โจทก์ ฟ้อง ขอให้ บังคับ จำเลย พร้อม บริวาร ออกจาก ที่ดิน พร้อม บ้านของ โจทก์ ห้าม เกี่ยวข้อง อีก ต่อไป ให้ จำเลย ชำระ ค่าเสียหาย เดือน ละ150,000 บาท นับแต่ วันฟ้อง เป็นต้น ไป แก่ โจทก์ จนกว่า จำเลย พร้อม บริวารได้ ออกจาก ที่ดิน และ บ้าน ของ โจทก์
จำเลย ให้การ ขอให้ ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้น พิพากษายก ฟ้อง
โจทก์ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ พิพากษากลับ ว่า ให้ จำเลย และ บริวาร ออกจาก ที่ดินพร้อม บ้าน พิพาท ของ โจทก์ ตาม ฟ้อง ห้าม เกี่ยวข้อง อีก ต่อไป ให้ จำเลยชำระ ค่าเสียหาย เดือน ละ 30,000 บาท นับแต่ วันฟ้อง (วันที่ 19 ตุลาคม2533) เป็นต้น ไป แก่ โจทก์ จนกว่า จำเลย และ บริวาร จะ ออกจาก ที่ดิน พร้อมบ้าน พิพาท
จำเลย ฎีกา
ศาลฎีกา วินิจฉัย ว่า "ข้อเท็จจริง ฟังได้ ว่า คดี นี้ โจทก์ ฟ้องขอให้ ขับไล่ จำเลย ออกจาก ที่ดิน และ สิ่งปลูกสร้าง พิพาท โดย อ้างว่าจำเลย ผิดสัญญา จะซื้อขาย และ ขอให้ ใช้ ค่าเสียหาย ขณะที่ คดี อยู่ ระหว่างการ พิจารณา ของ ศาลชั้นต้น จำเลย คดี นี้ ได้ เป็น โจทก์ ฟ้องโจทก์ คดี นี้เป็น จำเลย ใน คดีแพ่ง หมายเลขดำ ที่ 253/2534 ของ ศาลชั้นต้น โดย อ้างเหตุผล ใน คำฟ้อง ว่า โจทก์ ผิดสัญญา จะซื้อขาย ขอ บังคับ ให้ โอน กรรมสิทธิ์ที่ดิน และ สิ่งปลูกสร้าง พิพาท กับ ขอให้ ใช้ ค่าเสียหาย โจทก์ ซึ่งเป็น จำเลย ใน คดี ดังกล่าว ให้การ ต่อสู้ คดี โดย อ้าง เหตุ อย่างเดียว กับที่ อ้าง ใน คำฟ้อง ของ ตน คดี นี้ ต่อมา ศาลชั้นต้น พิพากษาคดี นี้ ว่าจำเลย ไม่ผิด สัญญา ให้ยก ฟ้องโจทก์ โจทก์ อุทธรณ์ ขณะที่ คดี อยู่ ระหว่างการ พิจารณา ของ ศาลอุทธรณ์ ศาลชั้นต้น ได้ พิพากษาคดี แพ่ง หมายเลขดำที่ 253/2534 ซึ่ง เป็น คดีแพ่ง หมายเลขแดง ที่ 485/2535 ว่า ใน ทางปฏิบัติ คู่สัญญา ไม่ ถือเอา กำหนด เวลา ชำระหนี้ ตาม สัญญา เป็น สำคัญสัญญา จึง ยัง ไม่เลิก กัน พิพากษา ให้ โจทก์ ซึ่ง เป็น จำเลย ใน คดี ดังกล่าวโอน กรรมสิทธิ์ ที่ดิน พร้อม สิ่งปลูกสร้าง ให้ จำเลย ซึ่ง เป็น โจทก์โดย ปลอด จำนอง ภายใน 90 วัน นับแต่ คดีถึงที่สุด โดย จำเลย ต้อง ชำระ เงินให้ โจทก์ จำนวน 12,800,000 บาท ใน วัน โอน กรรมสิทธิ์ ปรากฏว่าคดี ดังกล่าว ถึงที่สุด เมื่อ วันที่ 17 กันยายน 2535 ตาม ใบ สำคัญ แสดง ว่าคดีถึงที่สุด เอกสาร ท้าย