงินของจำเลยที่3เมื่อจำเลยที่งวันเดือนปีในใบถอนเงินแล้วใช้หักเงินจากบัญชีเงินฝากประจำของโจทก์โอนไปเข้าบัญชีเงินฝากกระแสรายวันของจำเลยที่ 3 เพื่อชำระหนี้ แม้จะกระทำภายหลังที่โจทก์ได้มีหนังสือถึงจำเลยที่ 1 ขอยกเลิกลายเซ็นของจำเลยที่ 2 และที่ 3 แล้วก็ตามถือได้ว่าโจทก์ยินยอมหรือสมัครใจให้ทำเช่นนั้น จึงไม่เป็นการทำละเมิด โจทก์ไม่มีวัตถุประสงค์เพื่อค้ำประกันหนี้ผู้อื่น การที่จำเลยที่ 2 และที่ 3 ซึ่งเป็นกรรมการผู้มีอำนาจกระทำการแทนโจทก์ ทำใบถอนเงินฝากประจำของโจทก์มอบให้จำเลยที่ 1ยึดถือไว้เป็นประกันหนี้ของจำเลยที่ 3 เป็นการกระทำนอกขอบวัตถุประสงค์ของโจทก์ จึงไม่ผูกพันโจทก์ จำเลยที่ 1ไม่มีสิทธิหักเงินจากบัญชีเงินฝากประจำของโจทก์ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 507/2501

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประกันภัยสิ้นสุดเมื่อศาลเพิกถอน ผู้ประกันไม่ต้องรับผิดชอบหนี้เดิม
เมื่อศาลเพิกถอนสัญญาประกันแล้ว ก็บังคับเอาแต่เบี้ยปรับฐานผิดสัญญาประกันเท่านั้น แต่การที่จะเอาตัวจำเลยกลับคืนมาเป็นเรื่องของศาลที่จะใช้อำนาจของศาลเองตามกฎหมายโดยมิได้อาศัยผู้ประกันตามสัญญาประกันผู้ประกันเป็นอันหลุดพ้นจากข้อผูกพันที่จะต้องส่งตัวจำเลยตามสัญญาประกันเดิม
เมื่อไม่ได้ทำสัญญาประกันใหม่หรือตกลงกันให้ถือสัญญาประกันเดิมตลอดจนหมายจับก็ไม่ได้สั่งถอน จึงถือได้ว่าไม่มีอะไรแสดงให้ผู้ประกันรู้ตัวว่ายังมีข้อผูกพันที่จะต้องส่งตัวจำเลยผู้ประกันจึงหลุดพ้นจากข้อผูกพันตามสัญญาประกันเดิม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 140/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เหตุสุดวิสัยจากการวิ่งตัดหน้ารถ: ผู้ขับไม่ต้องรับผิดชอบหากป้องกันไม่ได้
ขับรถยนต์รับคนโดยสารมาตามถนน เผอิญเกิดยิงกันเกี่ยวกับการจราจลจึงขับรถหนี แม้จะเร็วจนถึงขนาดผิดกฎจราจร ก็ได้รับยกเว้นโทษตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 49 เพราะถือได้ว่าเป็นการกระทำเพื่อหลบหนีภยันตรายอันร้ายแรง เมื่อเอาผิดในตอนนี้ไม่ได้ การวิ่งตัดหน้ารถยนต์ภายในระยะ 1 วา คนขับห้ามล้อรถหยุดไม่ทัน ทั้ง ๆ ที่ห้ามล้อดี วินิจฉัยว่าวิ่งตัดหน้ารถยนต์ในระยะกระชั้นชิด ใช่วิสัยที่จะป้องกันมิให้รถยนต์ทับได้ การที่รถยนต์ทับคนที่วิ่งตัดหน้ารถนั้นจึงเป็นเหตุสุดวิสัย ไม่ใช่เรื่องผู้ขับรถประมาท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 530/2559

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบ: ผู้รับตราส่งปฏิเสธ/หาไม่พบ ผู้ขนส่งมีสิทธิขายของได้และไม่ต้องรับผิดชอบค่าเสียหาย
