คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ไม่มีอาวุธ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 5 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 190/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตัวเกินสมควรแก่เหตุจากการถูกไล่ทำร้าย แม้ผู้ถูกทำร้ายไม่มีอาวุธ
ผู้เสียหายชกจำเลยล้มลงกับพื้นแล้วยังเข้าเตะซ้ำอีกโดยปราศจากเหตุผลมาก่อน แม้จะปรับความเข้าใจกันแล้ว แต่ ป. ซึ่งออกวิ่งไล่ทำร้ายพวกของจำเลยในทันทีทั้ง ๆ ที่ไม่ทราบสาเหตุแน่ชัดได้กลับมาจะเข้าทำร้ายจำเลยอีก จนผู้เสียหายต้องเข้าห้ามไว้ถึงขนาดต้องยื้อยุดฉุดกันไป ป. ก็ยังแสดงท่าทีจะเข้าทำร้ายจำเลยอีก พฤติการณ์เช่นนี้ถือได้ว่าเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึง แต่เนื่องด้วยไม่ปรากฏว่า ป. มีอาวุธอะไรเพียงแต่จะเข้าทำร้ายเท่านั้น การที่จำเลยยิง ป. แต่กระสุนพลาดไปถูกผู้เสียหาย จึงเป็นการป้องกันตัวเกินสมควรแก่เหตุ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 431/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การร่วมปล้นทรัพย์ด้วยการช่วยเหลือ แต่ไม่มีอาวุธ ไม่ผิดตาม ม.340 ตรี ศาลยืนตามอุทธรณ์
คนร้าย 2 คน มีปืนพกคนละกระบอกขึ้นไปบนบ้านผู้เสียหายใช้ปืนจี้ขู่บังคับเอาวิทยุเทปไป เมื่อคนร้ายลงไปถึงรั้วบ้านมีจำเลยเดินตามไปด้วย ดังนี้ จำเลยซึ่งมิได้มีอาวุธปืนไม่มีความผิดตามมาตรา 340 ตรี ซึ่งมุ่งหมายลงโทษเฉพาะตัวผู้มีอาวุธปืนเท่านั้นคงมีความผิดตามมาตรา 340 วรรคสอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1609/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ปล้นทรัพย์โดยใช้กำลังประทุษร้าย แม้ไม่มีอาวุธ ศาลลงโทษตามฟ้องได้ หากโจทก์พิสูจน์การกระทำใช้กำลังได้
จ. ผู้เฝ้าบ้านของ น. กำลังถากหญ้าอยู่หน้าบ้านได้ยินเสียงแกรกในบ้าน จึงเดินไปเปิดประตู แต่เปิดไม่ออกขณะเรียกบุตรของ น. อยู่ จำเลยที่ 1 เข้ามาจับมือ จ.และบอกให้เข้าไปในบ้าน และไม่ให้ส่งเสียงดัง ซึ่งขณะนั้นจำเลยที่ 2 และที่ 3 กำลังลักทรัพย์ของเจ้าทรัพย์อยู่ การกระทำของจำเลยที่ 1 ดังกล่าวเป็นการใช้กำลังประทุษร้าย จ. ถือได้ว่าจำเลยร่วมกันลักทรัพย์โดยใช้กำลังประทุษร้าย มีความผิดฐานปล้นทรัพย์
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยมีมีดเป็นอาวุธและร่วมกันปล้นทรัพย์โดยใช้อาวุธขู่เข็ญจะทำร้าย จ. ทางพิจารณาไม่ปรากฏว่าจำเลยมีอาวุธหรือขู่เข็ญจะทำร้าย จ. กลับได้ความว่าจำเลยเพียงแต่ร่วมกันปล้นทรัพย์โดยใช้กำลังประทุษร้าย จ. ดังนี้ ถือได้ว่าเป็นข้อแตกต่างที่มิใช่ข้อสารสำคัญทั้งจำเลยมิได้หลงต่อสู้ด้วย ศาลลงโทษจำเลยตามที่โจทก์ฟ้องได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 885/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การร่วมชุลมุนต่อสู้ทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย แม้ไม่มีอาวุธหรือเจตนาฆ่า ก็มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 294
จำเลยที่ 1 และนายเทียนย้งบิดาจำเลยที่ 1 ได้ร่วมในการชุลมุนต่อสู้กันระหว่างบุคคลตั้งแต่ 3 คนขึ้นไป นายเทียนย้งบิดาจำเลยที่ 1 ถูกทำร้ายถึงแก่ความตายในการชุลมุนต่อสู้กันนั้น เมื่อจำเลยที่ 1 ได้ร่วมในการชุลมุนต่อสู้กันนั้นด้วย ถึงแม้จำเลยที่ 1 จะไม่มีอาวุธก็ตาม แต่เมื่อจำเลยที่ 1 ไม่ได้กระทำเพื่อห้ามการชุลมุนต่อสู้หรือป้องกันตัว จำเลยที่ 1 ก็ต้องมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 294.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 885/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การร่วมชุลมุนต่อสู้ทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย แม้ไม่มีอาวุธก็มีผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 294
จำเลยที่ 1 และนายเทียนย้งบิดาจำเลยที่ 1 ได้ร่วมในการชุลมุนต่อสู้กันระหว่างบุคคลตั้งแต่ 3 คนขึ้นไป นายเทียนย้งบิดาจำเลย ที่ 1 ถูกทำร้ายถึงแก่ความตายในการชุลมุนต่อสู้กันนั้น เมื่อจำเลยที่ 1 ได้ร่วมในการชุลมุนต่อสู้กันนั้นด้วย ถึงแม้จำเลยที่ 1 จะไม่มีอาวุธก็ตาม แต่เมื่อจำเลยที่ 1 ไม่ได้กระทำเพื่อห้ามการชุลมุนต่อสู้หรือป้องกันตัวจำเลยที่ 1 ก็ต้องมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 294