ฎีกา ของ จำเลย โจทก์ ยื่น คำ แก้ ฎีกา โดย ยอมรับคำพิพากษา ของ ศาลชั้นต้น ดังกล่าว ว่า พิพากษา ด้วย เหตุผล ที่ชอบ แล้วศาลฎีกา เห็นว่า ฟ้องโจทก์ คดี นี้ กับ คดี ที่ จำเลย คดี นี้ ฟ้องโจทก์เป็น จำเลย มี ประเด็น ข้อพิพาท ที่ ศาล จะ ต้อง วินิจฉัย อยู่ ใน ประเด็นเดียว กัน ใน ข้อ ที่ ว่า ฝ่ายใด เป็น ฝ่าย ผิดสัญญา เมื่อ ศาลชั้นต้น ได้ มีคำวินิจฉัย ชี้ขาด คดีแพ่ง หมายเลขแดง ที่ 485/2535 คดีถึงที่สุด แล้วคำพิพากษา ใน คดี ดังกล่าว จึง ผูกพัน คู่ความ ใน คดี นี้ มิให้ โต้เถียงเป็น อย่างอื่น ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 145และ เป็น ผล ให้ ศาล ใน คดี นี้ ต้อง ฟัง ข้อเท็จจริง ตาม คำพิพากษา คดี ดังกล่าวการ ที่ ศาลอุทธรณ์ วินิจฉัย ใน ภายหลัง ว่า จำเลย ผิดสัญญา และ พิพากษา ให้ขับไล่ จำเลย จึง เป็น การ ฟัง ข้อเท็จจริง ผิด ไป จาก คดี ดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมาย ศาลฎีกา เห็นสมควร วินิจฉัย ใน ประเด็น ว่า จำเลยผิดสัญญา จะซื้อขาย หรือไม่ โดย ฟัง ข้อเท็จจริง ตาม ที่ ศาลชั้นต้น ได้วินิจฉัย ไว้ ใน สำนวน คดีแพ่ง หมายเลขแดง ที่ 485/2535 ว่า จำเลยยัง ไม่ผิด สัญญา เพราะ ใน ทางปฏิบัติ คู่สัญญา ไม่ ถือเอา กำหนด เวลาชำระหนี้ ตาม สัญญา เป็น สำคัญ สัญญา จึง ยัง ไม่เลิก กัน โจทก์ จึง ฟ้องขับไล่ จำเลย ไม่ได้ ประเด็น เรื่อง ค่าเสียหาย โจทก์ มี เพียงใดจึง ไม่จำต้อง วินิจฉัย ที่ ศาลอุทธรณ์ พิพากษา มา นั้น ไม่ต้อง ด้วยความเห็น ของ ศาลฎีกา ฎีกา จำเลย ฟังขึ้น ส่วน ที่ โจทก์ ยื่น คำ แก้ ฎีกา ว่าจำเลย ยัง ไม่ชำระ ค่าที่ดิน ให้ โจทก์ ภายใน กำหนด เวลา ตาม คำพิพากษา คดีแพ่งหมายเลขแดง ที่ 485/2535 ของ ศาลชั้นต้น จน ศาลชั้นต้น มี คำสั่ง ว่าเมื่อ จำเลย ไม่ชำระ เงิน ให้ โจทก์ ก็ ไม่ต้อง โอน ที่ดิน ให้ แก่ จำเลยตาม สัญญาต่างตอบแทน นั้น ศาลฎีกา เห็นว่า เมื่อ จำเลย ซึ่ง เป็น โจทก์ใน คดี ดังกล่าว ไม่ปฏิบัติ ตาม คำพิพากษา ของ ศาลชั้นต้น ซึ่ง ถึงที่สุด แล้วโจทก์ ซึ่ง เป็น จำเลย ใน คดี ดังกล่าว ย่อม ขอให้ ศาล บังคับคดี แก่ จำเลยซึ่ง เป็น โจทก์ ใน คดี ดังกล่าว ได้ การ ไม่ชำระ ค่าที่ดิน ตาม เวลา ที่กำหนด ใน คำพิพากษา ของ ศาลชั้นต้น หา ทำให้ คำพิพากษา ดังกล่าว สิ้น ผล ไม่ "
พิพากษากลับ ให้ บังคับคดี ตาม คำพิพากษา ของ ศาลชั้นต้น