โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้บังอาจทำเอกสารปลอมว่าเป็นของนางทองอู่ขึ้นทั้งฉบับถึงจำเลยเพื่อให้โจทก์หลงเชื่อว่าเป็นเอกสารของนางทองอู่มีถึงจำเลย และจำเลยได้นำเอกสารนั้นไปส่งให้บุตรีโจทก์ เพื่อให้โจทก์หลงเชื่อว่าเป็นเอกสารอันแท้จริง ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264, 268, 91
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วเห็นว่าโจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหายพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ข้อเท็จจริงในคดีนี้ต้องฟังตามที่ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยมาแล้วซึ่งได้ความว่าโจทก์กับจำเลยได้เคยทำการแลกเปลี่ยนเครื่องเพ็ชรต่อกันเสมอ ครั้งหลัง ๆ จำเลยได้ยืมเครื่องเพ็ชรของโจทก์ไปจำนำไว้กับนางทองอู่ โดยโจทก์ตกลงจะเป็นผู้ไถ่เอง ต่อมาโจทก์ได้รับจดหมายของจำเลยพร้อมกับแนบจดหมายอันมีข้อความตามฟ้องลงชื่อนางทองอู่อีกฉบับหนึ่ง ต่อมาเมื่อนางทองอู่มาเบิกความในคดีเรื่องหนึ่งจึงได้ทราบว่าจดหมายนั้นไม่ใช่ของนางทองอู่ถึงจำเลย เห็นว่า ตามฟ้องโจทก์อ้างว่าจำเลยใช้เอกสารนี้ให้โจทก์หลงเชื่อว่าเป็นเอกสารอันแท้จริงเพื่อโจทก์จะได้ทำตามอุบายหลอกลวงที่จำเลยมีต่อโจทก์ ฟ้องโจทก์ดังกล่าวมาแสดงว่ายังไม่ได้เกิดความเสียหายแก่โจทก์เนื่องจากเอกสารฉบับนั้นเลย กล่าวคือ โจทก์ยังไม่ได้ชำระดอกเบี้ยหรือไถ่ถอนทรัพย์ที่จำนำไว้กับนางทองอู่ตามที่มีการทวงมาแต่อย่างใด ทั้งการที่โจทก์ได้ตกลงไว้กับนางทองอู่ว่าโจทก์จะเป็นผู้ไถ่เครื่องเพ็ชรที่ให้จำเลยยืมมาจำนำไว้นั้น จำเลยก็ตกอยู่ในสภาพลูกหนี้มีหน้าที่ไถ่ถอนทวงเตือนเร่งรัดให้โจทก์ชำระดอกเบี้ยหรือไถ่ทรัพย์อยู่ในตัว โจทก์จึงไม่ใช่ผู้เสียหายในการนี้ ฉะนั้น จึงไม่มีอำนาจฟ้องคดีนี้
พิพากษายืน ยกฎีกาโจทก์