คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ไม่แถลง

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 5 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7560/2543

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทิ้งฟ้องฎีกาเนื่องจากไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลในการส่งสำเนาฎีกาและไม่แถลงภายในกำหนด
แม้โจทก์ทั้งหกจะนำส่งสำเนาฎีกาให้แก่จำเลยทั้งสองตามคำสั่งศาลชั้นต้นแล้วก็ตาม แต่เมื่อส่งไม่ได้ โจทก์ทั้งหกก็ยังมีหน้าที่ต้องแถลงต่อศาลชั้นต้นเพื่อดำเนินการต่อไปภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ส่งไม่ได้ การที่โจทก์ทั้งหกเพิกเฉยไม่แถลงต่อศาลชั้นต้นเพื่อดำเนินการส่งสำเนาฎีกาให้แก่จำเลยทั้งสองภายในกำหนดเวลาตามคำสั่งศาลชั้นต้น จึงเป็นการทิ้งฟ้องฎีกาตาม ป.วิ.พ. มาตรา 174 (2) ประกอบมาตรา 246 และมาตรา 247

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5676/2540 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทิ้งฟ้องเนื่องจากไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลเรื่องการส่งหมาย และไม่แถลงภายในกำหนด
ศาลชั้นต้นสั่งคำฟ้องของโจทก์ว่า "นัดไต่สวนมูลฟ้อง โจทก์นำส่งหมายให้จำเลยภายใน 7 วัน ส่งไม่ได้ให้แถลงภายใน 5 วัน มิฉะนั้นถือว่าโจทก์ทิ้งฟ้อง" และสั่งคำร้องขอส่งหมายนัดแก่จำเลยข้ามเขตซึ่งโจทก์ได้ขออนุญาตให้ปิดหมายด้วยว่า "จัดการให้ ให้ส่งโดยวิธีธรรมดาก่อนเนื่องจากไม่ปรากฏต้นฉบับหนังสือรับรองของจำเลยที่ 1" ซึ่งเป็นคำสั่งที่ชัดแจ้งอยู่แล้ว เมื่อปรากฏว่าโจทก์ปล่อยให้เจ้าหน้าที่ของศาลส่งหมายนัดและสำเนาคำฟ้องให้แก่จำเลยทั้งสองโดยวิธีปิดหมายผิดไปจากคำสั่งของศาลอันเป็นการส่งที่ไม่ชอบ ศาลชั้นต้นจึงสั่งในรายงานการส่งหมายเมื่อวันที่ 24 กันยายน 2539 ว่า "ศาลยังไม่มีคำสั่งให้ปิดหมาย การส่งหมายไม่ชอบ รอโจทก์แถลง" และเจ้าหน้าที่ศาลได้มีหนังสือแจ้งผลการส่งหมายดังกล่าวให้ทนายโจทก์ทราบในวันเดียวกันโดยทางไปรษณีย์ลงทะเบียนและทนายโจทก์ได้รับหนังสือนั้นแล้ว ในหนังสือมีข้อความระบุไว้ด้วยว่า"เป็นการส่งหมายไม่ชอบ เพราะศาลไม่ได้สั่งให้ปิดหมาย" ดังนั้น โจทก์ย่อมทราบและเข้าใจดีตั้งแต่วันรับหนังสือนั้นว่ายังส่งหมายให้จำเลยโดยชอบไม่ได้ จะต้องมีการส่งหมายนัดและสำเนาคำฟ้องให้แก่จำเลยใหม่ และโจทก์ต้องแถลงให้ศาลทราบภายใน 5 วัน แม้ศาลจะไม่ได้กำหนดให้โจทก์แถลงภายในกี่วันก็มีความหมายชัดเจนอยู่ในตัวว่าให้แถลงภายใน 5 วัน ตามคำสั่งศาลที่ได้ให้ไว้ และโจทก์ได้ทราบแล้วตั้งแต่แรกตามที่ได้วินิจฉัยมาโดยศาลไม่จำต้องสั่งให้โจทก์แถลงภายในกี่วันซ้ำอีก