แม้ตาม พ.ร.บ.การขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบ พ.ศ.2548 มาตรา 67 วรรคหนึ่ง บัญญัติให้คู่สัญญาขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบอาจตกลงกันเป็นหนังสือกำหนดให้เสนอข้อพิพาทใดๆ ที่มีมูลกรณีจากสัญญาขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบหรือละเมิดให้อนุญาโตตุลาการเป็นผู้ชี้ขาดก็ได้ เมื่อตามใบตราส่งทั้งสามฉบับซึ่งเป็นหลักฐานแห่งการขนส่งสินค้าในคดีนี้ไม่มีข้อสัญญาอนุญาโตตุลาการที่คู่สัญญาตกลงให้ระงับข้อพิพาททั้งหมดหรือบางส่วนที่เกิดขึ้นแล้วหรือที่จะเกิดขึ้นในอนาคตโดยวิธีอนุญาโตตุลาการ ทั้งจำเลยที่ 1 ก็ไม่ได้นำสืบว่า มีสัญญาอนุญาโตตุลาการอื่นแยกต่างหากจากใบตราส่งทั้งสามฉบับดังกล่าว จึงเป็นกรณีที่โจทก์กับจำเลยที่ 2 คู่สัญญาขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบมิได้ตกลงกันเป็นหนังสือกำหนดให้เสนอข้อพิพาทใดที่มีมูลกรณีจากสัญญาขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบดังกล่าว โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องคดีนี้ต่อศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางซึ่งเป็นศาลที่มีเขตอำนาจได้โดยไม่ต้องเสนอข้อพิพาทให้อนุญาโตตุลาการ
เมื่อบริษัท ซ. ซึ่งเป็นตัวแทนของจำเลยที่ 2 ผู้ประกอบการขนส่งต่อเนื่องในประเทศเดนมาร์กส่งมอบสินค้าให้แก่บุคคลอื่นโดยไม่ได้เวนคืนใบตราส่งเมื่อวันที่ 3 มิถุนายน 2552 เมื่อโจทก์ฟ้องคดีนี้เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2552 จึงเป็นการที่โจทก์ผู้ส่งฟ้องจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นผู้ประกอบการขนส่งในต่างประเทศ และจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นตัวแทนของจำเลยที่ 2 ในประเทศไทย เพื่อใช้สิทธิเรียกร้องค่าเสียหายอันเกิดจากการผิดสัญญาขนส่งภายในเก้าเดือนนับแต่วันที่จำเลยที่ 2 ผู้ประกอบการขนส่งต่อเนื่องได้ส่งมอบของ สิทธิเรียกร้องของตามคำฟ้องของโจทก์จึงไม่ขาดอายุความตาม พ.ร.บ.การขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบ พ.ศ.2548 มาตรา 38 วรรคหนึ่ง
ตามใบตราส่ง ในช่องผู้รับตราส่ง หรือคำสั่ง ระบุว่า "ตามคำสั่ง" จึงเป็นใบตราส่งต่อเนื่องชนิดโอนให้กันได้ประเภทออกให้แก่บุคคลเพื่อเขาสั่ง ซึ่งตามมาตรา 22 (2) แห่ง พ.ร.บ.การขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบ พ.ศ.2548 บัญญัติให้ผู้ประกอบการขนส่งต่อเนื่องมีหน้าที่ส่งมอบของแก่บุคคลซึ่งได้เวนคืนต้นฉบับใบตราส่งต่อเนื่องฉบับใดฉบับหนึ่งซึ่งได้สลักหลังโดยชอบ
