คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ไม่มีทางออก

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 7 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1935/2544

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ที่ดินติดแม่น้ำเจ้าพระยาไม่ถือเป็นที่ดินไม่มีทางออก การเรียกร้องทางจำเป็นไม่สำเร็จ
ที่ดินของโจทก์ที่ 6 ถึงที่ 13 ทั้ง 4 แปลงอยู่ติดแม่น้ำเจ้าพระยาซึ่งปัจจุบันยังมีการใช้สัญจรตามปกติจึงเป็นทางสาธารณะ ที่ดินของโจทก์ดังกล่าวจึงไม่เป็นที่ดินที่มีที่ดินแปลงอื่นล้อมอยู่จนไม่มีทางออกถึงทางสาธารณะได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1349 วรรคหนึ่ง
บ้านบางหลังของฝ่ายโจทก์เป็นบ้านยกพื้น อยู่สูงกว่าระดับน้ำในแม่น้ำประมาณ 70 เซนติเมตร แสดงให้เห็นว่า ระดับน้ำในแม่น้ำกับริมตลิ่งย่อมจะน้อยกว่า 70 เซนติเมตร กรณีไม่ถือว่าเป็นที่ชันอันระดับที่ดินกับทางสาธารณะอยู่สูงกว่ากันมากตามความหมายของมาตรา 1349 วรรคสอง
เมื่อที่ดินของโจทก์ที่ 6 ถึงที่ 13 ทั้ง 4 แปลงอยู่ติดทางสาธารณะแม้ฝ่ายโจทก์ไม่ได้ใช้ทางสาธารณะนี้สัญจรไปมาเป็นเวลานานแล้วก็ไม่ทำให้โจทก์ทั้งสิบสามมีสิทธิที่จะใช้ทางพิพาทในที่ดินของจำเลยทั้งเจ็ดโดยอ้างว่าเป็นทางจำเป็นได้
ที่ดินของโจทก์ที่ 1 ถึงที่ 5 และโจทก์ที่ 8 ถึงที่ 13 แปลงอื่น ซึ่งไม่ได้ติดทางสาธารณะโดยตรงนั้น เป็นที่ดินแบ่งแยกมาจากที่ดินที่ติดทางสาธารณะหากโจทก์ที่ 1 ถึงที่ 5 และโจทก์ที่ 8 ถึงที่ 13 จะเรียกร้องเอาทาง ก็ต้องเรียกร้องเอาจากที่ดินแปลงเดิมที่ได้แบ่งแยกหรือแบ่งโอนกัน ไม่อาจที่จะเรียกร้องขอใช้ทางพิพาทได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8150/2542

