พบผลลัพธ์ทั้งหมด 22 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 474/2544
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เช็คพิพาทจากแชร์ที่ผิดกฎหมาย: แม้เป็นผู้ทรงเช็คโดยชอบ แต่สัญญานิติกรรมเป็นโมฆะ ทำให้ไม่มีมูลหนี้
ห้างหุ้นส่วนจำกัด ท. ซึ่งจำเลยที่ 2 เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ ได้เป็นนายวงจัดให้มีการเล่นแชร์ โจทก์เป็นกรรมการบริษัท ก. โจทก์ในนามบริษัทดังกล่าวกับจำเลยที่ 1 ร่วมเข้าเล่นแชร์ดังกล่าวรวม 2 วง ต่อมาโจทก์ประมูลแชร์ทั้งสองวงได้ และได้รับเช็คพิพาทรวม 2 ฉบับ เพื่อชำระหนี้ค่าแชร์ โดยจำเลยที่ 1 เป็นผู้สั่งจ่าย มีจำเลยที่ 2 เป็นผู้สลักหลัง ต่อมา เช็คพิพาททั้งสองฉบับถึงกำหนดชำระเงิน ธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายแม้เช็คพิพาททั้งสองฉบับจะระบุจ่าย "บริษัท ก." แต่ก็มิได้ขีดฆ่าคำว่า "หรือผู้ถือ" ออก เช็คพิพาททั้งสองฉบับจึงเป็นเช็คผู้ถือ เมื่อโจทก์เป็นผู้ครอบครอง โจทก์จึงเป็นผู้ทรงโดยชอบด้วยกฎหมาย ตาม ป.พ.พ. มาตรา 904 และมีอำนาจฟ้อง แต่แชร์ทั้งสองวงดังกล่าว มีนิติบุคคลเป็นนายวงแชร์ ซึ่งต้องห้ามตาม พ.ร.บ.การเล่นแชร์ พ.ศ. 2534 มาตรา 5 นิติกรรมการเล่นแชร์ทั้งสองวง จึงตกเป็นโมฆะ ตาม ป.พ.พ. มาตรา 150 เช็คพิพาททั้งสองฉบับจึงไม่มีมูลหนี้ที่จะบังคับได้ตามกฎหมาย โจทก์ไม่มีสิทธิ เรียกร้องให้จำเลยทั้งสองรับผิดตามเช็คพิพาททั้งสองฉบับ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7003/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาต้องห้ามในปัญหาข้อเท็จจริง: เช็คพิพาทไม่มีมูลหนี้
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย 1 เดือน และศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน จึงต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคหนึ่ง ประกอบด้วยพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ. 2499 มาตรา 4 ที่จำเลยฎีกาว่า เช็คพิพาทไม่มีมูลหนี้เพราะจำเลยสั่งจ่ายให้ผู้เสียหายโดยมีเจตนาค้ำประกันการชำระหนี้ค่าเช่าซื้อรถแม็คโคร มิใช่เพื่อชำระหนี้ค่าเช่าซื้อจึงไม่มีความผิดและขอให้รอการลงโทษจำคุกไว้ เป็นฎีกาที่โต้เถียงดุลพินิจของศาลในการรับฟังพยานหลักฐานและการลงโทษจำเลยอันเป็นปัญหาข้อเท็จจริง จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาตามบทกฎหมายดังกล่าว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7003/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาต้องห้ามในปัญหาข้อเท็จจริง: เช็คไม่มีมูลหนี้ คดีเช็ค
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย1เดือนและศาลอุทธรณ์ภาค2พิพากษายืนจึงต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา218วรรคหนึ่งประกอบด้วยพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวงพ.ศ.2499มาตรา4ที่จำเลยฎีกาว่าเช็คพิพาทไม่มีมูลหนี้เพราะจำเลยสั่งจ่ายให้ผู้เสียหายโดยมีเจตนาค้ำประกันการชำระหนี้ค่าเช่าซื้อรถแม็คโครมิใช่เพื่อชำระหนี้ค่าเช่าซื้อจึงไม่มีความผิดและขอให้รอการลงโทษจำคุกไว้เป็นฎีกาที่โต้เถียงดุลพินิจของศาลในการรับฟังพยานหลักฐานและการลงโทษจำเลยอันเป็นปัญหาข้อเท็จจริงจึงต้องห้ามมิให้ฎีกาตามบทกฎหมายดังกล่าว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1907/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เช็คไม่มีมูลหนี้เนื่องจากสัญญาเลิกกันโดยปริยาย สิทธิฟ้องอาญาจึงระงับ