การที่ ต. ผู้รับตราส่งตามคำสั่งเดิมของโจทก์ไม่มารับสินค้า และพฤติการณ์ของโจทก์ที่ได้ปล่อยให้สินค้าอยู่ที่ท่าเรือปลายทางเป็นระยะเวลาเนิ่นนานถึง 9 เดือนเศษ ทำให้จำเลยที่ 2 ผู้ประกอบการขนส่งต่อเนื่องและบริษัท ซ. ตัวแทนจำเลยที่ 2 ได้รับความเสียหายโดยไม่ได้รับค่าระวางและมีค่าใช้จ่ายต่างๆ ในการเก็บรักษาสินค้าตามฟ้อง ทั้งสินค้าดังกล่าวเป็นอาหารซึ่งบางส่วนเป็นกะทิซึ่งมีอายุการใช้งาน 12 เดือน แม้โจทก์จะอ้างว่า โจทก์พยายามติดต่อให้ลูกค้ามาชำระเงินโดยตลอดและยืนยันว่าผู้รับตราส่งใหม่จะมาเป็นผู้รับตู้สินค้าและชำระค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นทั้งหมด เมื่อต่อมาโจทก์ได้แจ้งจำเลยที่ 1 ว่า ผู้รับตราส่งใหม่คือ ท. แต่ ท. ไม่ยอมมารับสินค้าดังกล่าว จึงเป็นกรณีที่ผู้รับตราส่งปฏิเสธไม่มารับสินค้า เมื่อต่อมาพนักงานของจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นตัวแทนของจำเลยที่ 2 ผู้ประกอบการขนส่งต่อเนื่องได้บอกกล่าวไปยังโจทก์ผู้ตราส่งทันที และถามเอาคำสั่ง การที่โจทก์มีคำสั่งให้จำเลยที่ 2 และตัวแทนจำเลยที่ 2 เก็บสินค้าตามฟ้องต่อไปหลังจากที่เก็บไว้นานถึง 9 เดือนเศษแล้ว เพื่อที่โจทก์จะหาผู้ซื้อรายต่อไปนั้น จึงเป็นคำสั่งที่สร้างภาระและความเสียหายแก่จำเลยที่ 2 ผู้ประกอบการขนส่งต่อเนื่องเกินสมควร โดยโจทก์ไม่ได้เยียวยาความเสียหายให้แก่จำเลยที่ 2 จึงเป็นคำสั่งที่ไม่อาจปฏิบัติได้ตามมาตรา 23 วรรคสอง แห่ง พ.ร.บ.การขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบ พ.ศ.2548
เมื่อต่อมา ต. ผู้รับตราส่งเดิมที่โจทก์แจ้งตามคำสั่งได้ติดต่อไปยังบริษัท ซ. ตัวแทนของจำเลยที่ 2 แล้วว่าต้องการรับมอบสินค้าโดยยินดีจ่ายค่าระวางสินค้าและค่าใช้จ่ายให้แก่ตัวแทนของจำเลยที่ 2 แล้วบริษัท ซ. จึงมอบสินค้าให้แก่ ต. โดยไม่เวนคืนใบตราส่งนั้น จึงเป็นการจัดการตามความเหมาะสมและความจำเป็นตาม พ.ร.บ.การขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบ พ.ศ.2548 มาตรา 23 วรรคสอง และจำเลยที่ 2 ผู้ประกอบการขนส่งต่อเนื่องและตัวแทนจำเลยที่ 2 มีสิทธิรับค่าระวางและค่าใช้จ่ายจาก ต. ได้ตาม พ.ร.บ.การขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบ พ.ศ.2548 มาตรา 23 วรรคสี่
เมื่อต่อมาบริษัท ซ. ตัวแทนจำเลยที่ 2 ได้ส่งไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์มาถึงโจทก์โดยระบุว่า บริษัท ซ. ได้ปล่อยตู้สินค้าให้แก่ลูกค้าไปเนื่องจากว่าหากยังเก็บตู้สินค้าต่อไปจะทำให้ขาดทุนมากยิ่งขึ้น จึงเป็นการที่จำเลยที่ 2 ผู้ประกอบการขนส่งต่อเนื่องบอกกล่าวแก่โจทก์ผู้ตราส่งโดยไม่ชักช้า จำเลยที่ 2 จึงไม่ต้องรับผิดชอบชดใช้ค่าเสียหายที่เกิดขึ้นตามมาตรา 23 วรรคสาม