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิการขอทางจำเป็นเมื่อที่ดินถูกแบ่งแยกและไม่มีทางออกสู่ทางสาธารณะ
เมื่อจำเลยแบ่งแยกที่ดินขายให้โจทก์แล้ว โจทก์จะออกไปสู่ทางสาธารณะทางด้านทิศตะวันตกได้ต้องใช้ทางพิพาทในที่ดินจำเลยแม้โจทก์จะสามารถผ่านเข้าออกทางด้านทิศตะวันออกก็ต้องผ่านที่ดินของบุคคลอื่นและที่ดินของจำเลยอีกแปลงหนึ่งซึ่งเป็นเรื่องของความยินยอม หาใช่สิทธิตามกฎหมายไม่ ส่วนด้านทิศใต้แม้ที่ดินของโจทก์จะติดแม่น้ำ แต่แม่น้ำดังกล่าวก็ไม่ได้ใช้สัญจรอย่างทางสาธารณะแล้วดังนั้น เมื่อการแบ่งแยกที่ดินของโจทก์ออกมาจากที่ดินของจำเลยเป็นเหตุให้ที่ดินของโจทก์ไม่มีทางออกไปสู่ทางสาธารณะ โจทก์จึงมีสิทธิขอให้เปิดทางพิพาทเป็นทางจำเป็นผ่านที่ดินของจำเลยออกไปสู่ทางสาธารณะได้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1350 และเมื่อโจทก์ใช้เกวียนและบุตรโจทก์ใช้รถยนต์เป็นพาหนะผ่านทางพิพาท ทางพิพาทจึงควรมีความกว้างเพื่อให้เกวียนและรถยนต์ผ่านเข้าออกได้โดยสะดวก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 290/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิขอทางจำเป็นเมื่อที่ดินถูกปิดล้อมและไม่มีทางออกสู่ทางสาธารณะ โดยไม่ต้องเสียค่าทดแทน
แม้ว่าที่ดินของโจทก์ทางด้านทิศตะวันออกอยู่ติดกับบริเวณที่ดินที่ พ. ได้อุทิศแบ่งแยกไว้เป็นทางสาธารณะ แต่ที่ดินของพ. บริเวณดังกล่าวมีห้องแถวและสิ่งปลูกสร้างอื่นปลูกอยู่ก่อนแล้วไม่อาจใช้สัญจรออกไปสู่ทางสาธารณะได้ที่ดินบริเวณที่ พ. แบ่งไว้จึงเป็นที่ดินซึ่งประชาชนทั่วไป และโจทก์ไม่อาจใช้ประโยชน์ในการสัญจรหรือการจราจรได้จริง ที่ดินของโจทก์จึงถูกที่ดินแปลงอื่นปิดกั้นไม่อาจออกสู่ทางสาธารณะได้ตามสภาพที่เป็นจริง ตามนัยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1349 โจทก์ย่อมมีสิทธิขอเปิดทางจำเป็นที่พิพาทผ่านที่ดินของจำเลยไปออก สู่ทางสาธารณะที่ใช้สัญจรไปมาตามความเป็นจริงได้ ภายหลังแบ่งแยกกรรมสิทธิ์รวมที่ดินมีโฉนด ออกมาเป็นโฉนดแปลงย่อยของโจทก์ของจำเลย และแปลงอื่น ๆ ทำให้ที่ดินของโจทก์ไม่มีทางออกสู่ทางสาธารณะได้เลย โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินที่ถูกแบ่งแยกออกมามีสิทธิเรียกร้องเอาทางจำเป็นจากที่ดินที่แบ่งแยกหรือแบ่งโอนกันออกมา ไปสู่ทางสาธารณะได้โดยไม่ต้องเสียค่าทดแทนตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1350

