โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเป็นผู้มีสัญชาติไทยโดยการเกิด มีบิดาชื่อนายง้วน แซ่เตียว หรือแซ่เตีย ซึ่งเป็นคนต่างด้าว จำเลยสำเร็จการศึกษาชั้นมัธยมศึกษาปีที่สาม (ม.6) ซึ่งเป็นระดับมัธยมศึกษาตอนต้นและจำเลยมิได้เป็นผู้สอบไล่ได้ไม่ต่ำกว่าระดับมัธยมศึกษาตอนปลายตามหลักสูตรของกระทรวงศึกษาธิการ หรือตามแผนการศึกษาของชาติ หรือได้เข้าเรียนอยู่ในโรงเรียนหรือสถาบันการศึกษาอื่นในประเทศตามกำหนดเวลามาโดยตลอด จนมีความรู้ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเทียบเท่าหรือรับรองว่าเทียบได้ไม่ต่ำกว่าระดับมัธยมศึกษาตอนปลายตามหลักสูตรของกระทรวงศึกษาธิการ หรือตามแผนการศึกษาของชาติ และมิได้เป็นผู้เข้าศึกษาในมหาวิทยาลัยหรือสถาบันการศึกษาชั้นสูงในประเทศตามหลักสูตร จนเป็นผู้สอบไล่ได้ไม่ต่ำกว่าชั้นปริญญาตรีหรือเทียบเท่า จำเลยจึงไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ได้ เมื่อวันที่12 มิถุนายน 2528 เวลากลางวัน จำเลยรู้อยู่แล้วว่า ตนไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ เพราะขาดคุณสมบัติดังกล่าวข้างต้น จำเลยได้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ โดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย เหตุเกิดที่ตำบลกาฬสินธุ์ อำเภอเมืองกาฬสินธุ์ จังหวัดกาฬสินธุ์ ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล พุทธศักราช 2482มาตรา 20 ทวิ, 65 ที่แก้ไขแล้ว และให้เพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของจำเลยมีกำหนดเวลาแปดปี
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษากลับว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล พุทธศักราช 2482มาตรา 20 ทวิ, 65 ที่แก้ไขแล้ว จำคุก 4 เดือน และปรับ 800 บาทโทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 56 ไม่ชำระค่าปรับจัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30และให้เพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของจำเลยมีกำหนดเวลาแปดปี
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว ทางพิจารณาโจทก์นำสืบว่าเมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2528 จำเลยได้ยื่นใบสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาเทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ ระบุว่ามีบิดาเป็นคนสัญชาติไทยและจำเลยสำเร็จการศึกษาชั้นมัธยมปีที่ 6 (ม.6) ต่อมาคณะกรรมการตรวจสอบคุณสมบัติของจำเลย ได้ตรวจสอบแล้วปรากฏว่าบิดาของจำเลยเป็นคนต่างด้าว สัญชาติจีน ตามเอกสารหมาย จ.6, จ.8, จ.9และจำเลยไม่มีหลักฐานมาแสดงว่าจำเลยสำเร็จการศึกษาชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย
จำเลยนำสืบว่า จำเลยยื่นใบสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาเทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ ระบุว่ามีบิดาเป็นคนสัญชาติไทยตามสำเนาทะเบียนบ้านของจำเลย จำเลยจึงไม่ต้องส่งหลักฐานแสดงวุฒิทางการศึกษาอีก
