พบผลลัพธ์ทั้งหมด 59 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4882/2549
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณาโทษจำเลยในคดีอาญาเยาวชน: เหตุบรรเทาโทษ, การฝึกอบรม, และการไม่รอการลงโทษ
คดีนี้โจทก์ฟ้องจำเลยให้การรับสารภาพ ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยฐานพยายามฆ่าผู้อื่น มีอาวุธปืนและพาอาวุธปืน จำเลยอุทธรณ์ว่าไม่มีเจตนาฆ่า ศาลอุทธรณ์ภาค 6 แผนกคดีเยาวชนและครอบครัวพิพากษาแก้โดยยกฟ้องฐานพยายามฆ่าผู้อื่น แต่ให้ลงโทษฐานทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนได้รับอันตรายแก่กาย จึงมิใช่กรณีที่มีการอุทธรณ์เฉพาะกรณีที่เกี่ยวกับการใช้วิธีการสำหรับเด็กและเยาวชนเท่านั้น เมื่อศาลอุทธรณ์ภาค 6 แผนกคดีเยาวชนและครอบครัวมีคำพิพากษาแล้ว จำเลยย่อมมีสิทธิฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงได้ เมื่อมีการได้รับอนุญาตจากผู้พิพากษาที่ได้พิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้น ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 221 พ.ร.บ. จัดตั้งศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ. 2534 มาตรา 6
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 161/2549
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณาโทษจำคุกซ้ำ และการไม่รอการลงโทษในคดียาเสพติด พิจารณาจากประวัติโทษและการกระทำผิดซ้ำ
การยกโทษจำคุกตาม ป.อ. มาตรา 55 เป็นดุลพินิจแล้วแต่ศาลจะเห็นสมควร เพียงแต่โทษที่จะลงแก่ผู้กระทำความผิดต้องเป็นโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน โดยไม่คำนึงว่าจะมีโทษปรับด้วยหรือไม่ และผู้นั้นจะเคยต้องโทษจำคุกมาก่อนหรือไม่ก็ตาม
จำเลยเคยกระทำความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตมาก่อน และมากระทำความผิดฐานมีกัญชาไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตอีก แสดงว่าจำเลยมิได้เข็ดหลาบและมิได้เกรงกลัวต่อโทษตามกฎหมาย ศาลจึงไม่ยกโทษจำคุกให้จำเลย
จำเลยเคยกระทำความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตมาก่อน และมากระทำความผิดฐานมีกัญชาไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตอีก แสดงว่าจำเลยมิได้เข็ดหลาบและมิได้เกรงกลัวต่อโทษตามกฎหมาย ศาลจึงไม่ยกโทษจำคุกให้จำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1171/2549
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำชำเราเด็กหญิงและพรากเด็ก การไม่รอการลงโทษและการยกเลิกการคุมประพฤติ
การที่จำเลยกระทำชำเราผู้เสียหายที่ 1 ซึ่งเป็นเด็กหญิงอายุ 13 ปีเศษ หลายครั้งต่างวาระกัน เป็นการล่วงละเมิดทางเพศโดยอาศัยความอ่อนวัยไร้เดียงสาของผู้เสียหายที่ 1 เป็นการกระทำที่ขัดต่อศีลธรรมอันดีและก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้เสียหายที่ 1 ทั้งทางร่างกายและจิตใจเป็นอย่างมาก พฤติการณ์แห่งคดีเป็นเรื่องที่ร้ายแรง ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 6 ใช้ดุลพินิจรอการลงโทษจำคุกในความผิดฐานดังกล่าวให้แก่จำเลยนั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย แต่โทษจำคุกที่ศาลอุทธรณ์ภาค 6 กำหนดมานั้น เหมาะสมแก่รูปคดีแล้ว ไม่มีเหตุที่ศาลฎีกาจะเปลี่ยนแปลงแก้ไข และเมื่อศาลฎีกาเห็นสมควรไม่รอการลงโทษให้แก่จำเลยในความผิดฐานกระทำชำเราดังกล่าวแล้ว การคุมประพฤติจำเลยในความผิดฐานพรากเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปีไปเสียจากบิดามารดาโดยไม่มีเหตุอันสมควรเพื่อการอนาจารย่อมไม่เกิดประโยชน์แต่อย่างใด จึงเห็นสมควรให้ยกเลิกการคุมประพฤติจำเลยในความผิดฐานนี้เสียด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 985/2547
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ลักทรัพย์จากตู้โทรศัพท์สาธารณะ ศาลยืนตามดุลพินิจศาลล่าง ไม่รอการลงโทษจำคุก เนื่องจากพฤติการณ์ร้ายแรง
จำเลยลักเอาเงินจำนวน 2,051 บาท ขององค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทยจากเครื่องโทรศัพท์สาธารณะที่ติดตั้งไว้ให้บริการแก่ประชาชนในเวลากลางคืน โดยใช้กุญแจและอุปกรณ์อื่นที่จัดเตรียมมาเป็นเครื่องมือในการกระทำความผิด และใช้จักรยานเป็นพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิด พาทรัพย์ไปและเพื่อให้พ้นการจับกุม พฤติการณ์ในการกระทำความผิดของจำเลยนอกจากจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้เสียหายแล้ว ยังเป็นอันตรายต่อทรัพย์ที่มีไว้เพื่อสาธารณประโยชน์ และอาจก่อให้เกิดความขัดข้องในการใช้โทรศัพท์สาธารณะของประชาชนทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนอีกด้วย ขณะกระทำความผิดจำเลยอายุ 18 ปีเศษ นับว่าอยู่ในวัยที่มีวุฒิภาวะและมีความรู้สึกผิดชอบชั่วดีพอสมควรแล้ว แต่กลับกระทำความผิดดังกล่าวโดยไม่คำนึงถึงความสงบสุขของสังคมส่วนรวมจึงเป็นเรื่องที่ร้ายแรง ที่ศาลล่างทั้งสองใช้ดุลพินิจไม่รอการลงโทษจำคุกให้แก่จำเลยนั้นเหมาะสมกับพฤติการณ์แห่งรูปคดีแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9216/2547
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
รายงานสืบเสาะฯ และการใช้ดุลพินิจไม่รอการลงโทษ – ศาลมีอำนาจใช้รายงานได้หากจำเลยไม่คัดค้าน
ศาลชั้นต้นแจ้งรายงานการสืบเสาะและพินิจของพนักงานคุมประพฤติให้จำเลยทราบแล้ว จำเลยไม่ได้คัดค้าน ศาลล่างทั้งสองมีอำนาจที่จะหยิบยกเอารายงานการสืบเสาะและพินิจดังกล่าวมาประกอบการใช้ดุลพินิจไม่รอการลงโทษจำคุกให้แก่จำเลยได้ตาม พ.ร.บ.วิธีดำเนินการคุมความประพฤติตามประมวลกฎหมายอาญาฯ มาตรา 13
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7894/2547 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาไม่รับวินิจฉัยข้อเท็จจริงใหม่ที่ไม่ได้อุทธรณ์ในชั้นศาลอุทธรณ์ และยืนตามศาลล่างที่ไม่รอการลงโทษจำเลย
จำเลยฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงว่า จำเลยเป็นเพียงผู้เดินโพยสลากกินรวบส่งให้แก่เจ้ามือ มิได้เป็นเจ้ามือรับกินรับใช้ ซึ่งในชั้นอุทธรณ์จำเลยได้ยกข้อเท็จจริงดังกล่าวขึ้นอุทธรณ์ แต่ศาลอุทธรณ์ภาค 8 มิได้หยิบยกขึ้นวินิจฉับ จำเลยก็ไม่ได้ฎีกาโต้แย้งว่าการที่ศาลอุทธรณ์ภาค 8 ไม่ได้วินิจฉัยนั้นไม่ชอบแต่อย่างไร การที่จำเลยยกข้อเท็จจริงดังกล่าวขึ้นฎีกาซ้ำอีก ถือได้ว่าเป็นข้อเท็จจริงที่เพิ่งยกขึ้นในชั้นฎีกาและไม่ได้เป็นการคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 8 ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 216 ทั้งมิได้เป็นข้อความที่ศาลอุทธรณ์ภาค 8 ได้ตัดสินไว้ จึงไม่อาจใช้ดุลพินิจอนุญาตให้ฎีกาตาม ป.วิ.อ. มาตรา 221 ได้ศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัยฎีกาของจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 77/2547
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขับรถแข่งประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ศาลไม่รอการลงโทษจำคุก แม้ชดใช้ค่าเสียหาย
จำเลยทั้งสองขบรถแข่งขันกันด้วยความเร็ว ทำให้รถที่จำเลยที่ 1 ขับเฉี่ยวชนกับรถจักรยานยนต์ของ ว. ที่กำลังขับขึ้นมาจากทางแยกอย่างแรง รถของ ว. เสียหลักล้มลง ว. กระเด็นตกจากรถล้มลงและถูกรถที่จำเลยที่ 2 ขับแข่งขันกันมาในระยะกระชั้นชิดพุ่งเข้าชนขณะล้มลงอยู่บนถนน รถทั้งสามคันได้รับความเสียหาย ว. ถึงแก่ความตาย ส่วน ป. ซึ่งนั่งซ้อนท้ายรถของจำเลยที่ 2 ได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ แม้จำเลยทั้งสองชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์ร่วมจนเป็นที่พอใจและโจทก์ร่วมไม่ติดใจดำเนินคดีกับจำเลย แต่จำเลยนำเงินมาวางศาลจำนวน 10,000 บาท หลังจากศาลชั้นต้นได้มีคำพิพากษาและจำเลยทั้งสองเพิ่งจะตกลงชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์ร่วมในวันที่ยื่นฎีกา ซึ่งจำเลยทั้งสองไม่ได้สำนึกในการกระทำความผิดของตนโดยให้การปฏิเสธและสู้คดีตลอดมา จึงไม่มีเหตุสมควรรอการลงโทษจำคุก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 59/2547
