พบผลลัพธ์ทั้งหมด 13 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5815/2544 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำเลยรับข้อเท็จจริงดอกเบี้ยค้างชำระตามคำฟ้อง ทำให้ไม่ต้องวินิจฉัยเรื่องเอกสารปลอม
โจทก์บรรยายฟ้องระบุว่า จำเลยมีหน้าที่จะต้องชำระให้แก่โจทก์คิดเป็นดอกเบี้ยจำนวน 541,563.65 บาท จำเลยมิได้ให้การต่อสู้หรือปฏิเสธคำฟ้องของโจทก์เกี่ยวกับจำนวนดอกเบี้ยที่ค้างชำระดังกล่าว ถือว่าจำเลยรับข้อเท็จจริงในส่วนนี้ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 177 วรรคสอง ข้อเท็จจริงต้องฟังตามคำฟ้องว่าจำเลยค้างชำระดอกเบี้ยแก่โจทก์จำนวน 541,563.65 บาท โดยไม่ต้องสืบพยาน เมื่อบัญชีเงินกู้เอกสารที่โจทก์นำสืบเป็นพยานหลักฐานเกี่ยวกับจำนวนดอกเบี้ยที่จำเลยค้างชำระ กรณีจึงไม่จำต้องวินิจฉัยว่าบัญชีเงินกู้เป็นเอกสารที่รับฟังไม่ได้เพราะเป็นเอกสารปลอมและเป็นสำเนาไม่ถูกต้องหรือไม่ แม้ศาลล่างทั้งสองจะได้หยิบยกขึ้นวินิจฉัยให้ ก็ถือไม่ได้ว่าเป็นข้อที่ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยไม่ชอบในศาลล่างทั้งสองตาม ป.วิ.พ. มาตรา 249 วรรคหนึ่ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 194/2543
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาเรื่องสิทธิในที่ดินมรดก: การยกข้ออ้างสิทธิครอบครองนอกเหนือจากคำฟ้องเป็นเหตุไม่ต้องวินิจฉัย
โจทก์บรรยายฟ้องว่า มีการแบ่งปันที่ดินพิพาทให้โจทก์เข้าครอบครองเป็นส่วนสัด เมื่อปี 2533 อันเป็นการอ้างสิทธิในที่ดินพิพาทในฐานะที่เป็นทรัพย์มรดกซึ่งโจทก์มีส่วนเป็นเจ้าของ โจทก์หาได้อ้างสิทธิในที่ดินพิพาทด้วยการครอบครองตั้งแต่ปี 2522 ไม่ ที่โจทก์ฎีกาว่า โจทก์ครอบครองที่ดินพิพาทมาตั้งแต่ปี 2522 โจทก์มีสิทธิครอบครองในที่ดินพิพาท จึงเป็นเรื่องนอกเหนือจากคำฟ้องเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3015/2541
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชำระหนี้ครบถ้วนและการสละสิทธิบังคับคดี ทำให้ศาลไม่ต้องวินิจฉัยประเด็นอื่น
ระหว่างพิจารณาของศาลฎีกา โจทก์และจำเลยแถลงร่วมกันต่อศาลชั้นต้นว่า จำเลยชำระหนี้ตามฟ้องให้แก่โจทก์ครบถ้วนแล้ว โจทก์ไม่ติดใจและขอสละสิทธิในการบังคับคดีแก่จำเลย ดังนั้น ศาลฎีกาจึงไม่จำต้องวินิจฉัยฎีกาของจำเลยที่ว่า ศาลอุทธรณ์มีอำนาจสั่งงดการบังคับคดีไว้ ชั่วคราวหรือไม่ และจำเลยผิดสัญญาประนีประนอมยอมความหรือไม่ เพราะไม่เป็นประโยชน์แก่คดีต่อไปให้จำหน่ายคดีจากสารบบความศาลฎีกา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5827/2540 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พยายามวางเพลิงฯ ไม่ต้องวินิจฉัยทำให้เสียทรัพย์ โทษคำนวณจากอัตราโทษเดิม
เมื่อการกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานพยายามวางเพลิงเผาทรัพย์ผู้อื่นตาม ป.อ.มาตรา 218 (1), 80 แล้ว ก็ไม่จำต้องวินิจฉัยว่าจำเลยกระทำผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ตาม ป.อ.มาตรา 358 อีก
ตาม ป.อ.มาตรา 80 วรรคสอง ที่บัญญัติว่า ผู้ใดพยายามกระทำความผิด ผู้นั้นต้องระวางโทษสองในสามส่วนของโทษที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดนั้น หมายถึง การกำหนดโทษที่จะลงโดยคำนวณโทษจากสองในสามของอัตราโทษที่กฎหมายกำหนด หาใช่ต้องกำหนดโทษความผิดสำเร็จก่อนไม่
ตาม ป.อ.มาตรา 80 วรรคสอง ที่บัญญัติว่า ผู้ใดพยายามกระทำความผิด ผู้นั้นต้องระวางโทษสองในสามส่วนของโทษที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดนั้น หมายถึง การกำหนดโทษที่จะลงโดยคำนวณโทษจากสองในสามของอัตราโทษที่กฎหมายกำหนด หาใช่ต้องกำหนดโทษความผิดสำเร็จก่อนไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1874/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การถอนฎีกาและการถอนตัวจากตำแหน่งผู้อนุบาล ศาลอนุญาตตามความประสงค์โดยไม่ต้องวินิจฉัยฎีกา
จำเลยขอถอนฎีกาและขอถอนตัวจากการเป็นผู้อนุบาลส.แม้โจทก์และโจทก์ร่วมไม่ด้านศาลฎีกาก็ใช้ดุลพินิจไม่อนุญาตให้จำเลยถอนฎีกาและสั่งถอนจำเลยจากการเป็นผู้อนุบาลส. ตามความประสงค์ของจำเลยได้โดยไม่จำต้องวินิจฉัยฎีกาของจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3655/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิครอบครองที่ดิน: ศาลไม่ต้องวินิจฉัยหากโจทก์อ้างสิทธิครอบครองเองและฟ้องขอให้ศาลพิพากษาว่ามีสิทธิครอบครอง
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์มีสิทธิครอบครองที่ดินมือเปล่า 1 แปลงต่อมาโจทก์ได้ไปขอออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3) ต่อทางราชการ แต่ถูกจำเลยไปคัดค้านอ้างว่าที่ดินแปลงนั้นเป็นของจำเลยโดยจำเลยมีแบบแจ้งการครอบครองที่ดิน (ส.ค. 1) โจทก์จึงไม่สามารถขอออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ได้ ขอให้ศาลพิพากษาว่า โจทก์มีสิทธิครอบครองที่ดินพิพาทชอบด้วยกฎหมาย ส่วนจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ ดังนี้ เมื่อโจทก์กล่าวอ้างว่า โจทก์ครอบครองที่ดินพิพาทและข้อเท็จจริงฟังได้ตามที่โจทก์ฟ้อง โจทก์ย่อมมีสิทธิครอบครองที่ดินพิพาทด้วยไม่จำต้องมาฟ้องหรือร้องขอให้ศาลมีคำสั่งว่าโจทก์มีสิทธิครอบครองแต่อย่างใดศาลชอบที่จะพิพากษายกฟ้อง โดยไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยข้อเท็จจริงว่า โจทก์มีสิทธิครอบครองในที่ดินพิพาทหรือไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2752/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การนำสืบพยานหลักฐานโต้แย้งเอกสารในคดีแพ่ง และหลักการไม่ต้องวินิจฉัยประเด็นที่ไม่เป็นประโยชน์
การที่โจทก์นำสืบถึงหนังสือมอบอำนาจเป็นการนำสืบพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับข้อเท็จจริงในประเด็นที่พิพาท เมื่อจำเลยให้การปฏิเสธข้ออ้างของโจทก์เป็นประเด็นไว้แล้ว แม้จะไม่ให้การปฏิเสธหนังสือมอบอำนาจซึ่งโจทก์ได้กล่าวอ้างไว้ในคำฟ้อง ก็จะถือว่าจำเลยยอมรับข้อเท็จจริงในเอกสารดังกล่าวหาได้ไม่ จำเลยย่อมนำสืบหักล้างเอกสารดังกล่าวได้ เพราะเป็นการนำสืบโต้เถียงในประเด็นเดียวกัน หาใช่เป็นการนำสืบนอกเหนือคำให้การไม่ และกรณีก็มิใช่เรื่องการคัดค้านการนำเอกสารมาสืบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 125 เมื่อโจทก์แพ้คดีในประเด็นข้อสำคัญแล้ว ประเด็นอื่นที่ไม่เป็นประโยชน์แก่คดีโจทก์ก็ไม่จำต้องได้รับการวินิจฉัยจากศาลอีกศาลจึงไม่จำต้องวินิจฉัยคดีทุกประเด็น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1152/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำเลยที่ 3 ผู้รับประกันภัยมีคำให้การขัดแย้งเอง ทำให้ไม่ต้องวินิจฉัยเรื่องการรับประกัน และจำเลยต้องรับผิดชอบค่าเสียหาย
