โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกับพวกได้กลุ้มรุมทำร้ายนายทวนและนายเพิ่ม ไชยสุข ถึงแก่ความตาย โดยเจตนาจะฆ่าและโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๒๘๙,๘๓ ริบขอกลาง
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นเห็นว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๒๘๘
โจทก์อุทธรณ์ว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานฆ่าคนโดยไตร่ตรองไว้ก่อน
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า การที่จำเลยที่ ๑ ใช้ให้จำเลยที่ ๒,๓ ไปตามนายทวนผู้ตายให้ไปกินข้าวที่บ้านถึง ๒ ครั้ง หากเป็นการเชิญโดยสุจริตใจ เหตุใดจำเลยที่ ๒ จะต้องพกค้อนเหล็กไปในตัว และจำเลยที่ ๓ ถือพร้าไปด้วย แม้แต่จำเลยที่ ๔ ซึ่งเป็นเด็กอายุเพียง ๑๗ ปี ก็ยังมีสนับมือเป็นอาวุธ ส่วนจำเลยที่ ๑ แทนที่จะรอต้อนรับนายทวนผู้ตายอยู่ที่บ้าน กลับไปรอต้อนรับอยู่กลางทาง พร้อมด้วยปืนลูกซองยาว ผิดปกติวิสัยการต้อนรับฉันมิตร เมื่อจำเลยที่ ๑ ยกปืนจะยิงนายทวนผู้ตาย แต่นายทวนปัดปากกระบอกปืนไปเสียก่อนจำเลยที่ ๒,๓,๔ ก็ใช้อาวุธที่เตรียมไปกลุ้มรุมทำร้ายนายทวนนายเพิ่มผู้ตายทันที โดยจำเลยที่ ๑ มิได้ขอร้องให้ช่วงเลย พฤติการณ์จึงส่อแสดงให้เห็นชัดว่า จำเลยได้วางแผนการที่จะหลอกนายทวนนายเพิ่มผู้ตายมาทำร้ายในระหว่างทาง จำเลยที่ ๒,๓ และ ๔ จึงเตรียมอาวุธไปครบมือ ส่วนจำเลยที่ ๑ ก็มีปืนไปดักรออยู่กลางทาง เมื่อจำเลยที่ ๑ เป็นหัวหน้าลงมือทำร้ายผู้ตาย จำเลยที่ ๒,๓ และ ๔ ก็ร่วมมือช่วยทำร้ายผู้ตายทันทีโดยรู้กันอยู่แล้ว เมื่อทำร้ายผู้ตายถึงแก่ความตายแล้ว ยังได้ไปแจ้งความต่อเจ้าพนักงานว่านายทวนผู้ตายกับพวกมาฉุดนางสาวระนองบุตรีจำเลยที่ ๑ ไป
อันเป็นแผนการขั้นต่อไปที่จำเลยจะสู้คดี จำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้อง และไม่มีพยานนำสืบให้เห็นเป็นอย่างอื่น ข้อเท็จจริงจึงฟังได้ตามพยานหลักฐานโจทก์ว่า จำเลยได้ร่วมกันฆ่านายทวนนายเพิ่มถึงแก่ความตายโดยเจตนา และโดยไตร่ตรองไว้ก่อน
พิพากษาแก้ ให้วางโทษประหารชีวิต แล้วลดโทษให้คงจำคุกโจทก์อุทธรณ์ ๑,๒ คนละ ๑๒ ปี จำคุกจำเลยที่ ๒๓ +++ปี นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์