พบผลลัพธ์ทั้งหมด 4 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2410/2544 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เหตุในลักษณะคดี: พยานหลักฐานจำเลยแต่ละคนแตกต่างกัน ไม่เชื่อมโยงกัน จึงไม่เป็นเหตุในลักษณะคดี
ข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายใดจะเป็นเหตุในลักษณะคดีหรือไม่ ต้องพิจารณาเป็นเรื่องๆ ไป ข้อเท็จจริงใดที่รับฟังต้องฟังถึงจำเลยคนอื่นเช่นเดียวกัน ย่อมเป็นเหตุในลักษณะคดี สำหรับคดีนี้พยานหลักฐานที่ใช้วินิจฉัยจำเลยที่ 5 แตกต่างจากจำเลยที่ 6 คำให้การในชั้นสอบสวนของจำเลยทั้งสองแยกกันเป็นคนละส่วนและมีข้อที่แตกต่างกัน รวมทั้งพยานอื่นที่เกี่ยวข้องกับจำเลยทั้งสองด้วย ดังนั้น พยานหลักฐานที่จะใช้วินิจฉัยความผิดของจำเลยที่ 5 จึงแตกต่างไปจากจำเลยที่ 6 มิใช่พยานชุดเดียวกันทั้งหมด จึงไม่เป็นเหตุในลักษณะคดี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 736/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คดีแพ่งไม่เชื่อมโยงคดีอาญา: สิทธิเรียกร้องแพ่งต้องอาศัยมูลความผิดอาญาโดยตรง
ในการวินิจฉัยว่าคดีใดเป็นคดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญาหรือไม่จะต้องพิจารณาว่าสิทธิเรียกร้องในทางแพ่งได้อาศัยมูลความผิดในทางอาญา โจทก์ฟ้องว่าจำเลยได้ทำการปิดบังยักย้ายทรัพย์มรดกอันเป็นเหตุให้จำเลยถูกกำจัดมิให้รับมรดกตามกฎหมายซึ่งมิได้อาศัย มูลคดีอันเกิดจากการกระทำความผิดอาญาของจำเลยที่โจทก์เคยฟ้องจำเลยในความผิดฐานแจ้งให้เจ้าพนักงานจดข้อความอันเป็นเท็จจึงมิใช่คดีแพ่งเกี่ยวเนื่องคดีอาญาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา46
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2745/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิกถอนการฉ้อฉลไม่เชื่อมโยงคดีอาญา ไม่ต้องใช้ประมวลวิธีพิจารณาความอาญา
โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 ว่า กระทำความผิดฐานโกงเจ้าหนี้และศาลพิพากษาลงโทษจำเลยที่ 1 คดีถึงที่สุดแล้ว ส่วนคดีแพ่งโจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนการฉ้อฉลอันเป็นสิทธิเรียกร้องที่ไม่ต้องอาศัยมูลความผิดทางอาญาในความผิดฐานโกงเจ้าหนี้ จึงไม่ใช่คดีแพ่งเกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา จะนำบทบัญญัติแห่งประมวล-กฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 46 มาใช้บังคับไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3012/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำฟ้องแย้งและคำขอเรียกจำเลยร่วมต้องไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิม ศาลไม่รับพิจารณาหากไม่มีความเชื่อมโยง
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้รับคำฟ้องแย้งของจำเลยที่ 1 และมีคำสั่งให้เรียกบริษัทร.ส.พ.ประกันภัย จำกัด เข้ามาเป็นจำเลยร่วมตามคำร้องขอของจำเลยที่ 1 ต่อมาศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ มีคำสั่งต้องกันให้จำเลยที่ 1 ไปฟ้องโจทก์และจำเลยร่วมเป็นคดีใหม่ โดยอาศัยเหตุที่ว่าคำฟ้องแย้งและคำร้องขอให้เรียกบริษัทร.ส.พ.ประกันภัย จำกัด เข้ามาเป็นจำเลยร่วมไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิม ย่อมมีผลเป็นการเพิกถอนคำสั่งเดิมที่รับฟ้องแย้งและที่ให้เรียกบริษัทร.ส.พ.ประกันภัย จำกัด เข้ามาเป็นจำเลยร่วม โจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายอ้างว่า จำเลยที่ 1 เช่าซื้อรถบรรทุกของโจทก์นำไปให้ อ. ลูกจ้างขับในทางการที่จ้างชนกับรถคันอื่นโดยประมาท เป็นเหตุให้รถของโจทก์พลิกคว่ำไฟไหม้เสียหาย จำเลยที่ 1 ฟ้องแย้งเรียกร้องเงินค่ารถบรรทุกของจำเลยที่ 1 ที่ขายให้โจทก์ ค่าตัวถังรถค่าเช่าซื้อรถที่จำเลยที่ 1 ชำระให้แก่โจทก์ไปแล้วค่าขายซากรถที่คาดว่าจะขายได้ และค่าสินไหมทดแทนซึ่งโจทก์ได้รับจากผู้รับประกันภัย ฟ้องแย้งของจำเลยที่ 1ดังกล่าวเป็นเรื่องอื่นไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิม จึงไม่มีเหตุที่จะรับคำฟ้องแย้งไว้พิจารณา
เมื่อศาลไม่รับพิจารณาคำฟ้องแย้งของจำเลยที่ 1 จึงไม่มีคำฟ้องแย้งที่จะบังคับเอาแก่จำเลยร่วมเหลืออยู่ต่อไปไม่มีเหตุที่จำเลยที่ 1 จะร้องขอให้เรียกบริษัทร.ส.พ.ประกันภัย จำกัด เข้ามาเป็นจำเลยร่วม
เมื่อศาลไม่รับพิจารณาคำฟ้องแย้งของจำเลยที่ 1 จึงไม่มีคำฟ้องแย้งที่จะบังคับเอาแก่จำเลยร่วมเหลืออยู่ต่อไปไม่มีเหตุที่จำเลยที่ 1 จะร้องขอให้เรียกบริษัทร.ส.พ.ประกันภัย จำกัด เข้ามาเป็นจำเลยร่วม