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำเลยติดนิสัยกระทำผิดซ้ำ แม้จะเคยได้รับโอกาสและรอการลงโทษ ศาลไม่รอการลงโทษ
บุคคลที่จะเข้ารับการฟื้นฟูตาม พ.ร.บ.ฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดฯ มาตรา 19 ต้องเป็นเพียงผู้ต้องหามิใช่ถูกฟ้องเป็นจำเลยต่อศาลแล้ว จำเลยจึงไม่อยู่ในหลักเกณฑ์ที่จะได้รับการพิจารณาเข้ารับการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด
ตามรายงานการสืบเสาะและพินิจปรากฏว่า จำเลยที่ 2 เคยกระทำความผิดมาแล้วหลายครั้ง และมีสองครั้งที่เป็นคดีเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษ ซึ่งศาลก็ได้ให้โอกาสแก่จำเลยที่ 2 ทั้งสองคดี แต่จำเลยที่ 2 ก็มาทำความผิดคดีนี้ในระหว่างรอการลงโทษในคดีครั้งหลังสุด แสดงว่าเป็นผู้กระทำผิดติดนิสัยและยากที่จะกลับตัวได้ด้วยตัวเอง ข้อสำคัญยังขับรถเบียดรถเจ้าพนักงานตำรวจที่เข้าจับกุม ส่อถึงการไม่รู้สำนึก แม้จะอ้างว่าเพราะเกรงจะถูกจับกุมก็ตาม จึงไม่รอการลงโทษให้จำเลยที่ 2
ตามรายงานการสืบเสาะและพินิจปรากฏว่า จำเลยที่ 2 เคยกระทำความผิดมาแล้วหลายครั้ง และมีสองครั้งที่เป็นคดีเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษ ซึ่งศาลก็ได้ให้โอกาสแก่จำเลยที่ 2 ทั้งสองคดี แต่จำเลยที่ 2 ก็มาทำความผิดคดีนี้ในระหว่างรอการลงโทษในคดีครั้งหลังสุด แสดงว่าเป็นผู้กระทำผิดติดนิสัยและยากที่จะกลับตัวได้ด้วยตัวเอง ข้อสำคัญยังขับรถเบียดรถเจ้าพนักงานตำรวจที่เข้าจับกุม ส่อถึงการไม่รู้สำนึก แม้จะอ้างว่าเพราะเกรงจะถูกจับกุมก็ตาม จึงไม่รอการลงโทษให้จำเลยที่ 2
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2295/2547
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลงโทษปรับเป็นเงื่อนไขสำคัญในการจ่ายสินบนนำจับในคดีพนัน และพฤติการณ์ร้ายแรงที่ไม่รอการลงโทษ
ในกรณีที่มีคำขอให้จ่ายเงินสินบนนำจับแก่ผู้นำจับตามมาตรา 15 แห่ง พ.ร.บ.การพนันฯ ศาลจะพิพากษาให้จ่ายเงินสินบนนำจับแก่ผู้นำจับได้ก็ต่อเมื่อมีการลงโทษปรับจำเลยด้วย เพราะจำนวนเงินค่าปรับจะต้องนำมาเป็นเกณฑ์ในการคำนวณว่าจะต้องจ่ายเงินสินบนนำจับแก่ผู้นำจับเป็นจำนวนเท่าใด เมื่อคดีนี้ศาลพิพากษาลงโทษจำคุกแต่อย่างเดียวโดยไม่ลงโทษปรับ จึงไม่อาจจ่ายเงินสินบนนำจับแก่ผู้นำจับได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2048/2547
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
แจ้งข้อมูลเท็จเพื่อทำบัตรประชาชน, แก้ไขบทมาตราผิด, ไม่รอการลงโทษ
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยทั้งสองกับพวกร่วมกันแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงานผู้รับผิดชอบจัดทำบัตรประจำตัวประชาชน ทำให้เจ้าพนักงานหลงเชื่อจดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารราชการ อันมีวัตถุประสงค์สำหรับใช้เป็นพยานหลักฐานโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่เจ้าพนักงานดังกล่าว กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทยและประชาชน อันเป็นความผิดตาม ป.อ. มาตรา 267 แต่คำขอท้ายฟ้องกลับขอให้ลงโทษตาม ป.อ. มาตรา 269 ซึ่งเป็นบทบัญญัติเรื่องผู้ประกอบวิชาชีพทำคำรับรองเป็นเอกสารอันเป็นเท็จ เห็นได้ว่าโจทก์อ้างบทมาตราผิด เมื่อจำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพ ข้อเท็จจริงจึงรับฟังได้ตามฟ้อง กรณีเป็นเหตุในลักษณะคดี ศาลย่อมมีอำนาจลงโทษจำเลยทั้งสองตามฐานความผิดที่ถูกต้องได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 192 วรรคห้า ปัญหานี้เป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้เองตาม ป.วิ.อ. มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225