พิเคราะห์แล้ว มีปัญหาที่จะต้องพิจารณาตามฎีกาของจำเลยว่าจำเลยกระทำความผิดตามฟ้องหรือไม่ จำเลยฎีกาว่าบิดามารดาของจำเลยไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน จำเลยจึงไม่ใช่บุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของนายง้วน แซ่เตียว หรือแซ่เตีย เพราะคำว่า "บิดา"ตามพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล พ.ศ. 2482มาตรา 20 และมาตรา 20 ทวิ ที่แก้ไขแล้ว จะต้องเป็นบิดาโดยชอบด้วยกฎหมายเท่านั้น ข้อโต้แย้งของจำเลยดังกล่าวนี้เห็นว่า ข้อเท็จจริงในชั้นฎีกา จำเลยรับแล้วว่า จำเลยเป็นบุตรของนายง้วน ส่วนข้อที่ว่า นายง้วนเป็นบุคคลสัญชาติจีนหรือสัญชาติไทย จำเลยไม่ฎีกาคัดค้านคำพิพากษาของศาลล่างทั้งสอง และยอมรับในคำฟ้องฎีกาว่าจำเลยมีบิดาเป็นคนสัญชาติจีน จึงต้องรับฟังว่าจำเลยมีบิดาเป็นคนต่างด้าว
ส่วนคำว่า "บิดา" ตามพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล พ.ศ. 2482 มาตรา 20 และมาตรา 20 ทวิ ที่แก้ไขแล้วจะหมายถึงบิดาโดยชอบด้วยกฎหมายสถานเดียวหรือไม่นั้น พิจารณาแล้วเห็นว่า การพิจารณาคุณสมบัติของผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาเทศบาลนั้น หาได้มุ่งถึงสถานะของบุคคลผู้สมัครรับเลือกตั้งแต่เพียงฝ่ายเดียวเป็นสาระสำคัญไม่ แต่จะต้องคำนึงถึงเชื้อชาติตามความเป็นจริง วัยและประสบการณ์ตลอดจนความผูกพันต่อท้องถิ่นที่ผู้สมัครรับเลือกตั้งเกี่ยวข้องอยู่ด้วยในเขตเลือกตั้งประกอบกันดังที่พระราชบัญญัติดังกล่าวได้กล่าวถึงลักษณะคุณสมบัติของผู้สมัครรับเลือกตั้งไว้ในมาตรา 20 และมาตรา 20 ทวิ ที่แก้ไขแล้วทั้งนี้เพื่อให้ได้ตัวสมาชิกสภาเทศบาลที่เป็นบุคคลในท้องถิ่นซึ่งสามารถเข้ามามีสิทธิร่วมในการบริหารและพัฒนาท้องถิ่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ จากวัตถุประสงค์ดังกล่าวแล้วจึงเห็นว่าผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาเทศบาลที่มีบิดาเป็นคนต่างด้าวจึงไม่จำต้องเป็นบิดาที่ชอบด้วยกฎหมาย กรณีต่างไปจากการพิจารณาถึงสัญชาติของบุคคลที่มีบิดาเป็นคนต่างด้าว และอาจถูกถอนสัญชาติไทยได้ในบางกรณี ซึ่งในกรณีนั้นบิดาจะต้องเป็นบิดาโดยชอบด้วยกฎหมายเพราะเป็นสถานะของบุคคลที่มีอยู่อย่างใดเป็นการเฉพาะตัว ไม่มีผลกระทบถึงประโยชน์ของชุมชนหรือท้องถิ่นดังเช่นสิทธิในการสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาเทศบาล หากถือว่าบิดาในกรณีนี้จะต้องเป็นบิดาโดยชอบด้วยกฎหมายเท่านั้นแล้ว ผลที่ตามมาจะแปลกไปกล่าวคือ ถ้าจำเลยมีบิดาโดยชอบด้วยกฎหมายเป็นคนต่างด้าว และไม่มีคุณสมบัติทางการศึกษาตามมาตรา 20 ทวิ ที่แก้ไขแล้ว จำเลยจะไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งในทางเปรียบเทียบ ถ้าจำเลยมีบิดาไม่ชอบด้วยกฎหมายเป็นคนต่างด้าว ไม่ว่าจะมีคุณสมบัติทางการศึกษาตามมาตรา 20 ทวิ ที่แก้ไขแล้วหรือไม่ จำเลยกลับมีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเพราะถือว่าจำเลยเป็นคนสัญชาติไทยโดยการเกิดตามมาตรา 20 ที่แก้ไขแล้ว เหตุผลดังกล่าวแล้ว จึงเป็นข้อสนับสนุนว่า"บิดา" ตามพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล พ.ศ. 2482มาตรา 20 และมาตรา 20 ทวิ ที่แก้ไขแล้ว หมายถึงทั้งบิดาที่ชอบด้วยกฎหมาย และบิดาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1วินิจฉัยว่า จำเลยไม่มีคุณสมบัติตามกฎหมาย และกระทำความผิดตามฟ้อง จึงชอบ ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน