พบผลลัพธ์ทั้งหมด 3 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 383/2543
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไม่ปฏิบัติตามขั้นตอนการสืบพยานในคดีภาษีอากร ทำให้ไม่อาจขอพิจารณาใหม่ได้
หลังจากจำเลยทั้งสองยื่นคำให้การและศาลภาษีอากรกลางได้นัดชี้สองสถาน และได้ส่งหมายนัดให้ทนายโจทก์ทราบโดยชอบแล้ว ต้องถือว่าโจทก์ทราบวันนัดชี้สองสถานของศาลภาษีอากรกลางแล้ว ในวันนัดชี้สองสถานทนายโจทก์ไม่มาศาลโดยไม่ปรากฏว่ามีเหตุขัดข้อง คงมาแต่ฝ่ายจำเลย ศาลจึงทำการชี้สองสถานไปโดยให้โจทก์มีหน้าที่นำสืบก่อนแล้วให้จำเลยนำสืบแก้ แต่โจทก์มิได้ยื่นบัญชีระบุพยานตามข้อกำหนดคดีภาษีอากร และโจทก์ไม่มาศาล ศาลภาษีอากรกลางจึงสั่งงดสืบพยานโจทก์ได้ และถือว่าโจทก์ได้ทราบกระบวนพิจารณาในวันชี้สองสถานแล้ว
โจทก์มิได้ยื่นบัญชีระบุพยานตามข้อกำหนดคดีภาษีอากร และโจทก์ไม่มาศาล ศาลจึงสั่งงดสืบพยานโจทก์ และต่อมาพิพากษาให้โจทก์แพ้คดีมิใช่เป็นกรณีที่ศาลสั่งให้โจทก์ขาดนัดพิจารณา โจทก์จึงไม่มีสิทธิขอพิจารณาใหม่
โจทก์มิได้ยื่นบัญชีระบุพยานตามข้อกำหนดคดีภาษีอากร และโจทก์ไม่มาศาล ศาลจึงสั่งงดสืบพยานโจทก์ และต่อมาพิพากษาให้โจทก์แพ้คดีมิใช่เป็นกรณีที่ศาลสั่งให้โจทก์ขาดนัดพิจารณา โจทก์จึงไม่มีสิทธิขอพิจารณาใหม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7366/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเวนคืนที่ดิน: การไม่ปฏิบัติตามขั้นตอนการอุทธรณ์ค่าทดแทนทำให้ขาดสิทธิฟ้องร้อง
พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 295(ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2530 มาตรา 7 ให้ยกเลิกความในส่วนที่ 3 การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์เพื่อสร้างหรือขยายทางหลวง ข้อ 63 ถึงข้อ 80 แห่งประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 295 และมาตรา 9 วรรคสอง บัญญัติว่า การเวนคืนและการปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยทางหลวงที่ได้ปฏิบัติไปแล้วก่อนวันใช้บังคับพระราชบัญญัตินี้เป็นอันใช้ได้ แต่การดำเนินการต่อไป ให้ดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์คือดำเนินการตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. 2530 กรณีของโจทก์ขณะที่พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 295 พ.ศ. 2515(ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2530 มีผลใช้บังคับการดำเนินการตามพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนฯ ยังไม่เสร็จสิ้น เพราะจำเลยยังไม่ได้กำหนดค่าตอบแทนที่ดินให้แก่โจทก์ ดังนั้นการดำเนินการต่อไปจึงต้องบังคับตามบทบัญญัติของพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. 2530ซึ่งตามมาตรา 25 วรรคหนึ่งกำหนดว่า ถ้าผู้มีสิทธิได้รับเงินค่าทดแทนการเวนคืนไม่พอใจในราคาของอสังหาริมทรัพย์หรือจำนวนเงินค่าทดแทน มีสิทธิอุทธรณ์ต่อรัฐมนตรีผู้รักษาการตามพระราชกฤษฎีกาภายใน 60 วัน นับแต่วันได้รับหนังสือให้มารับเงินค่าทดแทน และตามมาตรา 26 วรรคหนึ่ง กำหนดว่า ในกรณีที่ผู้มีสิทธิได้รับเงินค่าทดแทนยังไม่พอใจคำวินิจฉัยของรัฐมนตรีตามมาตรา 25 ให้มีสิทธิฟ้องคดีต่อศาลได้ แต่เมื่อจำเลยกำหนดค่าทดแทนที่ดินที่จะถูกเวนคืนให้แก่โจทก์แล้วโจทก์ได้รับเงินดังกล่าวไปเมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2531 โดยไม่ได้อุทธรณ์ต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยซึ่งเป็นผู้รักษาการตามพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนฯ ตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 25 วรรคหนึ่ง ซึ่งเมื่อโจทก์ไม่ปฏิบัติตามบทบัญญัติของกฎหมายดังกล่าว ก็ย่อมไม่มีสิทธิฟ้องคดีต่อศาล
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2729/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไม่ปฏิบัติตามขั้นตอนการอุทธรณ์และการวางเงินชำระตามคำพิพากษา ทำให้ศาลยกคำร้องอุทธรณ์
จำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 ยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของศาลชั้นต้น โดยมิได้นำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันให้ไว้ต่อศาล เป็นการฝ่าฝืนประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 234 ชอบที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 จะยกคำร้องนั้นได้ โดยไม่ต้องกำหนดวันเวลาให้จำเลยปฏิบัติก่อน เพราะบทบัญญัติมาตรานี้บังคับผู้อุทธรณ์แต่เพียงผู้เดียวให้ต้องปฏิบัติ มิใช่เป็นหน้าที่ของศาล คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ไม่รับคำฟ้องอุทธรณ์ของจำเลยที่ 2 ที่ 3ที่ 4 มิใช่เป็นคำสั่งไปในทางวินิจฉัยชี้ขาดข้อพิพาทแห่งคดีตามพระธรรมนูญศาลยุติธรรม มาตรา 21(2) ชอบที่ผู้พิพากษาคนเดียวจะสั่งได้