โจทก์ฟ้องว่า จำเลยมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืน มีวัตถุระเบิด มีลูกระเบิดสำหรับใช้เฉพาะแต่ในการสงคราม ทำให้ผู้อื่นตกใจกลัว ข่มขืนใจผู้อื่น หน่วงเหนี่ยวกักขัง บุกรุกเข้าไปในเขตปลอดภัยในราชการทหาร และต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานโดยใช้อาวุธ ขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พระราชบัญญัติว่าด้วยเขตปลอดภัยในราชการทหาร ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 138, 309, 310, 362, 364, 365, 392, 91, 32 ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 11
จำเลยให้การรับสารภาพทุกข้อหา
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามฟ้อง ให้เรียงกระทงลงโทษจำเลยสำหรับความผิดฐานบุกรุกเข้าไปในเขตปลอดภัยในราชการทหารตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 362, 364, 365 ซึ่งผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยเขตปลอดภัยในราชการทหารด้วย ให้ลงโทษบทหนักตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 365 จำคุก 5 ปี และความผิดฐานอื่นได้กำหนดโทษแต่ละกระทงไว้รวมเป็นจำคุกจำเลย 20 ปี จำเลยให้การรับสารภาพลดโทษกึ่งหนึ่ง คงจำคุกจำเลย 10 ปี
จำเลยอุทธรณ์ว่าตามฟ้องของโจทก์ที่ว่าจำเลยบังอาจมีลูกระเบิดขว้างชนิดสังหารแบบ 88 บ.61 จำนวน 1 ลูก อันเป็นลูกระเบิดสำหรับใช้แต่เฉพาะในการสงครามไว้ในความครอบครองนั้น โจทก์ไม่ได้บรรยายว่าลูกระเบิดดังกล่าวสามารถใช้เป็นอาวุธขว้างและระเบิดได้ เพราะลูกระเบิดนั้นอาจใช้การไม่ได้ก็ได้ แม้จำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้องก็ลงโทษจำเลยไม่ได้
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์ได้บรรยายฟ้องในข้อหาฐานนี้ครบถ้วนองค์ประกอบความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2501มาตรา 3, 5 และกฎกระทรวง ฉบับที่ 7 (พ.ศ. 2501)(12) แล้ว หาจำต้องบรรยายว่าเป็นลูกระเบิดที่ใช้ขว้างและระเบิดได้ไม่ ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น แต่สำหรับความผิดฐานบุกรุกที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 362, 364 และ 365 นั้น ศาลฎีกายังไม่เห็นพ้องด้วย เพราะเมื่อจำเลยผิดมาตรา 365 แล้ว ก็ไม่จำต้องยกมาตรา 362 และ 364 ขึ้นปรับบทลงโทษอีก
พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในส่วนที่เกี่ยวกับความผิดฐานบุกรุก เป็นว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 365 นอกจากที่แก้นี้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์