โจทก์ฟ้องให้จำเลยที่ 3 รับผิดในฐานะผู้รับประกันภัยรถยนต์ของจำเลยที่ 2 ตามสำเนาภาพถ่ายกรมธรรม์ประกันภัยท้ายฟ้อง จำเลยที่ 3 ให้การว่า สำเนาภาพถ่ายเอกสารดังกล่าวไม่มีการรับรองจากจำเลยที่ 3 จึงขอปฏิเสธว่าจำเลยที่ 3 ไม่ได้รับประกันภัยรถยนต์คันเกิดเหตุไว้จากจำเลยที่ 2 และไม่มีนิติสัมพันธ์ใด ๆ ต่อกัน ถ้าฟังว่าจำเลยที่ 3 ได้รับประกันภัยรถยนต์คันเกิดเหตุไว้จากจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 3 ก็ไม่ต้องรับผิด เพราะจำเลยที่ 2 ไม่ได้ปฏิบัติไปตามเงื่อนไขแห่งสัญญากรมธรรม์ประกันภัย กล่าวคือลูกจ้างของจำเลยที่ 2 ขับขี่รถยนต์โดยไม่ได้รับอนุญาตให้ขับรถยนต์ได้ตามกฎหมายจึงไม่ได้รับความคุ้มครองความเสียหาย ดังนี้ คำให้การของจำเลยที่ 3 จึงขัดกันเองและเป็นคำให้การที่ไม่ชัดแจ้งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177 วรรคสอง คดีไม่มีประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยว่าจำเลยที่ 3 ได้รับประกันภัยรถยนต์คันเกิดเหตุไว้จากจำเลยที่ 2 หรือไม่ และกรณีเช่นนี้ก็ถือไม่ได้ว่าจำเลยที่ 3 ได้คัดค้านความถูกต้องแท้จริงของสำเนาเอกสารดังกล่าวไว้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 125 แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1152/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำเลยที่ 3 ผู้รับประกันภัย มีคำให้การขัดแย้งกันเอง ถือเป็นคำให้การไม่ชัดแจ้ง ศาลไม่ต้องวินิจฉัยเรื่องการรับประกันภัย
โจทก์ฟ้องให้จำเลยที่ 3 รับผิดในฐานะผู้รับประกันภัยรถยนต์ของจำเลยที่ 2 ตามสำเนาภาพถ่ายกรมธรรม์ประกันภัยท้ายฟ้อง จำเลยที่ 3 ให้การว่า สำเนาภาพถ่ายเอกสารดังกล่าวไม่มีการรับรองจากจำเลยที่ 3 จึงขอปฏิเสธว่าจำเลยที่ 3 ไม่ได้รับประกันภัยรถยนต์คันเกิดเหตุไว้จากจำเลยที่ 2 และไม่มีนิติสัมพันธ์ใดๆ ต่อกัน ถ้าฟังว่าจำเลยที่ 3 ได้รับประกันภัยรถยนต์คันเกิดเหตุไว้จากจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 3 ก็ไม่ต้องรับผิด เพราะจำเลยที่ 2 ไม่ได้ปฏิบัติไปตามเงื่อนไขแห่งสัญญากรมธรรม์ประกันภัย กล่าวคือลูกจ้างของจำเลยที่ 2ขับขี่รถยนต์โดยไม่ได้รับอนุญาตให้ขับรถยนต์ได้ตามกฎหมายจึงไม่ได้รับความคุ้มครองความเสียหาย ดังนี้ คำให้การของจำเลยที่ 3 จึงขัดกันเองและเป็นคำให้การที่ไม่ชัดแจ้งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177 วรรคสองคดีไม่มีประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยว่าจำเลยที่ 3 ได้รับประกันภัยรถยนต์คันเกิดเหตุไว้จากจำเลยที่ 2 หรือไม่และกรณีเช่นนี้ก็ถือไม่ได้ว่าจำเลยที่ 3 ได้คัดค้านความถูกต้องแท้จริงของสำเนาเอกสารดังกล่าวไว้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 125 แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1373/2510
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสืบพยานขัดแย้งกับข้อต่อสู้เดิมในคำให้การ ถือเป็นการสืบนอกประเด็น ศาลไม่ต้องวินิจฉัยซ้ำ
ตามคำให้การของจำเลย จำเลยได้ยอมรับถึงการบอกกล่าวเลิกสัญญาจากโจทก์แล้ว แต่จำเลยมีข้อต่อสู้บางประการ จึงไม่มีประเด็นว่าจำเลยไม่เคยได้รับคำบอกกล่าวหรือไม่ ครั้นเวลาพิจารณา จำเลยกลับเบิกความว่าไม่เคยได้รับหนังสือบอกกล่าวเลิกสัญญาเช่า ดังนี้ เป็นการสืบนอกประเด็นข้อต่อสู้ ขัดกับที่จำเลยได้ยื่นคำให้การไว้