แต่โจทก์กลับเพิกเฉยจนล่วงเลยกำหนดเวลามาหลายวันมิได้แถลงให้ศาลทราบ เหตุนี้เมื่อเจ้าหน้าที่รายงานเมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2539 เรื่องที่โจทก์มิได้แถลงต่อศาลชั้นต้นภายในเวลาที่กำหนด และศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า โจทก์ทิ้งฟ้องให้จำหน่ายคดีจากสารบบความ จึงเป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมายแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1512/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยื่นบัญชีระบุพยานเพิ่มเติม แม้ไม่แถลงต่อศาลและไม่ได้ส่งสำเนาให้จำเลย ศาลก็รับได้
ชั้นไต่สวนมูลฟ้อง โจทก์ยื่นบัญชีระบุพยานไว้แล้ว ถือว่าโจทก์ได้ยื่นบัญชีระบุพยานในคดีไว้แล้วทั้งเรื่อง ต่อมาโจทก์ยื่นบัญชีระบุพยานฉบับหลังในวันที่ศาลนัดสืบพยานโจทก์เป็นวันแรกแม้บัญชีระบุพยานฉบับหลังโจทก์จะไม่ได้แถลงต่อศาลว่าเป็นการระบุพยานเพิ่มเติมและไม่ได้ส่งสำเนาให้แก่จำเลยก็ตามศาลก็รับเป็นบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 972/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลสอบถามคู่ความ & ผลของการไม่แถลงประเด็นข้อพิพาท
ตาม ป.ม.วิ.แพ่ง มาตรา 183 ศาลมีอำนาจที่จะสอบถามคู่ความเพื่อให้ได้ความชัดในประเด็นข้อพิพาท เมื่อศาลมีอำนาจแล้ว คู่ความก็มีหน้าที่ต้องแถลง หากไม่แถลง ข้อที่ไม่แถลงนั้น ย่อมไม่เป็นประเด็นในคดี
โจทก์ฟ้องเรียกเงินคืนจากจำเลย จำเลยต่อสู้ว่าได้จ่ายเงินให้แก่คนของโจทก์ไปจึงขอหักหนี้ ศาลสอบถามโจทก์ ๆ แถลงแต่เพียงว่าโจทก์เห็นว่าไม่เกี่ยวกับจำนวนเงินที่โจทก์ฟ้อง ฉะนั้นการที่โจทก์นำสืบว่าได้ฝากเงินจำเลยไปและเงินที่ผู้แทนโจทก์ได้รับไปจากบุตรจำเลยคือเงินของโจทก์เอง ดังนี้เป็นข้อสืบนอกประเด็นรับฟังไม่ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 972/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การไม่แถลงประเด็นที่ศาลถาม ถือเป็นข้อสืบนอกประเด็น
ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 183 ศาลมีอำนาจที่จะสอบถามคู่ความเพื่อให้ได้ความชัดในประเด็นข้อพิพาทเมื่อศาลมีอำนาจแล้ว คู่ความก็มีหน้าที่ต้องแถลง หากไม่แถลง ข้อที่ไม่แถลงนั้น ย่อมไม่เป็นประเด็นในคดี
โจทก์ฟ้องเรียกเงินคืนจากจำเลย จำเลยต่อสู้ว่าได้จ่ายเงินให้แก่คนของโจทก์ไปจึงขอหักหนี้ ศาลสอบถามโจทก์ โจทก์แถลงแต่เพียงว่าโจทก์เห็นว่าไม่เกี่ยวกับจำนวนเงินที่โจทก์ฟ้อง ฉะนั้นการที่โจทก์นำสืบว่าได้ฝากเงินจำเลยไปและเงินที่ผู้แทนโจทก์ได้รับไปจากบุตรจำเลยคือเงินของโจทก์เอง ดังนี้เป็นข้อสืบนอกประเด็นรับฟังไม่ได้