คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ไม่รับชำระ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 5 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1946/2542 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีตามคำพิพากษาถึงที่สุด แม้มีการวางทรัพย์ก่อนฟ้อง แต่โจทก์ไม่รับ และศาลไม่ได้วินิจฉัย
แม้จำเลยที่ 3 จะได้นำเงินจำนวน 60,000 บาท ไปวางต่อ สำนักงานวางทรัพย์ก่อนที่โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 3 ก็ตาม แต่โจทก์ก็ปฏิเสธไม่ยอมรับเงินดังกล่าวตลอดมาเพราะโจทก์ เห็นว่าเป็นการชำระหนี้ไม่ถูกต้อง เมื่อคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ถึงที่สุดมิได้กล่าวถึงการวางเงินของจำเลยที่ 3 ต่อ สำนักงานวางทรัพย์แต่ประการใด อีกทั้งศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยที่ 3 ชำระดอกเบี้ยร้อยละ 19 ต่อปีของเงิน60,000 บาท นับแต่วันที่ 23 ตุลาคม 2539 ไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ หากจำเลยที่ 3 ไม่ยอมชำระหรือชำระไม่ครบให้ยึดทรัพย์จำนองขายทอดตลาด ถ้าไม่พอให้ยึดทรัพย์อื่น ของจำเลยที่ 3 ออกขายทอดตลาดนำเงินที่ขายได้มาชำระหนี้แก่โจทก์จนครบ คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ดังกล่าวได้อ่านให้คู่ความฟัง เมื่อวันที่ 5 มกราคม 2532 และถึงที่สุดไปแล้วโดยจำเลยที่ 3 มิได้ฎีกาย่อมมีผลผูกพันคู่ความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 145 เมื่อ จำเลยที่ 3 ไม่ชำระหนี้ตามคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ที่ถึงที่สุด โจทก์จึงมีสิทธิบังคับคดีเอาแก่ทรัพย์สินของจำเลยที่ 3 ได้ การที่ศาลชั้นต้นตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดีและยึดทรัพย์ของจำเลยที่ 3 จึงเป็นการชอบแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1946/2542

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีหลังศาลอุทธรณ์พิพากษาถึงที่สุด แม้จำเลยวางทรัพย์ก่อนฟ้อง แต่โจทก์ไม่รับ ถือชอบด้วยกฎหมาย
จำเลยได้นำเฉพาะต้นเงินจำนวน 60,000 บาทที่จะต้องชำระแก่โจทก์ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นไปวางต่อสำนักงานวางทรัพย์ ตั้งแต่วันที่ 21 ตุลาคม 2529 แต่โจทก์ได้ปฏิเสธการรับเงินดังกล่าวตลอดมาเพราะเห็นว่าเป็นการชำระหนี้ไม่ถูกต้อง แม้ต่อมาศาลอุทธรณ์ได้มีคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำเลยชำระดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 19 ต่อปีของเงิน 60,000 บาทนับตั้งแต่วันที่ 23 ตุลาคม 2529 อันเป็นเวลาภายหลังจากที่จำเลยวางทรัพย์จนกว่าจำเลยจะชำระเสร็จแก่โจทก์ก็ตาม แต่เมื่อคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ดังกล่าวมิได้กล่าวอ้างถึงการวางเงินของจำเลยต่อสำนักงานวางทรัพย์เลย อีกทั้งคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ดังกล่าวได้ถึงที่สุดไปแล้วโดยจำเลยมิได้ฎีกาย่อมมีผลผูกพันคู่ความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 145โจทก์จึงมีสิทธิบังคับคดีเอาแก่ทรัพย์สินของจำเลยตาม คำพิพากษาดังกล่าวได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4716/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การชำระหนี้ด้วยเช็คไม่ถือเป็นการชำระหนี้ด้วยเงินสดตามสัญญาประนีประนอมยอมความ โจทก์มีสิทธิไม่รับเช็คได้
การชำระหนี้ด้วยเช็คเป็นการชำระหนี้อย่างอื่นแทนการชำระหนี้ด้วยเงินตามที่ตกลงกันไว้ในสัญญาประนีประนอมยอมความ โจทก์มีสิทธิไม่ยอมรับการชำระหนี้เงินด้วยเช็คได้ไม่เป็นการผิดข้อตกลง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 904/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การชำระค่าเช่าที่สมบูรณ์ แม้เจ้าของห้องไม่รับชำระก็ไม่ถือว่าผิดนัด
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากห้องเช่าของโจทก์ โดยว่าจำเลยผิดนัดไม่ชำระค่าเช่ารวม 3 เดือน ติด ๆ กัน ทางพิจารณาปรากฏว่า คนของโจทก์เป็นผู้ไปเก็บค่าเช่าจากจำเลยแล้ว ไม่ไปเก็บเสีย จำเลยเอาเงินมาชำระก็ไม่รับ ดังนี้ จำเลยหาผิดนัดไม่ชำระค่าเช่าไม่ โจทก์จึงฟ้องขับไล่จำเลยให้ออกจากห้องเช่าตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าฯ ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 904/2493

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การผิดนัดชำระค่าเช่า: ผู้ให้เช่าไม่ยอมรับการชำระเงิน ทำให้จำเลยไม่ผิดนัด
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากห้องเช่าของโจทก์ โดยว่าจำเลยผิดนัดไม่ชำระค่าเช่ารวม 2 เดือนติดๆ กัน ทางพิจารณาปรากฏว่าคนของโจทก์เป็นผู้ไปเก็บค่าเช่าจากจำเลยแล้ว ไม่ไปเก็บเสีย จำเลยเอาเงินมาชำระก็ไม่รับ ดังนี้จำเลยหาผิดนัดไม่ชำระค่าเช่าไม่ โจทก์จึงฟ้องขับไล่จำเลยให้ออกจากห้องเช่าตาม พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯ ไม่ได้