โจทก์ฟ้องว่าเมื่อ พ.ศ. 2499 จำเลยที่ 1 ได้ให้โจทก์เช่าตึกมีกำหนด 10 ปี และยินยอมให้โจทก์โอนสิทธิการเช่าให้ผู้อื่นได้ต่อมา 26 กันยายน 2499 โจทก์โอนสิทธิการเช่าตึกให้กับธนาคารกรุงเทพฯในราคา 160,000 บาท ทางธนาคารจ่ายเงินค่าโอนสิทธิการเช่านี้ฝากไว้กับจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นตัวแทนจำเลยที่ 1 เป็นเงิน 150,000 บาทจำเลยที่ 2 ได้นำเงินไปใช้จ่ายโดยพลการโดยไม่มีอำนาจ โจทก์ทวงถามไปจำเลยตอบบ่ายเบี่ยงว่าได้หักใช้หนี้คนอื่นไปและหักเป็นเงินช่วยค่าก่อสร้างซึ่งโจทก์ต้องเสีย 46,000 บาท เมื่อหักไว้มีเงินเหลืออีก109,000 บาท จึงขอให้บังคับจำเลยใช้เงิน 109,000 บาทแก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ย
ศาลแพ่งตรวจฟ้องมีคำสั่งว่า ธนาคารเป็นผู้ฝากโจทก์จึงไม่มีมูลหนี้กับจำเลย ไม่มีอำนาจฟ้อง จึงไม่รับฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา ศาลฎีกาเห็นว่า เงินที่โจทก์ฟ้องเป็นเงินของธนาคารฯ จ่ายฝากไว้กับจำเลย ไม่ใช่เงินของโจทก์และไม่ปรากฏว่าฝากไว้เพื่อโจทก์ โจทก์จึงไม่มีสิทธิใดเหนือเงินนี้ และถ้าจะถือว่าจำเลยรับเงินไว้ฐานลาภมิควรได้ ผู้จะเรียกคืนควรเป็นธนาคารฯไม่ใช่โจทก์ เพราะโจทก์มิใช่เป็นผู้ชำระเงินไว้กับจำเลย พิพากษายืน