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4354/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิใช้ทางจำเป็น: การที่ดินถูกล้อมรอบและไม่มีทางออกอื่น โจทก์มีสิทธิใช้ทางจำเป็นได้ แม้ฟ้องอ้างทางสาธารณะ
โจทก์บรรยายฟ้องว่า ทางพิพาทเป็นทางสาธารณะที่ใช้สัญจรไปมาด้วยความจำเป็นเป็นเวลา 17 ปีเศษ เนื่องจากไม่มีทางอื่นเข้าออกได้อีกดังนี้ นอกจากเป็นการบรรยายฟ้องว่าทางพิพาทเป็นทางสาธารณะแล้ว ยังเป็นทางจำเป็นด้วย จึงเป็นประเด็นแห่งคดีที่ศาลมีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยว่าทางพิพาทเป็นทางจำเป็นได้ ไม่เป็นการวินิจฉัยนอกฟ้องนอกประเด็น
ที่ดินของโจทก์มีที่ดินแปลงอื่นล้อมอยู่ ไม่มีทางอื่นที่จะใช้ออกไปสู่ทางสาธารณะได้ โจทก์มีสิทธิใช้ทางพิพาทในลักษณะทางจำเป็นได้จำเลยไม่มีอำนาจปิดกั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 241/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิใช้ทางจำเป็นเมื่อที่ดินถูกล้อม – การบังคับใช้สิทธิของเจ้าของที่ดินที่ไม่มีทางออก
โจทก์ฟ้องให้จำเลยเปิดทางเดิน โดยอ้างว่าทางพิพาทเป็นทางสาธารณะ แม้จะพิจารณาได้ความว่าทางพิพาทเป็นของจำเลย มิใช่ทางสาธารณะก็ตาม เมื่อฟ้องโจทก์ก็ได้บรรยายว่าที่ดินของโจทก์ตกอยู่ในที่ล้อมของที่ดินผู้อื่นทั้งสี่ด้าน และข้อเท็จจริงก็ได้ความว่าโจทก์เคยนำวัวควายออกไปเลี้ยงและทำนาโดยอาศัยทางพิพาทนี้มาก่อนจำเลยปิดกั้นแล้ว เช่นนี้ โจทก์ย่อมมีความชอบธรรมที่จะใช้ทางพิพาทได้ จำเลยจะใช้สิทธิปิดทางไม่ให้โจทก์ได้ใช้เสียเลยหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1979/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิใช้ทางผ่านในที่ดินที่ถูกล้อม: แม้ไม่มีทางออกเดิมก็มีสิทธิผ่าน
ความในประมวลแพ่งมาตรา 1349 วรรค 1 จำกัดความใน วรรค 2 ให้แน่นแฟ้นขึ้น กล่าวคือ ที่ ๆ อยู่ในวงล้อมนั้นแม้ว่าจะมีทางอื่นออกได้อยู่ก่อนแล้ว แต่ออกหรือผ่านไปได้ลำบากมาก เพราะมีสภาพเป็น สระ บึง ทะเล ฯ ก็ยังให้เจ้าของที่ดินที่ถูกล้อมมีสิทธิผ่านที่ดินแปลงอื่นที่ล้อมอยู่ไปสู่ทางสาทธารณะได้ ดังที่บัญญัติไว้ใน ม.1349 วรรค 2 แต่ข้อเท็จจริงในคดีนี้ปรากฏว่าไม่มีทางอื่นจะออกได้อยู่ก่อนเลย จึงไม่อยู่ในบังคับตามความใน วรรค 2 ไม่มีเหตุจะต้องพิเคราะห์ถึงสภาพของการเป็นหรือไม่เป็น สระ บึง ทะเล ฯ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5792/2551

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิผ่านที่ดินของผู้อื่นเมื่อที่ดินถูกล้อมรอบ: ทางสาธารณะรวมถึงทางน้ำ แม้จะไม่สะดวก
ป.พ.พ. มาตรา 1349 วรรคหนึ่ง บัญญัติว่า "ที่ดินแปลงใดมีที่ดินแปลงอื่นล้อมอยู่จนไม่มีทางออกถึงทางสาธารณะได้ไซร้ ท่านว่าเจ้าของที่ดินแปลงนั้นจะผ่านที่ดินซึ่งล้อมอยู่ไปสู่ทางสาธารณะได้" ทางสาธารณะมิได้จำกัดเฉพาะทางบกเท่านั้นทางน้ำเช่นแม่น้ำนครชัยศรี ซึ่งเป็นที่ดินของรัฐก็เป็นทางสาธารณะ แม้การสัญจรทางแม่น้ำนครชัยศรีจะไม่สะดวกไม่สอดคล้องกับความเจริญรุ่งเรืองของบ้านเมืองเท่าการสัญจรทางบกดังที่โจทก์ทั้งสองอ้าง ก็หาทำให้แม่น้ำนครชัยศรีสิ้นสภาพการเป็นทางสาธารณะไปไม่ ทั้งที่ดินของโจทก์ทั้งสองตลอดแนวด้านทิศตะวันออกติดแม่น้ำนครชัยศรี โดยไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่าการเข้าออกจากที่ดินของโจทก์ทั้งสองสู่แม่น้ำนครชัยศรี ต้องข้ามสระ บึง หรือมีที่ชันอันมีระดับที่ดินกับแม่น้ำนครชัยศรีซึ่งเป็นทางสาธารณะสูงกว่ากันมาก อันจะถือเป็นเหตุอนุโลมเสมือนว่าที่ดินของโจทก์ทั้งสองไม่มีทางออกถึงทางสาธารณะได้ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1349 วรรคสอง