โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341, 350
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง โดยมิได้ไต่สวนมูลฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ข้อเท็จจริงตามที่ระบุในคำฟ้องจำเลยอาจมีความผิดฐานฉ้อโกงได้ ที่ศาลชั้นต้นงดการไต่สวนมูลฟ้องแล้วพิพากษายกฟ้องในความผิดฐานนี้ ศาลอุทธรณ์ไม่เห็นพ้องด้วยส่วนข้อหาฐานโกงเจ้าหนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาชอบแล้ว พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้นเฉพาะที่ยกฟ้องโจทก์ในข้อหาฐานฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 และให้ทำการไต่สวนมูลฟ้องแล้วพิจารณาพิพากษาใหม่ตามรูปคดี นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า 'คดีนี้เป็นคดีที่ราษฎรเป็นโจทก์ศาลจึงต้องทำการไต่สวนมูลฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 162 และประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 165 วรรค 3 บัญญัติว่าก่อนที่ศาลประทับฟ้องมิให้ถือว่าจำเลยอยู่ในฐานะที่เป็นจำเลยเมื่อเป็นเช่นนี้การที่ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษาให้ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วพิจารณาพิพากษาใหม่ในข้อหาที่โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกระทำความผิดฐานฉ้อโกงนั้น ยังไม่ทำให้จำเลยอยู่ในฐานะที่เป็นจำเลย เมื่อยังไม่ได้เป็นจำเลยจึงไม่ได้เป็นคู่ความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 2 (15)ไม่มีสิทธิที่จะฎีกาโต้แย้งคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ได้'
พิพากษาให้ยกฎีกาของจำเลย.