พบผลลัพธ์ทั้งหมด 4 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5468/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องแย้งเรื่องกรรมสิทธิ์ที่ดินโดยการครอบครองปรปักษ์ ไม่ถือเป็นฟ้องแย้งมีเงื่อนไข หากเกี่ยวข้องกับประเด็นข้อพิพาทเดิม
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้งสองปลูกสร้างและต่อเติมอาคารรุกล้ำเข้าไปในที่ดินโจทก์โฉนดเลขที่145ซึ่งอยู่ติดกับที่ดินจำเลยที่1เป็นความกว้างประมาณ50เซนติเมตรยาวตลอดแนวที่ดินโจทก์ประมาณ16เมตรขอให้บังคับจำเลยทั้งสองรื้อถอนอาคารส่วนที่ต่อเติมรุกล้ำออกไปจากที่ดินพิพาทของโจทก์จำเลยที่2ให้การต่อสู้ว่าอาคารที่จำเลยที่2ปลูกสร้างนั้นมิได้รุกล้ำที่ดินของโจทก์แต่อย่างใดหากที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์จำเลยที่2ก็ครอบครองโดยสงบและโดยเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของมาตั้งแต่ปี2522จนถึงปัจจุบันเกินกว่า10ปีจึงเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยที่2โดยการครอบครองแล้วขอให้ยกฟ้องและฟ้องแย้งขอให้ศาลพิพากษาว่าที่ดินพิพาทโฉนดเลขที่145ด้านที่ติดกับที่ดินจำเลยที่1กว้างประมาณ50เซนติเมตรยาวประมาณ50เมตรตลอดแนวที่ติดกับที่ดินจำเลยที่1เป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยที่2โดยการครอบครองคดีจึงมีประเด็นข้อพิพาทว่าโจทก์หรือจำเลยที่2เป็นผู้มีกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทหากคดีฟังได้ว่าจำเลยที่2เป็นผู้มีกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทโดยการครอบครองจำเลยที่2ก็ย่อมมีสิทธิที่จะฟ้องแย้งขอให้ศาลพิพากษาแสดงกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทให้แก่จำเลยที่2ได้ฟ้องแย้งของจำเลยที่2จึงเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับคำฟ้องเดิมโดยตรงหาใช่ฟ้องแย้งที่มีเงื่อนไขแต่อย่างใดไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2700/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องแย้งในคดีเช่าซื้อ: ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าฟ้องแย้งเกี่ยวกับคำฟ้องเดิมพอที่จะพิจารณาร่วมกันได้และไม่เป็นเงื่อนไข
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยผิดสัญญาเช่าซื้อที่ดินของโจทก์ ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองรื้อถอนบ้านออกไปและชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์จำเลยทั้งสองให้การและฟ้องแย้งอ้างว่าโจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญาเช่าซื้อขอให้บังคับโจทก์โอนกรรมสิทธิ์ที่ดินที่เช่าซื้อให้แก่จำเลยทั้งสองโดยจำเลยทั้งสองจะชำระค่าเช่าซื้อที่ค้างจำนวน 49,000 บาทแก่โจทก์ หากโจทก์ไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของโจทก์ หากโจทก์ไม่สามารถโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินแก่จำเลยทั้งสองได้และจำเลยทั้งสองจะต้องรื้อถอนบ้านออกไปแล้วให้โจทก์ชดใช้ค่าที่ดินที่เพิ่มขึ้น 300,000 บาท และชดใช้ค่าเสียหายที่ต้องรื้อถอนบ้านออกไปอีก 80,000 บาท รวมเป็นเงิน 380,000 บาทและให้โจทก์เสียดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี ในต้นเงินจำนวนดังกล่าวนับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จนั้น เป็นคำฟ้องแย้งที่เกี่ยวกับคำฟ้องเดิมพอที่จะพิจารณาชี้ขาดตัดสินไปด้วยกันได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177 วรรคสามและมาตรา 179 วรรคท้าย และคำฟ้องแย้งนี้ไม่เป็นเงื่อนไข หากเป็นแต่เพียงคำขอในคำฟ้องแย้งอีกข้อหนึ่งในเมื่อบังคับตามคำขอข้อแรกไม่ได้ ซึ่งแล้วแต่ศาลจะพิพากษาให้จำเลยชนะคดีได้มากน้อยเพียงใดเท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 442/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำฟ้องแย้งไม่เป็นเงื่อนไข – สิทธิเรียกคืนเงินและค่าเสียหายควบคู่กับสิทธิเรียกร้องการจดทะเบียนเช่า
โจทก์ฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยออกจากห้องเช่าซึ่งโจทก์รับโอนกรรมสิทธิมาจากผู้ให้เช่าเดิม จำเลยให้การต่อสู้ว่า ผู้ให้เช่าเดิมให้จำเลยเช่า เป็นสัญญาต่างตอบแทน โดยจำเลยยอมให้ผู้ให้เช่าเดิมหักหนี้ 100,000 บาท กับจำเลยได้ซ่อมแซมห้องเช่าอีก 5,000 บาท ซึ่งผู้ให้เช่าเดิมสัญญาให้จำเลยเช่าตลอดชีวิต จำเลยจึงขอให้ศาลเรียกผู้ให้เช่าเดิมเข้ามาเป็นโจทก์ร่วม และฟ้องแย้งขอให้ศาลบังคับให้โจทก์กับผู้ให้เช่าเดิมจดทะเบียนการเช่ารายนี้ ถ้าสภาพแห่งหนี้ไม่เปิดช่องก็ขอให้ศาลพิพากษาให้ฝ่ายโจทก์ร่วมกันคืนเงินหนึ่งแสนบาท ใช้ค่าซ่อมบ้าน 5,000 บาท กับค่าสินไหมทดแทนเดือนละ 1,870 บาท คำฟ้องแย้งนี้เกี่ยวกับคำฟ้องเดิมพอที่จะพิจารณาชี้ขาดตัดสินไปด้วยกันได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177 วรรค 3 และมาตรา 179 วรรคท้าย และคำฟ้องแย้งนี้ไม่เป็นเงื่อนไข เพราะถ้าศาลพิพากษาให้โจทก์ชนะคดีและขับไล่จำเลยตามฟ้องของโจทก์แล้ว จำเลยก็ไม่มีสิทธิจะเรียกเงินกินเปล่าคืน หรือได้รับค่าสินไหมทดแทนแต่ประการใด แต่ถ้าคำให้การและฟ้องแย้งของจำเลยฟังได้ว่า จำเลยมีสิทธิเรียกให้โจทก์จดทะเบียนการเช่าจนตลอดชีวิตของจำเลยแล้ว ก็ย่อมบังคับตามคำฟ้องแย้งของจำเลยได้
คำฟ้องแย้งที่มีคำขอว่า ถ้าสภาพแห่งหนี้ไม่เปิดช่องให้ศาลบังคับให้โจทก์ไปจดทะเบียนการเช่า ก็ขอให้ศาลพิพากษาให้โจทก์คืนเงินกินเปล่าและใช้ค่าสินไหมทดแทนนั้น มิใช่เป็นเงื่อนไขแห่งคำฟ้องแย้งของจำเลย หากเป็นแต่เพียงคำขอในคำฟ้องแย้งอีกข้อหนึ่งในเมื่อบังคับตามคำขอข้อแรกไม่ได้ซึ่งแล้วแต่ศาลจะพิพากษาให้จำเลยชนะคดีได้มากน้อยเพียงใดเท่านั้น
คำฟ้องแย้งที่มีคำขอว่า ถ้าสภาพแห่งหนี้ไม่เปิดช่องให้ศาลบังคับให้โจทก์ไปจดทะเบียนการเช่า ก็ขอให้ศาลพิพากษาให้โจทก์คืนเงินกินเปล่าและใช้ค่าสินไหมทดแทนนั้น มิใช่เป็นเงื่อนไขแห่งคำฟ้องแย้งของจำเลย หากเป็นแต่เพียงคำขอในคำฟ้องแย้งอีกข้อหนึ่งในเมื่อบังคับตามคำขอข้อแรกไม่ได้ซึ่งแล้วแต่ศาลจะพิพากษาให้จำเลยชนะคดีได้มากน้อยเพียงใดเท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 442/2511
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องแย้งเรียกคืนเงินกินเปล่าและค่าเสียหายควบคู่กับคดีขับไล่ สิทธิเรียกร้องไม่เป็นเงื่อนไข
โจทก์ฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยออกจากห้องเช่าซึ่งโจทก์รับโอนกรรมสิทธิมาจากผู้ให้เช่าเดิม. จำเลยให้การต่อสู้ว่า ผู้ให้เช่าเดิมให้จำเลยเช่า. เป็นสัญญาต่างตอบแทนโดยจำเลยยอมให้ผู้ให้เช่าเดิมหักหนี้ 100,000 บาทกับจำเลยได้ซ่อมแซมห้องเช่าอีก 5,000 บาท ซึ่งผู้ให้เช่าเดิมสัญญาให้จำเลยเช่าตลอดชีวิต. จำเลยจึงขอให้ศาลเรียกผู้ให้เช่าเดิมเข้ามาเป็นโจทก์ร่วม. และฟ้องแย้งขอให้ศาลบังคับให้โจทก์กับผู้ให้เช่าเดิม จดทะเบียนการเช่ารายนี้ถ้าสภาพแห่งหนี้ไม่เปิดช่องก็ขอให้ศาลพิพากษาให้ฝ่ายโจทก์ร่วมกันคืนเงินหนึ่งแสนบาท. ใช้ค่าซ่อมบ้าน 5,000 บาทกับค่าสินไหมทดแทนเดือนละ 1,870 บาท. คำฟ้องแย้งนี้เกี่ยวกับคำฟ้องเดิมพอที่จะพิจารณาชี้ขาดตัดสินไปด้วยกันได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177 วรรคสามและมาตรา 179 วรรคท้าย และคำฟ้องแย้งนี้ไม่เป็นเงื่อนไข. เพราะถ้าศาลพิพากษาให้โจทก์ชนะคดีและขับไล่จำเลยตามฟ้องของโจทก์แล้ว. จำเลยก็ไม่มีสิทธิจะเรียกเงินกินเปล่าคืน. หรือได้รับค่าสินไหมทดแทนแต่ประการใดแต่ถ้าคำให้การและฟ้องแย้งของจำเลยฟังได้ว่า จำเลยมีสิทธิเรียกให้โจทก์จดทะเบียนการเช่าจนตลอดชีวิตของจำเลยแล้ว.ก็ย่อมบังคับตามคำฟ้องแย้งของจำเลยได้.
คำฟ้องแย้งที่มีคำขอว่า ถ้าสภาพแห่งหนี้ไม่เปิดช่องให้ศาลบังคับให้โจทก์ไปจดทะเบียนการเช่า. ก็ขอให้ศาลพิพากษาให้โจทก์คืนเงินกินเปล่าและใช้ค่าสินไหมทดแทนนั้น. มิใช่เป็นเงื่อนไขแห่งคำฟ้องแย้งของจำเลย. หากเป็นแต่เพียงคำขอในคำฟ้องแย้งอีกข้อหนึ่งในเมื่อบังคับตามคำขอข้อแรกไม่ได้.ซึ่งแล้วแต่ศาลจะพิพากษาให้จำเลยชนะคดีได้มากน้อยเพียงใดเท่านั้น.
คำฟ้องแย้งที่มีคำขอว่า ถ้าสภาพแห่งหนี้ไม่เปิดช่องให้ศาลบังคับให้โจทก์ไปจดทะเบียนการเช่า. ก็ขอให้ศาลพิพากษาให้โจทก์คืนเงินกินเปล่าและใช้ค่าสินไหมทดแทนนั้น. มิใช่เป็นเงื่อนไขแห่งคำฟ้องแย้งของจำเลย. หากเป็นแต่เพียงคำขอในคำฟ้องแย้งอีกข้อหนึ่งในเมื่อบังคับตามคำขอข้อแรกไม่ได้.ซึ่งแล้วแต่ศาลจะพิพากษาให้จำเลยชนะคดีได้มากน้อยเพียงใดเท่านั้น.