จำเลยที่ 1 ออกเช็คตามฟ้องให้โจทก์เป็นมัดจำในการว่าจ้างช่วงให้โจทก์ทำเฟอร์นิเจอร์แก่ อ. เช็คตามฟ้องจึงมีมูลหนี้ แต่ไม่ปรากฏว่าโจทก์ได้ทำงานตามสัญญาจ้างระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1ไปแล้วหรือไม่เพียงใด อ. ก็ได้ตกลงว่าจ้างโจทก์ทำเฟอร์นิเจอร์แก่ อ. เสียเอง ซึ่งจำเลยที่ 1 มิได้ทักท้วงอย่างใด ถือได้ว่าโจทก์กับจำเลยที่ 1 ได้เลิกสัญญากันโดยปริยาย เมื่อไม่ปรากฏว่าโจทก์ได้ทำงานตามสัญญาให้แก่จำเลยที่ 1 แล้วหรือไม่ และฝ่ายใดเป็นฝ่ายผิดสัญญา โจทก์จึงต้องคืนมัดจำแก่จำเลยที่ 1หนี้ที่จำเลยที่ 1 ได้ออกเช็คเพื่อใช้เงินจึงสิ้นผลผูกพันไปก่อนศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุด ซึ่งพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 มาตรา 7 ให้ถือว่าคดีเลิกกันตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา และเป็นกฎหมายที่บัญญัติในภายหลังเป็นคุณแก่ผู้กระทำผิดมากกว่าพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 5 ที่ใช้ในการกระทำความผิดจึงต้องใช้พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คพ.ศ. 2534 มาตรา 7 บังคับแก่กรณีนี้ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 3โดยถือว่าคดีเลิกกัน สิทธินำคดีอาญามาฟ้องของโจทก์ย่อมระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(3)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1624/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องคดีเช็คโดยผู้รับโอนที่ไม่มีมูลหนี้และไม่สุจริต ย่อมไม่มีอำนาจฟ้อง
โจทก์ได้รับโอนเช็คพิพาทมาจาก ฉ. โดยไม่มีมูลหนี้และโดยไม่สุจริต โจทก์ย่อมไม่ใช่ผู้ทรงเช็คโดยชอบด้วยกฎหมาย และไม่เป็นผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 2(4)จึงไม่มีอำนาจฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 28(2)และปัญหาเกี่ยวกับอำนาจฟ้องคดีอาญา เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้ไม่มีฝ่ายใดฎีกา ศาลฎีกาก็มีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยเองได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5723/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเป็นผู้ทรงเช็คโดยชอบด้วยกฎหมาย การซื้อขายเช็ค และเช็คไม่มีมูลหนี้
จำเลยสั่งจ่ายเช็คพิพาทซึ่งเป็นเช็คผู้ถือแล้วมอบให้ ว.เป็นการชั่วคราวตามคำขอร้อง ของ ก. มารดาจำเลย ต่อมา ก.ได้ออกเช็คของ ก. มอบให้ ว. แทนเช็คพิพาท และ ว. นำเช็คฉบับหลังขึ้นเงินได้แล้วแต่ไม่คืนเช็คพิพาทให้จำเลย จำเลยไม่ได้ออกเช็คพิพาทให้โจทก์ และโจทก์ไม่เคยได้เช็คพิพาทไว้ในครอบครองโจทก์เพียงแต่มีภาพถ่ายเช็คพิพาทไว้เท่านั้น ดังนี้ โจทก์ไม่ใช่ผู้ทรงเช็คพิพาทโดยชอบด้วยกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4082/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เช็คพิพาทประกันหนี้กู้ สิทธิเบิกจ่ายเมื่อครบกำหนด ไม่ใช่เช็คไม่มีมูลหนี้
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยออกเช็คให้แก่โจทก์เพื่อชำระหนี้ จำเลยให้การรับว่าจำเลยได้ออกเช็คพิพาทให้แก่โจทก์จริง โดยออกให้เพื่อประกันเงินกู้ตามสัญญากู้ซึ่งระบุว่า จำเลยได้มอบเช็คพิพาทซึ่งสั่งจ่ายเงินเท่ากับจำนวนเงินกู้และลงวันที่สั่งจ่ายวันเดียวกับวันครบกำหนดชำระเงินกู้ให้โจทก์ไว้เป็นประกัน ข้อความในสัญญากู้ดังกล่าวแสดงว่าเมื่อถึงกำหนดชำระหนี้เงินกู้ หากจำเลยไม่ชำระโจทก์ก็มีสิทธินำเช็คพิพาทไปเบิกเงินจากธนาคารเพื่อชำระหนี้เงินกู้ได้ หาใช่เป็นกรณีเช็คพิพาทไม่มีมูลหนี้ดังจำเลยต่อสู้ไม่
เมื่อข้อเท็จจริงตามคำฟ้องและคำให้การฟังได้แล้วว่า โจทก์มีสิทธินำเช็คพิพาทไปเบิกเงิน และธนาคารตามเช็คได้ปฏิเสธการจ่ายเงินแล้ว จำเลยในฐานะผู้สั่งจ่ายย่อมต้องรับผิดใช้เงินตามเช็คพร้อมดอกเบี้ยให้แก่โจทก์ คดีจึงพอวินิจฉัยได้แล้ว หามีความจำเป็นต้องสืบพยานใด ๆ ต่อไปอีกไม่
เมื่อข้อเท็จจริงตามคำฟ้องและคำให้การฟังได้แล้วว่า โจทก์มีสิทธินำเช็คพิพาทไปเบิกเงิน และธนาคารตามเช็คได้ปฏิเสธการจ่ายเงินแล้ว จำเลยในฐานะผู้สั่งจ่ายย่อมต้องรับผิดใช้เงินตามเช็คพร้อมดอกเบี้ยให้แก่โจทก์ คดีจึงพอวินิจฉัยได้แล้ว หามีความจำเป็นต้องสืบพยานใด ๆ ต่อไปอีกไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1845/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาออกเช็ค – ไม่มีมูลหนี้ – เช็คเพื่อประกันเท่านั้น – ไม่ผิดฐานออกเช็คโดยเจตนาทุจริต
พ. เป็นพนักงานของคุรุสภาผู้เสียหาย มีหน้าที่เก็บเงินค่าเดินทางไปทัศนศึกษา ของสมาชิกคุรุสภา ปรากฏว่าเงินขาดบัญชีไป เพื่อให้ปรากฏหลักฐานทางบัญชีเต็มยอดเงิน พ. ได้ยืมเช็คพิพาทจากจำเลยเพื่อนำมาเข้าบัญชีแทนเงินที่ขาดหายไป โดยจะไม่นำเช็คพิพาทไปเรียกเก็บเงินเพียงนำมาเป็นประกันเท่านั้น ซึ่ง ด.ผู้บังคับบัญชาของ พ. ก็ทราบแล้ว ดังนี้ เห็นได้ว่าจำเลยกับ พ.ไม่มีมูลหนี้ตามเช็คพิพาทต่อกัน จำเลยไม่ได้ออกเช็คพิพาทเพื่อเจตนาชำระหนี้ จึงถือไม่ได้ว่าจำเลยมีเจตนากระทำความผิดฐานออกเช็คโดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็คหรือโดยขณะที่ออกไม่มีเงินอยู่ในบัญชีอันจะพึงให้ใช้เงินได้ หรือออกเช็คให้ใช้เงินมีจำนวนสูงกว่าจำนวนเงินที่มีอยู่ในบัญชีอันจะพึงให้ใช้เงินได้ในขณะที่ออกเช็ค ตามฟ้องโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1845/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาออกเช็ค – ไม่มีมูลหนี้ – เช็คเพื่อชำระหนี้ – ความผิดตาม พ.ร.บ. เช็ค
จำเลยกับ พ. ไม่มีมูลหนี้ตามเช็คต่อกัน พ. ขอยืมเช็คจากจำเลยมาเพื่อนำเข้าบัญชีแทนเงินที่ขาดบัญชีโดย จะไม่ นำเช็คไปเรียกเก็บเงิน จำเลยไม่ได้ออกเช็ค เพื่อเจตนาชำระหนี้ถือ ไม่ ได้ว่าจำเลยมีเจตนากระทำความผิดฐาน ออกเช็ค โดย เจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้ เงินตาม เช็ค หรือโดย ขณะที่ออกไม่มีเงินอยู่ในบัญชีอันจะพึงให้ใช้ เงิน ได้หรือออกเช็ค ให้ใช้ เงินมีจำนวนสูงกว่าจำนวนเงินที่มีอยู่ในบัญชีอันจะพึงให้ใช้ เงิน ได้ในขณะที่ออกเช็ค.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1845/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาออกเช็ค - ไม่มีมูลหนี้ - เช็คเพื่อประกัน - ไม่เข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ. เช็ค
พ. เป็นพนักงานของคุรุสภาผู้เสียหาย มีหน้าที่เก็บเงินค่าเดินทางไปทัศนศึกษา ของสมาชิกคุรุสภา ปรากฏว่าเงินขาดบัญชีไป เพื่อให้ปรากฏหลักฐานทางบัญชีเต็มยอดเงิน พ. ได้ยืมเช็คพิพาทจากจำเลยเพื่อนำมาเข้าบัญชีแทนเงินที่ขาดหายไป โดยจะไม่นำเช็คพิพาทไปเรียกเก็บเงินเพียงนำมาเป็นประกันเท่านั้น ซึ่ง ด.ผู้บังคับบัญชาของ พ. ก็ทราบแล้วดังนี้เห็นได้ว่าจำเลยกับ พ.ไม่มีมูลหนี้ตามเช็คพิพาทต่อกัน จำเลยไม่ได้ออกเช็คพิพาทเพื่อเจตนาชำระหนี้ จึงถือไม่ได้ว่าจำเลยมีเจตนากระทำความผิดฐานออกเช็คโดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็คหรือโดยขณะที่ออกไม่มีเงินอยู่ในบัญชีอันจะพึงให้ใช้เงินได้ หรือออกเช็คให้ใช้เงินมีจำนวนสูงกว่าจำนวนเงินที่มีอยู่ในบัญชีอันจะพึงให้ใช้เงินได้ในขณะที่ออกเช็ค ตามฟ้องโจทก์.