พบผลลัพธ์ทั้งหมด 4 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6809/2542
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในที่ดินของทายาทผู้จัดการมรดกในการไล่ที่บุกรุกหลังการซื้อขายแต่ยังไม่ได้จดทะเบียน
ที่ดินพิพาทเป็นของ อ. จำเลยไม่ได้ฝากให้ อ. ดูแลที่ดินพิพาทแทน และ ด. ได้ซื้อที่ดินพิพาทจาก อ. แล้ว แต่ ด. ยังไม่ได้รับการจดทะเบียนโอนชื่อเป็นของ ด. เมื่อ อ. ตายเสียก่อน โจทก์เป็นทายาทผู้รับมรดกและในฐานะผู้จัดการมรดกของ อ. ผู้ตาย สิทธิในทางทรัพย์สินรวมทั้งหน้าที่และความรับผิดต่าง ๆ ของ อ. ก็ตกทอดแก่โจทก์ทันทีรวมทั้งหน้าที่ในการโอนที่ดินพิพาทที่ขายด้วย เมื่อจำเลยเข้าเกี่ยวข้องโดยมิชอบด้วยกฎหมาย โจทก์ก็มีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่ดินพิพาทได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 226/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าไม่สมบูรณ์ตามกฎหมาย เจ้าของกรรมสิทธิ์มีสิทธิไล่ที่
โจทก์จำเลยต่างก็นำสืบถึงสัญญาเช่าที่พิพาท ซึ่งจำเลยรับว่าได้ลงชื่อเป็นผู้เช่าแต่มิได้ทำสัญญาเช่ากับโจทก์ ปรากฏว่าหนังสือสัญญาเช่าดังกล่าวไม่ได้ปิดอากรแสตมป์ตาม ป.รัษฎากร มาตรา 118 รับฟังเป็นพยานหลักฐานในคดีแพ่งไม่ได้ เมื่อโจทก์ไม่ได้ลงชื่อเป็นผู้ให้เช่าและที่โจทก์นำสืบอ้างว่า ช.ลงชื่อเป็นผู้ให้เช่าในฐานะตัวแทนโจทก์ แต่ตามหนังสือมอบอำนาจดังกล่าวไม่ได้ปิดอากรแสตมป์เช่นกัน และเป็นการมอบอำนาจให้นำที่ดินคนละแปลงกับที่พิพาท ดังนี้จะฟังว่า ช.เป็นผู้ให้เช่าที่พิพาทแทนโจทก์ไม่ได้ และถือว่าโจทก์จำเลยมิได้มีหลักฐานการเช่าเป็นหนังสือต่อกันเป็นสำคัญ เมื่อที่พิพาทเป็นอสังหาริมทรัพย์ แม้โจทก์จะฟ้องร้องให้บังคับคดีเรื่องเช่าต่อจำเลยไม่ได้ และจำเลยก็ยกเรื่องการเช่าขึ้นต่อสู้โจทก์ไม่ได้ ตาม ป.พ.พ.มาตรา 538 ก็ตาม แต่เมื่อโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่พิพาท ไม่ประสงค์ให้จำเลยอยู่อาศัยต่อไป และจำเลยไม่มีข้ออ้างตามกฎหมายจำเลยก็ต้องออกไป
ชื่อจำเลยในคำฟ้องโจทก์คำว่า นางเซียมเกียง แซ่ซึ้ง โจทก์นำมาจากสำเนาทะเบียนบ้านของจำเลยที่โจทก์ได้นำมาส่งศาล ส่วนคำว่านางเซี้ยมเตียง แซ่ซึ้ง โจทก์นำมาจากหนังสือสัญญาเช่าที่ดินพิพาท ซึ่งจำเลยได้ลงลายมือชื่อเป็นภาษาจีน เป็นการเรียกทับศัพท์ จำเลยก็ไม่ได้นำสืบให้เห็นเป็นอย่างอื่น จึงฟังได้ว่าเป็นการฟ้องบุคคลเดียวกันและไม่เคลือบคลุม
ชื่อจำเลยในคำฟ้องโจทก์คำว่า นางเซียมเกียง แซ่ซึ้ง โจทก์นำมาจากสำเนาทะเบียนบ้านของจำเลยที่โจทก์ได้นำมาส่งศาล ส่วนคำว่านางเซี้ยมเตียง แซ่ซึ้ง โจทก์นำมาจากหนังสือสัญญาเช่าที่ดินพิพาท ซึ่งจำเลยได้ลงลายมือชื่อเป็นภาษาจีน เป็นการเรียกทับศัพท์ จำเลยก็ไม่ได้นำสืบให้เห็นเป็นอย่างอื่น จึงฟังได้ว่าเป็นการฟ้องบุคคลเดียวกันและไม่เคลือบคลุม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 359/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าสิ้นสุดแล้ว เจ้าของใหม่มีสิทธิไล่ที่ แม้จำเลยมีข้อตกลงพิเศษกับเจ้าของเดิมก็ใช้ไม่ได้
ขณะโจทก์ซื้อที่ดินและตึกแถวพิพาทแล้วแจ้งให้จำเลยขนย้ายออกไป เป็นระยะเวลาที่สัญญาเช่าเดิมสิ้นสุดลงแล้วและไม่มีการทำสัญญาใหม่โจทก์ไม่เคยยินยอมให้เช่าต่อไป จึงไม่มีนิติสัมพันธ์ต่อกัน แม้จำเลยจะมีสัญญาต่างตอบแทนเป็นพิเศษกับเจ้าของเดิม สัญญานี้ก็ไม่อยู่ภายใต้บังคับป.พ.พ. ม.569 จำเลยไม่มีสิทธิเอาข้อตกลงดังกล่าวมายกขึ้นเป็นข้อต่อสู้กับโจทก์ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 614/2510
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สถานะบริวารของผู้เช่าช่วงและการบังคับคดีไล่ที่
จำเลยเป็นผู้เช่าห้องพิพาทจากโจทก์ผู้ร้องอ้างว่าเป็นหุ้นส่วนกับจำเลย แต่ไม่มีข้ออ้างประการใดที่อ้างความเป็นหุ้นส่วนนั้นขึ้นยันโจทก์ได้ ผู้ร้องจึงมีฐานะเป็นบริวารจำเลยและอยู่ในฐานะที่จะต้องถูกบังคับให้ออกจากห้องพิพาทได้